ตั้งแต่สมาร์ตโฟนก้าวขึ้นมาเป็นปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ยุคปัจจุบัน หลายสิ่งหลายอย่างที่เราเคยต้องดั้นด้นไปควานหาจากที่ต่างๆ ก็มารวมอยู่ที่ปลายนิ้วของเรา ทั้งความรู้ ของกินของใช้ ความบันเทิง รวมไปถึงคนรู้ใจด้วย

เมื่อโลกของการหาคู่ย้ายมาสู่มือถือ รูปแบบความสัมพันธ์ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นเทรนด์ใหม่ๆ ที่ย้อนกลับไปแค่ 5-10 ปีที่แล้วไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน

ล่าสุด เฟซบุ๊กเพิ่งประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ให้ผู้ใช้หาคู่ได้ในแพลตฟอร์มของตนเองได้ ชวนให้น่าคิดว่าเทรนด์การหาคู่จะเปลี่ยนไปอย่างไรอีก

สัปดาห์นี้ เพื่อต้อนรับฟีเจอร์ใหม่นี้ เราจะไปสำรวจวงการกันว่าปัจจุบันนี้มีเทรนด์ความสัมพันธ์ในโลกอินเทอร์เน็ตอะไรบ้าง

 

Catfishing

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยหลงคุยกับคนคนหนึ่งเสียนานแล้วเพิ่งมารู้ภายหลังว่าภาพที่เห็นอยู่นั้นไม่ใช่ภาพของคนที่คุยด้วย เข้าใจว่ากำลังพัฒนาความสัมพันธ์กับสาวสวยหน้าตาละม้ายคล้ายเฌอปราง แต่ทุกอย่างเป็นเพียงมายาเพราะตัวจริงข้างหลังหน้าจอเป็นโอตะชายหัวล้านวัยกลางคน ขอแสดงความเสียใจด้วย เพราะคุณได้ตกเป็นเหยื่อของเทรนด์ catfishing เสียแล้ว

Catfishing คือ การใช้ภาพคนอื่นมาแอบอ้างว่าเป็นตัวเองแล้วเที่ยวเอาใช้ไปคุยหรือจีบชาวบ้าน มาจากคำว่า catfish ที่แปลว่า ปลาดุก แต่ส่วนที่ว่าปลาดุกมาเกี่ยวกับการแอบอ้างเป็นคนอื่นยังไงนั้นยังระบุไม่ได้แน่ชัด

คำว่า catfish นี้ จะใช้เป็นนามก็ได้ หมายถึง คนที่ใช้ภาพคนอื่นไปหลอกลวงผู้อื่น เช่น He flaked on you at the last minute again? I think he’s a catfish. ก็จะแปลว่า มันเบี้ยวนัดแกนาทีสุดท้ายอีกแล้วเหรอ เราว่ามันต้องเป็นพวกตัวจริงไม่ตรงปกแน่ๆ คำนี้จะใช้เป็นกริยาก็ได้เช่นกัน หมายถึง หลอกคนด้วยการแอบอ้างเป็นคนอื่น เช่น หากเราตกเป็นเหยื่อพฤติกรรมแบบนี้ ก็อาจจะพูดว่า I got catfished.

ว่ากันว่าคำนี้แพร่หลายขึ้นมาเพราะสารคดีชื่อ Catfish ในปี 2010 ซึ่งเกี่ยวกับคนที่หลอกลวงคนอื่นในอินเทอร์เน็ตด้วยการอ้างว่าเป็นคนอื่น เทรนด์นี้แพร่หลายถึงขนาดที่ในสหรัฐอเมริกามีรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับคนจำพวกนี้ชื่อว่า Catfish เลยทีเดียว

 

Breadcrumbing

หากเพื่อนของคุณเป็นพวกชอบส่งข้อความไปทักทายคนที่รู้สึกว่า ก็น่ารักดี คุยเล่นๆ ไว้ให้จิตใจกระชุ่มกระชวยแต่ไม่คิดจริงจัง สี่ห้าวันก็ทักไปทีนึงให้ไม่ขาดการติดต่อ สิ่งที่เพื่อนของคุณกำลังทำอยู่นี้เรียกว่า breadcrumbing

ปกติแล้ว คำว่า breadcrumb หมายถึง ขนมปังป่นแบบที่ใช้ชุบของทอด หรือ เศษขนมปังที่บิออกจากขนมปังก้อนใหญ่ แต่หากเป็นในโลกความสัมพันธ์ยุคใหม่แล้ว คำนี้จะหมายถึง การคอยติดต่ออยู่เรื่อยๆ เพื่อให้ความหวัง แต่ไม่ได้คิดจะพัฒนาความสัมพันธ์จริงจัง ทำนองว่าโรยเศษขนมปังเป็นทางไว้เพื่อให้เดินตามมาเรื่อยๆ แต่คนที่ตามมาได้กินแต่เศษขนมปัง แต่ไม่ได้แตะขนมปังก้อนใหญ่ทั้งก้อน

คำว่า breadcrumb นี้จะใช้เป็นนามก็ได้ หมายถึง ข้อความที่ส่งไปหยอดเพื่อไม่ให้ขาดการติดต่อ เช่น หากเพื่อนได้ข้อความจากผู้ชายแต่ละครั้งแล้วดีใจจนเนื้อเต้น แต่เรารู้ว่าเพื่อนโดนให้ความหวังอยู่และเริ่มอดรนทนไม่ได้กับความโง่ของเพื่อน ก็อาจจะพูดว่า You know that all these texts are just breadcrumbs, right? หรือหากใช้เป็นกริยา ก็จะหมายถึง การส่งข้อความไปหยอดให้อีกฝ่ายมีความหวังไปเรื่อยๆ เช่น You’re being breadcrumbed. Wake up! ก็จะหมายถึง แกโดนเขาอ่อยให้ความหวังอยู่ ตื่นจ้ะเพื่อน

 

Deep-liking

สมัยก่อน หากอยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเราสนใจ เราก็อาจใช้วิธียิ้มให้หรือเข้าไปทักทาย หรือถ้าอ่อยเบอร์แรงหน่อยก็อาจจะทำผ้าเช็ดหน้าตกให้อีกฝ่ายมาเก็บเหมือนในเพลงของ Triumph Kingdom แต่ถ้าเป็นสมัยนี้ สิ่งที่หลายคนทำเพื่อส่งสัญญาณว่าแอบมองอีกฝ่ายอยู่ก็คือการ deep-like

Deep-liking หมายถึง การกลับไปกดไลก์รูปเก่าๆ ของคนคนหนึ่ง เช่น ไถหน้าฟีดกลับไปกดไลก์รูปของคนคนนั้นจากปี 2011 เพื่อให้รู้ว่าเขารู้ว่าเราสนใจ ส่วนใหญ่จะใช้กับอินสตาแกรมเป็นหลัก แต่จะใช้กับเฟซบุ๊กก็ได้เช่นกัน

ทั้งนี้ การย้อนเวลาหาอดีตแล้วไล่กดไลก์ภาพแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะเป็นที่ปลาบปลื้มของเจ้าของภาพเสมอไป เพราะหลายคนก็รู้สึกว่าคนที่ทำแบบนี้ดูน่ากลัว เหมือนมาสอดแนมละลาบละล้วง มีพฤติกรรมเหมือนพวก stalker จิตหมกมุ่น

ปกติแล้วคำนี้ใช้เป็นกริยา เช่น หากเราไล่ดูภาพเก่าๆ ของคนที่เราแอบชอบแล้วดันเผลอกดไลก์ไป แบบนี้เราก็อาจบอกว่า I accidentally deep-liked one of his photos. He’s gonna think I’m a creep!

 

Ghosting

คำว่า ghosting หมายถึง การจบความสัมพันธ์แบบไม่มาเผชิญหน้ากันเพื่อบอกเลิกอีกฝ่ายอย่างเป็นทางการ แต่ใช้วิธียุติการติดต่อทุกช่องทางแล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับว่าได้ตายไปจากโลกนี้และกลายเป็นผีไปแล้วนั่นเอง เทรนด์นี้นับว่าแพร่หลายมากจนได้รับการบรรจุลงพจนานุกรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ปกติแล้วคำนี้มักใช้เป็นกริยา เช่น หากคุณกำลังคุยกับคนคนหนึ่งอยู่ แล้วอยู่มาหนึ่ง เขาคนนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ติดต่อก็ไม่ได้ ส่งข้อความอะไรไปก็ไม่อ่าน โทรศัพท์ไปก็ไม่รับ จนคุณคิดว่าเขาหายตัวไปจากโลกนี้เสียแล้ว เราก็อาจพูดว่า I think I’m being ghosted. หมายถึง สงสัยโดนเทแล้วว่ะ

ในทางตรงกันข้าม หากเราเป็นฝ่ายที่โดนเทหรือโดนทิ้ง แต่ก็ยังแอบดูความเคลื่อนไหวอยู่ห่างๆ พยายามให้อีกฝ่ายเห็นตามช่องทางต่างๆ ว่าเรายังติดตามเขาอยู่ เช่น เข้าไปดูสตอรี่ของเขาในอินสตาแกรมเพื่อให้เห็นว่าเราเข้ามาดู หรือนานๆ ก็โผล่มากดไลก์สเตตัสในเฟซบุ๊กทีเพื่อไม่ให้เขาลืมว่าเรายังมีตัวตน แบบนี้จะเรียกว่า haunting

 

Firedooring

หากลองสังเกตประตูหนีไฟจะเห็นว่าผลักเปิดได้ทางเดียว หากพยายามดันจากอีกทาง ดันให้ตายก็ไม่ขยับ ด้วยเหตุนี้เอง คำว่า firedoor จึงถูกเอามาใช้เรียกความสัมพันธ์แบบที่มีฝ่ายเดียวที่ติดต่ออีกฝ่ายได้ แต่ถ้าเกิดฝ่ายนี้ไม่คิดอยากจะคุยขึ้นมา ก็จะเงียบหายไป อีกฝ่ายพยายามติดต่อก็จะเงียบใส่และกลับมาคุยด้วยเฉพาะตอนที่อยาก

คำนี้มักใช้เป็นกริยา ตัวอย่างเช่น หากเพื่อนของเราส่งข้อความไปแล้วแต่อีกฝั่งไม่อ่าน จนผ่านไปสัปดาห์หนึ่งแล้วอีกฝั่งถึงเพิ่งตอบเพราะอยู่ๆ อยากชวนเพื่อนเราไปกินข้าว แบบนี้เราก็อาจพูดว่า Dump the guy. Can’t you see he’s firedooring you? หมายถึง เทอีตาคนนี้ได้แล้ว ไม่เห็นเหรอว่ามันเมินแกเวลามันไม่ต้องการแก

 

บรรณานุกรม

Tags: , , , , ,