ภาพบรรยากาศสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์และสมาชิกวุฒิสภา เดินทางมาประชุมร่วมเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ที่รัฐสภาชั่วคราว ห้องประชุมใหญ่ทีโอที ถ.แจ้งวัฒนะ

ขณะเดียวกันก็มีความเคลื่อนไหวจากกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วย เริ่มจากเวลาประมาณ 9.30 น. เอกชัย หงส์กังวาน และโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ สองนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เข้ายื่นหนังสือคัดค้าน ส.ว. โหวตเลือกนายกฯ โดยมีเจ้าหน้าที่จากสภาเป็นผู้รับหนังสือ

ต่อมาเวลา 10.00 น. สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักกิจกรรมทางการเมือง ธนวัฒน์ วงค์ไชย นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พริษฐ์ ชิวารักษ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมเพื่อนนักศึกษากลุ่ม Startup People อ่านแถลงการณ์พร้อมยื่นจดหมายเปิดผนึกจากประชาชนเรียกร้องให้ ส.ว. งดออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี

ส่วนที่ด้านหน้าสภาริมถนนแจ้งวัฒนะ มีกลุ่มผู้คัดค้านราว 30-40 คน โดยมีตำรวจสามกองร้อยรักษาการณ์อยู่ที่ประตูและโดยรอบสภา

 

ธนาธรแถลงวิสัยทัศน์นอกสภาฯ จะเป็นนายกฯ แห่งการเปลี่ยนแปลง  

เวลาประมาณ 13.00 น. พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยกล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ต้องการให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้งสองคน ได้แก่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และถึงแม้ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายชวน หลีกภัย จะเสนอให้มีการลงมติ แต่ทางพรรคอนาคตใหม่มองว่าหากมีการลงมติอาจจะเป็นการเสียเวลาจึงขอถอนญัตติออก อย่างไรก็ตาม พรรคเห็นว่าจำเป็นที่ผู้ได้รับการเสนอเป็นนายกฯ ต้องแสดงวิสัยทัศนให้เป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชน จึงขอใช้พื้นที่ข้างนอกสภาในการแสดงวิสัยทัศน์ของนายธนาธร แคนดิเดตจากพรรคอนาคตใหม่แทน

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แสดงวิสัยทัศน์ต่อหน้าสื่อมวลชนว่า ตนเองพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความจริง นายกรัฐมนตรีแห่งการเปลี่ยนแปลง และนายกรัฐมนตรีที่จะนำพาประเทศไปข้างหน้า

ธนาธร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีแห่งความจริง คือเราต้องยอมรับว่าประเทศไทยมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคมที่ดีจริง แต่ยังไม่เพียงพอ ตัวเลข GDP ไม่สามารถวัดชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้อย่างแท้จริง งบประมาณของประเทศถูกนำไปใช้อย่างไม่คุ้มค่า และความเหลื่อมล้ำก็ถูกฉีกห่างออกไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่สะสมกว่า 10 ปี เราต้องยอมรับว่า ทุกมิติไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ต้องแก้ไขไปพร้อมๆ กัน อาทิ เราจะสามารถแก้ไขทุนผูกขาดได้อย่างไร ถ้าไม่แก้ไขระบบอุปถัมภ์ ทุกวันนี้โลกเดินหน้าสู่โลกาภิวัตน์อย่างเต็มตัว สงครามการค้า การเปลี่ยนแปลงของสหภาพยุโรป การส่งออก-นำเข้า ทุกสิ่งล้วนไม่ใช่เรื่องไกลตัวคนไทยและประเทศไทยอีกต่อไป ดังนั้น ผู้นำต้องเท่าทันสังคมโลก เพื่อที่จะจัดวางตำแหน่งแห่งที่ของประเทศไทยให้คล้องกับความเปลี่ยนแปลง เราต้องอยู่กับปัจจุบันขณะ เพื่อขับเคลื่อนไปพร้อมกับโลกยุคโลกาภิวัตน์ให้เต็มที่

สำหรับนายกรัฐมนตรีแห่งการเปลี่ยนแปลง คือต้องมีความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้าปัญหาที่ต้นตอของมัน กล้าที่จะฝัน กล้าที่จะเปลี่ยน มีการคิดอย่างเป็นระบบ และทำงานเป็นทีม ประเทศไทยผ่านวิกฤตมามากมาย ทั้งสงครามเย็น วิกฤตต้มยำกุ้ง แต่ทุกวันนี้รูปแบบของสงครามเปลี่ยนไปแล้ว ประเทศเรากำลังเหมือนกบที่ถูกต้มในน้ำร้อนที่ค่อยๆ เดือดขึ้นทุกขณะ ถ้าจะรอนานกว่านี้อาจจะสายเกินแก้เสียแล้ว ปัญหาหลายอย่างทับถมกองพะเนิน หลายอย่างเป็นการแย่งชิงผลประโยชน์ หลายอย่างเป็นทัศนะของผู้นำประเทศ และหลายอย่างเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ดังนั้น เราควรกล้าชนกับโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรมอย่างตรงไปตรงมา และยืนข้างคนตัวเล็กตัวน้อยในสังคม ยืนยันในความเที่ยงธรรมถูกต้อง ก่อนทิ้งท้ายว่า ทุกวันนี้เราอยู่ในโลกยุคข้อมูลข่าวสาร หลายประเทศเคยประสบปัญหาเหมือนเราหรือหนักกว่า ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องเริ่มใหม่ในทุกอย่าง เราสามารถถอดบทเรียนจากประเทศเหล่านี้ได้ โดยไม่ต้องมานับหนึ่งใหม่

ธนาธรกล่าวต่อว่า สำหรับเขาแล้ว ภารกิจอย่างหนึ่งในชีวิต คือการพาประเทศข้ามสู่ประเทศโลกที่หนึ่ง ในสมัยรุ่นพ่อ-แม่ ราว 70-80 ปีก่อน ญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 อดอยาก ข้าวยากหมากแพง ในสมัยที่เขาโต คือราว 40-50 ปีที่แล้ว เกาหลีใต้มีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกับประเทศไทย และในวันนี้ คนรุ่นลูกกำลังจะโดนเวียดนามแซงหน้าไปอีก ตลอดเกือบหนึ่งร้อยปี ประเทศเราติดอยู่ในกับดัก ‘ประเทศกำลังพัฒนา’ อย่างดิ้นหลุดไม่พ้น ทั้งนี้ เราต้องก้าวขึ้นไปสู่ระดับของประเทศกำลังพัฒนาแล้ว เป็นประเทศโลกที่หนึ่งให้ได้ โดยที่ยังคงรักษาความเป็นไทยเอาไว้ เพียงแต่ปรับแต่งอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ของไทยให้ก้าวสู่ความเป็นสากลมากขึ้น

ธนาธร ทิ้งท้ายว่า อยากให้ทุกคนร่วมคิด ร่วมฝันไปกับเขาว่า มันจะดีแค่ไหนถ้าหากเราสามารถส่งประเทศไทยซึ่งกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วให้กับรุ่นลูกของเราได้ ทั้งนี้ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ยังยืนว่า พรรคอนาคตใหม่จะยึดมั่นในหลักการสนับสนุนประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา หลักการนิติรัฐ นิติธรรม รัฐธรรมนูญ และธำรงสถาบันพระมหากษัตริย์ควบคู่กับประชาธิปไตยอย่างมั่นคง การรัฐประหารมีแต่จะนำพาประเทศไปสู่ความทางตัน ส.ส.ต้องเป็นตัวแทนของประชาชน ไม่ใช่ตัวแทนของทุนสามานย์ รัฐสภาต้องเป็นสถานที่อันทรงเกียรติ ไม่ใช่น่าเอือมระอา ทั้งหมดนี้ คือภารกิจแห่งประวัติศาสตร์ ในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยประโยคว่า “ผมธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี”

อภิสิทธิ์ลาออก ส.ส.พรรค เหตุไม่อาจทำตามมติพรรค

ก่อนหน้านั้น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และ ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์เปิดแถลงข่าวลาออกจากการเป็น ส.ส. หลังพรรคประชาธิปัตย์มีการลงมติลับวานนี้ เข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐในการจัดตั้งรัฐบาล โดยระบุว่า ไม่สามารถทำงานโดยไร้อุดมการณ์ทางการเมืองที่เคยให้ไว้ได้

“ในการทำหน้าที่ที่ผมจะต้องทำในฐานะ ส.ส.ในวันนี้ ก็คือวาระของการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี  ผมคงไม่สามารถเดินเข้าไปในห้องประชุมและลงคะแนนที่เป็นการฝ่าฝืนมติของพรรคได้ ผมเป็นนักการเมืองที่สนับสนุนพรรคการเมือง ได้รับโอกาสจากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นหัวหน้าพรรคยาวนานกว่าสิบปี ผมทราบดีว่า นักการเมืองที่ดี สมาชิกที่ดีต้องมีวินัย จะให้ผมเดินเข้าไปแล้วออกเสียงว่าผมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมก็ทำไม่ได้ เพราะยิ่งใหญ่กว่ามติพรรคคือสัญญาประชาคมที่ผมให้ไว้กับประชาชนทั้งประเทศ” อภิสิทธิ์ ระบุ

ไทรักธรรม ร้อง กกต.นับคะแนนผิด

ด้านอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ซึ่งพ้นจากตำแหน่งภายหลังการคิดคะแนนการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. จังหวัดเชียงใหม่ แถลงข่าวในประเด็นที่ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง ส.ส. โดยกล่าวว่า จะยื่นหนังสือแก่ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายชวน หลีกภัย เนื่องจากเห็นว่าตนเองถูกถอดถอนจากตำแหน่ง ส.ส. โดยไม่เป็นธรรม เพราะ กกต. คิดคะแนนพรรคประชาธิปัตย์ผิดจากที่ระบุในราชกิจจานุเบกษา 3,949,726 คะแนน เป็น 3,957,620 คะแนน กล่าวคือ คิดเกินมา 9,894 คะแนน ทำให้ จิตภัสร์ กฤดากร เดินหน้าเข้าสู่สภาในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์

ภาพโดย สุทธิพัฒน์ กนิษฐกุล

ทั้งนี้ นายพีระวิทย์ และทีมงานพรรคไทรักธรรมได้ยื่นหนังสือต่อศาลปกครองกลางสูงสุดแล้ว โดยจะมีการไต่สวนพิเศษ ในช่วงบ่ายของวันนี้ ซึ่งถ้าศาลปกครองกลางสูงสุดมองว่า มีความผิดพลาดเกิดขึ้นจริง เขาจะได้เข้าไปทำหน้าที่ ส.ส. พิเศษเป็นการชั่วคราว และมีสิทธิ์ออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี นายพีระวิทย์กล่าวต่ออีกว่า ต้องการให้กรณีของตนนำไปสู่บรรทัดฐานที่ดีในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อให้ กกต. มีความรอบคอบในการคิดคะแนนและทบทวนผลการเลือกตั้งให้ดีกว่านี้

ผศ.ดร.วิวัฒน์ชัย กุลมาตย์ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งมาช่วยพรรคไทรักธรรมในการทำคดีครั้งนี้ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนมาช่วยพรรคไทรักธรรมเพราะเคยสอนนายพีระวิทย์มา ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า กกต. ทำงานผิดพลาดจริง เพราะคิดคะแนนคลาดเคลื่อนจากที่ประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา และศาลปกครองควรให้ความคุ้มครองสิทธิโดยชอบของ ส.ส. พรรคไทรักธรรม ทั้งนี้ ถ้าการตัดสินออกมาว่า กกต. ทำงานผิดพลาดจริงและไม่มีการแก้ไข รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบ จะทำการยื่นฟ้อง กกต. และพรรคประชาธิปัตย์ต่อศาลรัฐธรรมนูญซึ่งอาจมีผลยุบพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป

Tags: , , , , ,