เบื่อ หดหู่ สิ้นหวัง เริ่มต้น ‘ตั้งตัว’ ย้ายประเทศอย่างไรดี ให้ ‘เจ็บตัว’ น้อยที่สุด

การเมืองสิ้นหวัง อากาศแย่ ค่าครองชีพแพง ค่าแรงถูกแสนถูก สถานการณ์อึมครึมหลายอย่างในประเทศชวนให้หดหู่เสียเหลือเกิน โจทย์เดิมในเวลาใหม่ว่าด้วยการ ‘ย้ายประเทศ’ กลับมาอีกครั้ง หลังจากเคยเฟื่องฟูมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน เพราะอยู่ไปเรื่อยๆ ประเทศนี้ก็ชวนให้มีแต่เรื่องสิ้นหวังขึ้นมาใหม่ 

ในวัยต่ำกว่า 30 เป็นวัยที่ยัง ‘มูฟ’ ได้ง่าย หลายประเทศจัดว่าเป็น ‘แรงงานคุณภาพ’ ที่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และโดยตัวเองก็ยังไม่ได้มีภาระผูกพัน ยังไม่ได้ผ่อนคอนโดมิเนียม ยังไม่ได้ผ่อนรถ เป็น ‘โอกาส’ ใหม่ๆ ในการสร้างชีวิต หากไม่มีพันธะผูกพันใดๆ กับครอบครัว

แล้วการเริ่มต้นชีวิตในต่างแดนควรเริ่มจากตรงไหน… Work Tips สัปดาห์นี้มีคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ มาฝาก…

1.ตั้งหมุดหมายให้ดีว่าอยากย้ายไปทำอะไร

การย้ายประเทศอาจเป็นได้ทั้งการย้ายชั่วครู่เพื่อไปเรียนต่อปริญญาโท การหาโอกาสเรียนภาษาเพื่อเพิ่มพูนความรู้ หรือการ ‘ใช้ชีวิต’ เพื่อหาประสบการณ์ว่าการอยู่ในประเทศที่เจริญ-พัฒนาแล้วเป็นอย่างไร ขณะที่บางคนอาจย้ายประเทศเพื่อหาลู่ทางใหม่ หาโอกาสใหม่ๆ ให้ชีวิต ย้ายครอบครัวเพื่อตั้งรกราก ย้ายไปประกอบอาชีพอื่นในประเทศที่เจริญกว่า ได้ค่าตอบแทนมากกว่า 

ปัจจุบันมี ‘วีซ่า’ หลายรูปแบบที่เอื้อให้เกิดการย้ายประเทศทั้งชั่วครูและระยะยาว ออสเตรเลียมีทั้งวีซ่าเรียนภาษา วีซ่า Work & Holiday สำหรับทำงาน หรือวีซ่าเรียนปริญญาโท แคนาดามีวีซ่าสำหรับย้ายรกรากในระยะยาว และสหรัฐอเมริกามีกรีนการ์ดล็อตโต้ที่ขอยากขอเย็น แต่ถ้าขอได้ก็สบาย

ศึกษาหาข้อมูลให้ดีว่าประเทศเหล่านี้ ‘ขาดแคลน’ แรงงานประเภทไหน แน่นอนว่าในโลกยุคปัจจุบัน หากคุณมีข้อมูลพื้นฐานด้านไอที การเขียนโปรแกรม เขียนโค้ด ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง และการเลือกเรียนสายวิทยาศาสตร์ล้วนเป็นที่ต้องการมากกว่า 

การตั้งหมุดหมายที่ถูกต้องจะบอกได้ว่าคุณต้องเตรียมอะไรบ้าง ต้องรู้ภาษาในระดับไหน ต้องมีเส้นทางวิชาชีพแบบใด 

2.เริ่มเรียนภาษา

ไม่ว่าจะย้ายไปไหน ภาษาล้วนเป็นเรื่องสำคัญ การตั้งต้นผ่านการสอบ TOEFL หรือ IELTS ล้วนเป็นเรื่องจำเป็น เพราะเรื่องเหล่านี้จะทำให้คุณมีภาษีดีกว่าคนอื่นๆ ที่มีเป้าใกล้เคียงกัน หากอยากไป ‘ทำงาน’ ก็ทำให้ที่ทำงานพิจารณารับคุณได้ง่ายกว่า เร็วกว่า หากตั้งเป้าไปเรียนปริญญาโท มหาวิทยาลัยดังก็ตั้งการ์ดเปิดรับเฉพาะคนที่มีคะแนนดีๆ เป็นต้นว่า TOEFL ต้องเกิน 85 คะแนน หรือ IELTS ต้องเกิน 7 ขณะเดียวกัน ในบางคณะที่ต้องสอบ SAT ซึ่งยากขึ้นไปอีก การมีคะแนนสอบพื้นฐานเหล่านี้ทำให้คุณเตรียมตัวเร็วขึ้นไปได้เยอะ

อย่างไรก็ตาม มีบางประเทศ มีบางภาษาที่คนไทยไม่ได้นิยมเรียนเท่าไร เป็นต้นว่า ภาษาสเปน หรือภาษาเยอรมนี การเชี่ยวชาญในภาษาเหล่านี้ และมุ่งเข็มไปยังประเทศเหล่านี้แทนประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษอาจช่วยให้คุณมีแต้มต่อ หรือลองมองหาภาษาอื่นๆ แถบนี้ไปเลย อย่างเวียดนาม อย่างตากาล็อก ก็อาจทำให้คุณมีโอกาสมากขึ้น

ประเทศตะวันตกยุคอาณานิคม ล้วนมองหาประเทศที่ยังพัฒนาไม่มาก เพื่อหาลู่ทางในการค้าขาย ทำธุรกิจ หรือริเริ่มอะไรใหม่ๆ หากคุณเริ่มได้ในอายุที่ไม่มาก ก็จะเป็นการเริ่มต้นที่ขยายออก-ต่อยอดได้อีกยาว

3.อย่าลืมว่าคนไทยไม่ใช่ชาติเดียวที่อยากย้ายประเทศ

ในเวลาเดียวกับที่คนไทยจำนวนมากหาที่ทางเพื่อไปเป็น ‘พลเมืองโลก’ คนทั่วโลกต่างก็คิดแบบเดียวกัน วันนี้ หากเดินในเมลเบิร์น ออสเตรเลีย คุณจะเจอคนจีน คนอินเดีย จำนวนไม่น้อยที่คิดแบบเดียวกัน ขวนขวายในแบบเดียวกันกับคุณ แม้ว่าพวกเขาจะมาจากครอบครัวชนชั้นกลาง ชนชั้นสูงเช่นกัน แบบเดียวกับในยุโรป ที่คุณจะเจอชาวมุสลิมจากตะวันออกกลาง หรือชาวอเมริกาใต้ที่เข้ามาแสวงหาโอกาส

การที่คุณไม่มีข้อมูลพื้นฐาน ไม่มีเข็มมุ่งที่ดีพอ รู้จักคนน้อย รู้ภาษางูๆ ปลาๆ จะจำกัดให้คุณทำงานได้เฉพาะในร้านอาหารไทย ร้านนวดไทย เป็นพื้นฐาน แต่อย่าลืมว่าโลกกว้างไม่ได้จำกัดแค่นี้เท่านั้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคุณต้องการทักษะเฉพาะบางอย่างเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปเจอคู่แข่งขันจากประเทศเหล่านี้ที่ล้วนมีความสามารถ มี Passion ใกล้เคียงกันกับคุณ

4.เตรียมใจไว้ ‘แพ้’ บ้าง

อันที่จริงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ ‘ล้มเหลว’ กลับมา อย่างที่บอก กฎของการย้ายประเทศถูกสร้างโดยเจ้าของประเทศ วันดีคืนร้าย รัฐบาลอาจเปลี่ยนทิศทาง ไม่เน้นนำเข้าแรงงาน ตั้งกฎการเข้าเมืองให้ยากลำบากขึ้น ในออสเตรเลีย มีการเปลี่ยนกฎการขอออก Permanent Residence หรือราษฎรถาวรให้ยากขึ้นทุกปี บางปี การเรียนบางสาขาอาจใช้ได้ แต่ปีต่อไป ก็อาจจะไม่ให้ใช้แล้วไปได้ดื้อๆ ในเวลาเดียวกัน ธุรกิจทางบ้านคุณอาจมีปัญหา พ่อแม่คุณอาจเริ่มเจ็บป่วยและอยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อน ฉะนั้น การเลือกเดินทางกลับ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะแพ้ หากแต่มีปัจจัยอื่นๆ อีกร้อยแปดที่คุณควบคุมไม่ได้

บางครั้ง การออกเดินทางย้ายประเทศอาจจะไม่ได้มีปลายทางที่สวยหรู ประสบความสำเร็จอย่างเดียว แต่ประสบการณ์ระหว่างทางล้วนเป็นเรื่องน่าจดจำ การได้ออกท่องเที่ยวในสถานที่แปลกใหม่ การได้พบปะผู้คนที่อยู่นอก Circle เดิม หรือการได้ลองรู้จัก Know How การทำธุรกิจแปลกใหม่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยล้วนสร้างคุณให้แข็งแกร่งขึ้น เป็นคนอีกคนหนึ่งซึ่งในอนาคตคุณอาจจะจำตัวเองในอดีตไม่ได้ก็ได้…