ถามไปทำไม
00:32
- แค่อยากรู้ หรือแค่อยากซึ้ง
คนถามมักเป็นผู้หญิง มักนะ มัก อย่าเพิ่งดราม่า ผู้ชายก็ถามแหละ แต่ส่วนใหญ่ผู้หญิงอาจจะถามออกไปเพราะอยากได้ฉากโรแมนติกซึ้งใจอย่างในหนัง - แต่หลายครั้งก็ถามเพราะอยากได้ข้อมูลจริงๆ ว่า คุณสมบัติอะไรส่วนไหนของเราหรือที่เธอชอบ พฤติกรรมอะไรที่เราทำแล้วเธอพบว่าน่าดึงดูดใจ เราก็จะได้ทำให้มากขึ้นหรือบ่อยขึ้น
- อีกทั้งยังเป็นการเช็กตัวเองได้ด้วยว่า สิ่งที่เราเห็นว่าดีและตั้งใจทำให้เธอ เธอยินดียินร้ายชอบใจกับมันบ้างหรือเปล่า เช่น ทำอาหารเช้ามาเสิร์ฟถึงเตียงทุกวันนี่ชอบไหม ไม่เห็นเธอเคยพูดอะไรเลย เอ หรือว่าไม่ชอบ จะได้เปลี่ยนไปทางอื่น
- ผู้ชายส่วนใหญ่นึกไม่ถึงด้วยซ้ำว่า ไอ้ความที่รู้สึกที่มีอยู่น่ะ ผู้หญิงเขาอยากให้เราพูดออกมาให้เขาได้ยินบ้าง เพราะผู้ชายมักไม่ค่อยจะชอบพูดเรื่องความรู้สึก คือได้แต่รู้สึก แต่ให้บรรยายออกมาหรือพรรณนาโวหารออกมานี่มันยากสำหรับเขานะ
- หมายเหตุ เราตระหนักดีว่านี่อาจฟังดู sexist ซึ่งแน่นอนว่า บนโลกมนุษย์อันหลากหลายนี้ ผู้หญิงที่ไม่ชอบพูดเรื่องความรู้สึกก็มีมาก ผู้ชายพูดเรื่องนี้บ่อยๆ ก็มีเยอะ
- คำถามนี้จึงอาจเกิดขึ้นได้กับคู่รักที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง (หรือดีไม่ดี ทั้งคู่) ปากหนัก หรือไม่ค่อยพูด เลยไม่เกิดการสื่อสาร
- หรือบางทีก็อาจเกิดจากความไม่มั่นใจในตัวเอง และในความสัมพันธ์ เช่น แฟนมองตามหนุ่มหล่อสาวสวย แล้วเราก็ไม่มีรูปลักษณ์เฉียดกรายไปทางนั้นเลยสักนิดเดียว จึงเสียเซลฟ์ปนสงสัยว่า ทำไมเขาหรือเธอเลือกฉันและมาอยู่กับฉันวะ เลยเลียบๆ เคียงๆ ถามเสียงสั่นๆ งุบงิบๆ ออกไปว่า เอ่อ เธอรักฉันตรงไหนเหรอ ตอบให้หายข้องใจเป็นการช่วยเรียกความมั่นใจในชีวิตคู่ให้ที
- เฟี้ยตเคยได้ยินคำกล่าวหนึ่งซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเห็นด้วยแค่ไหน “If you really love someone, you will not be able to explain why. If you can actually list the reasons, that’s not a true love.” ประมาณว่า รักแท้ย่อมไม่มีเหตุผล ถ้าบอกได้เป็นข้อๆ แสดงว่ายังไม่ใช่รักจริง
- เรารู้แหละว่ามีคนคิดและรู้สึกแบบนี้จริง ซึ่งเขาอาจเป็นคนที่มีภาคโรแมนติกในตัวสูง ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร ได้คนพันธุ์เดียวกันมาเป็นแฟนก็คงเหมาะ อยู่กันไปโดยความรู้สึกเป็นส่วนใหญ่ ไม่ต้องมานั่งแจกแจงเหตุผลเป็นข้อๆ แต่อย่างใด
- แต่มันก็มีคนที่ไม่ได้ใช้ชีวิตคู่แบบนามธรรมขนาดนั้นเหมือนกัน คือสามารถบอกได้เป็นข้อๆ จริงๆ ว่าทำไมรัก รักตรงไหน อย่างไร แล้วเขาก็รักกันจริงๆ การจะไปตีตราความสัมพันธ์ของใครต่อใครโดยมาตรฐานเดียวก็เห็นจะเป็นเรื่องง่ายเกินไปหน่อย เราเชื่อในความหลากหลายของมนุษย์นะ ฉะนั้นเราไม่คิดว่าเราสามารถตัดสินความรักของใครได้ด้วยทฤษฎีเดียวหรอก
- สำหรับคนที่พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ ที่ในวันนี้อยากแสดงความรักออกมาเป็นถ้อยคำให้แฟนชื่นใจบ้างตามวาระดิถีวาเลนไทน์นี้ คำแนะนำง่ายๆ ก็คือ ไม่ต้องพยายามเสกสรรปั้นแต่งคำพูดให้วิจิตรไปกว่าที่ปกติเราพูดคุยกัน แล้วบอกออกไปอย่างจริงใจ สั้น ง่าย ถึงสิ่งที่เราจำได้ว่าตกหลุมรักในตัวเขา หรือคุณสมบัติที่เราชอบในตัวเขา เท่านั้นเอง
- ยกตัวอย่างกรณีโบกับสามี สมัยยังเป็นแฟนกันก็เคยถามกันเรื่องนี้ เขาก็บอกออกมาตรงๆ ด้วยคำพูดง่ายๆ และจริงใจว่า
– “We’re such a perfect match!” เพราะเราเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก
– “We like the same stuff.” เพราะเราชอบอะไรเหมือนกัน
– “You’re such a happy person and you make me laugh.” เพราะเธอร่าเริงแจ่มใส มีความสุข และเธอทำให้ฉันหัวเราะได้เสมอๆ
– “You’re so kind-hearted.” เพราะเธอเป็นคนจิตใจดี
- แนะนำอีกอย่างว่า ให้ลองนึกถึงสิ่งที่ unique และเป็นเรื่องราวเหตุการณ์พิเศษระหว่างเราสองคน คือการบอกว่า “รักเธอเพราะเธอน่ารัก” ก็ไม่ผิดอะไร แต่มันไม่พิเศษ แต่ถ้าเราบอกได้ว่าเธอน่ารักอย่างไร มนดูเป็นเหตุผลของเราเองจริงๆ ที่ไม่ได้เหมือนแค่ไปจำเขามาพูดๆ นะ เช่น “ตอนที่เราไปเที่ยวต่างจังหวัดกันแล้วหลงทาง เธอดูแลฉันดีมากเลย และในขณะที่ฉันสติแตก เธอกลับใจเย็นมาก และทำให้ฉันใจเย็นลงด้วย ฉันเพิ่งเห็นด้านนี้ของเธอเป็นครั้งแรกตอนที่เราได้เดินทางกันนี่แหละ” อันนี้มันมีความหมายกว่ากัน มันพิเศษ เพราะมันมาจากเรื่องจริงของเราสองคน
- สมมติผู้ชายบอกว่า “เรารักที่เธอพยายามหัดทำข้าวกล่องไปให้เรากินที่ทำงาน ทั้งที่ปกติไม่เคยเข้าครัวเลย ข้าวแกงกะหรี่หมูทอดวันนั้นอร่อยมากเลยนะ” ผู้หญิงก็จะ โอว เธอจำได้ และ โอว เธอเป็นคนช่างจดจำรายละเอียดดีจัง
- ไม่จำเป็นต้องลิสต์หนึ่งร้อยข้อก็ได้ สองสามอย่างปังๆ ก็ได้ใจแล้ว
- สำคัญตรงที่ว่า เรารู้จักแฟนเราดีแค่ไหนล่ะ เรารู้ไหมว่าพูดอย่างไรเขาจะรู้สึกดี เพราะอย่างที่บอก บางคนก็ไม่ชอบอะไรเวิ่นเว้อเพ้อเจ้อ แต่บางคนก็ชอบให้สาธยายยาว เอาแบบซึ้งๆ หวานๆ ภูมิต้านทานความเลี่ยนสูง อะไรยังงี้
- เอาเป็นว่า เอพิโสดนี้อาจช่วยคุณได้ในโอกาสพิเศษ เช่น เดตวันครบรอบเป็นแฟนกัน หรือวาเลนไทน์ หรือสำหรับคนที่เพิ่งคบกันใหม่ๆ และต้องการการพลอดรักอย่างยิ่ง คือต้องการพูดจาอ่อนหวานต่อกันในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ วันละห้าครั้ง เราจึงไปรวบรวม ‘เหตุผลที่คนรักกัน’ มาหลากหลาย ให้คุณได้เลือกใช้กันตามใจชอบ
เรารักเธอเพราะเรารักกันได้โดยไม่ต้องตัวติดกัน
14:55
- “I love that we are never too needy or clingy. We always give each other space.” เรารักเธอที่ให้พื้นที่ส่วนตัวกับเราเสมอ และเรารักกันได้แบบไม่ต้องติดกันแจ
– โบให้ความเห็นว่า ถ้าเจอแฟนชะนีขี้นอยด์อาจจะแบบว่า เดี๋ยว นี่เธอกำลังบอกใบ้อะไรฉันหรือเปล่ายะ นี่เป็นการเตือนหรือเปล่าว่า อย่ามายุ่งกะกูมาก ยังงี้ปะ หรืออาจจะคิดไปว่า พูดแบบนี้คือเธอไม่อยากใช้เวลาอยู่กับฉันใช่ไหม ลุกลามใหญ่โต
– ดังนั้น สิ่งที่ควรระวังคือ มันอาจ backfire ได้ (หมายถึง ส่งผลตรงข้ามกับที่คาดไว้) เหตุผลข้อนี้ถ้าบอกผู้หญิงอาจกลายเป็นผลร้าย ทั้งที่เราหมายว่าจะดี
– พี่บิ๊กบุญบอกว่า นี่ไง ผู้หญิงผู้ชายต่างกัน ถ้าแฟนพี่บอกแบบนี้พี่จะรู้สึกดีและโล่งใจว่า เออ เจอคนที่ให้คุณค่ากับสิ่งเดียวกัน คือต่อให้รักกันแค่ไหน ก็ยังต้องการ personal space อยู่ดีเหมือนๆ กัน
เรารักเธอเพราะเธอตลก
17:30
- “I love the way you make me laugh.” เธอตลกดีอะ อยู่ด้วยแล้วได้หัวเราะทั้งวัน
– เสียงหัวเราะเป็นดัชนีชี้วัดคุณภาพของความสัมพันธ์ได้เหมือนกันนะ
– ถ้าเราอยู่กับคนที่ทำให้เราหัวเราะได้เสมอ มีความสนุกสนานเฮฮาเป็นค่าดีฟอลต์ นั่นคือเป็นความสัมพันธ์ที่มีความสุข และถ้าเราทำให้คนรักมีความสุข ก็จะเกิดความภูมิใจและความรู้สึกดีๆ ต่อกันยาวนานสืบไป
– ‘We laugh at the same thing’ การที่เราได้อยู่กับคนที่มีอารมณ์ขันประเภทเดียวกัน หัวเราะในมุกเดียวกันได้ เก็ตอะไรคล้ายๆ กัน ความสัมพันธ์จะยิ่งกระชับแน่น
– ‘We can also laugh at each other’ อันนี้หมายถึงหัวเราะเยาะกัน ซึ่งปกติสำนวน laugh at someome นั้นจะมีความหมายไม่ค่อยดี แต่ถ้าเราสามารถหัวเราะให้กับความเรื้อนกากบางอย่างของอีกคนได้โดยที่อีกฝ่ายไม่โกรธ หรือดีไม่ดียังขำความทุเรศทุรังของตัวเองด้วยซ้ำไป ไม่ว่าจะเป็นความเฟล ความพลาด หรือความมุกแป้ก อันนี้แสดงว่านอกจากรัก ยังสนิทสนมกันอีกด้วย
เรารักเธอเพราะเธอเป็นนักฟังที่ดี
18:20
- “I love that you always listen to what I say.” เดี๋ยวนะ โดยรูปประโยคมันอาจแปลได้สองแบบ หนึ่งคือ รักเธอเพราะเธอเชื่อฟังฉันเสมอ (คือบอกอะไรก็เชื่อและทำตาม) กับอีกอย่างคือ ฉันรักเธอเพราะเธอเป็นผู้ฟังที่ดีของฉันเสมอ คือยินดีนั่งฟังฉันพล่าม อะไรทำนองนั้น อืม ประโยคนี้น่าจะแปลแบบแรก แต่ถ้าความหมายที่สอง น่าจะพูดว่า “I love that you’re always a good listener.” มากกว่านะ แต่อย่างไรก็ตาม การรับฟังกัน ผลัดกันเป็นผุ้ฟังที่ดีให้แก่กันก็สำคัญในความสัมพันธ์ เพราะไม่ควรมีฝ่ายที่พูดบ่นบ้าอยู่คนเดียวทั้งปีทั้งชาติ อีกฝ่ายก็นั่งอ้าปากไป หาช่องไฟจะแย่งพูดบ้างก็ไม่มี
เรารักเธอเพราะเธออยู่ข้างเราเมื่อเราต้องการ
19:41
- “I love that you’ll always be there when I need you.” เรารักเธอเพราะเมื่อไรที่ฉันต้องการความช่วยเหลือ เธอจะพุ่งตัวมาเสมอ
เรารักเธอเพราะเธอทำให้เรารู้สึกดี
20:05
- “I love the way you make me feel when I’m with you.” อยู่ด้วยแล้วรู้สึกดี รักเธอก็ตรงนี้ ใครบอกเราอย่างนี้เราก็รู้สึกดีและพิเศษด้วยนะ
เรารักเธอเพราะมีเธอแล้วเราไม่อยากมองหาใครอีก
20:38
- “I love the fact that when we found each other I immediately stop searching.” ตั้งแต่ฉันได้เจอเธอ ฉันก็เลิกมองหาคนอื่นอีกต่อไป เพราะเธอคือคนที่ใช่สำหรับฉัน
– สำหรับบางคน เมื่อได้เจอคนที่ใช่แล้วจะพบความสงบส่วนหนึ่งในชีวิตทันที คือนึกออกไหม ชีวิตนี้ต้องหาอะไรหลายอย่างเหลือเกิน ไหนจะหางาน ไหนจะหาเงิน ไหนจะต้องมาค้นหาตัวเอง และที่อาจจะหายากที่สุดและรักษาไว้ยากที่สุดก็คือหาแฟนนี่แหละ ดังนั้น พอได้เจอเลยรู้สึกว่า โอเค แฮปปี้ไปแล้วหนึ่งเรื่องใหญ่ในชีวิต มีแฟนดีๆ ก็ชื่นใจ ได้เรี่ยวแรงพลังในการหาอย่างอื่นต่อไป อะไรแบบนี้
– แต่ข้อควรระวังคือ ก่อนจะพูดประโยคนี้ออกไป จงแน่ใจก่อนว่าเราสองกำลังอยู่ในสเต็ปเดียวกันของชีวิต ผู้ชายอาจไม่อะไร แต่ผู้หญิงฟังแล้วอาจจะถึงกับรีบไลรน์ไปบอกแม่ แม่ขา เขากำลังจะขอหนูแต่งงานแล้วแน่เลย พูดจาเป็นปริศนาสายฟ้าแล่บขนาดนี้ ที่จริงเปล๊า ไม่มีอะไรหวือหวา แต่งบ้าแต่งบออะไรกันเธอ มีปัญญาเหรอ เอาเงินที่ไหนมาแต่งล่ะ หนี้กยศ.ยังใช้ไม่หมดเลย คือมันฟังดู commit มากมาย สาวๆ เขาจะหัวใจวายฟรีนะ
– ผู้ชายมักโดนข้อห่าวหาว่า ไม่รู้จักหยุด ไม่รู้จักพอ ต่อให้มีแฟนอยู่แล้วสายตาก็ยังล่อกแล่ก แต่ถ้าอยากรวบหัวรวบหาง ชวนนางมาเป็นเมียแล้วล่ะก็ พูดออกไปเลย นางจะเข่าอ่อนแล้วล้มกายลงในอ้อมกอดของท่านภายในสามวินาที
เรารักเธอเพราะเธอเข้าข้างเราเสมอ
21:53
- “I love that you’re always in my corner. You’re always on my side and you always stand up for me.” เรารักเธอเพราะเธออยู่ข้างเดียวกับเราเสมอ
- จากมุมของพี่บิ๊กคือ เวลาแฟนเราชอบไปเข้าข้างคนอื่น หรือแย้งเราตลอด คือมันรู้สึกแย่นะ แบบ เฮ่ย รักกันจริงปะเนี่ย นี่เป็นแฟนหรือเป็นศัตรูวะ ส่วนตัวพี่อยากให้แฟนเราอยู่ข้างเราไว้ก่อน คือไม่ได้แปลว่าให้ตามใจทุกสิ่ง จะขายยาเสพติดก็ยังเข้าข้าง อย่างนั้นไม่ใช่ แต่อย่างน้อยเราอยากได้ความรู้สึกของการเป็นทีมเดียวกัน คือมันอาจมาจากนิสัยส่วนตัวที่ไม่ชอบการทะเลาะก็ได้นะ
- เฟี้ยตเข้าใจในว่าการมี supportive boyfriend/girlfriend เป็นเรื่องดี อุ่นใจ น่าดีใจ แต่เฟี้ยตก็อยากได้คนที่กล้าแย้งหรือท้วงติงเมื่อเราจะทำอะไรไม่ถูกไม่ควรเหมือนกันนะ ไม่ใช่เออออห่อหมกกันไปทุกอย่างนั่นก็ไม่ไหว แต่ถึงอย่างไร สมมติพลาดมา ล้มเหลวมา ก็ยังอยู่เป็นกำลังใจให้กัน และไม่ซ้ำเติม นั่นเป็นความหมายของการ ‘เป็นทีมเดียวกัน’ ที่ดี
เรารักเธอเพราะเธอน่ารักกับทุกคนอย่างเท่าเทียม
23:42
- “I love that you’re nice to people you don’t even have to be nice to, people who don’t do anything for you at all.” ฉันรักที่เธอทำดีต่อทุกคนโดยเท่าเทียม โดยไม่หวังผล ไม่ใช่ดีเฉพาะกับคนที่มีประโยชน์ต่อเธอหรือทำอะไรให้เธอเท่านั้น
- บางครั้งเราทำดีต่อคนเพราะเขาทำอะไรบางอย่างให้เรา เราดีต่ออาจารย์เพราะท่านจะเป็นคนให้คะแนนเรา เราดีต่อลูกค้าเพราะอยากให้เขาซื้อของเรา เป็นต้น
- หรือบางทีเราทำดีต่อคนเพราะไม่อยากให้เขาร้ายกับเรา เราพูดดีกับน้องพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารเพราะไม่อยากให้เขาถุยน้ำลายใส่สปาเก็ตตี้เรา เป็นต้น
- แต่คนที่ทำดีเพียงเพราะอยากทำดีต่อกัน คือ Be nice just to be nice เป็นคนที่น่าทึ่งนะ ถ้าได้คนแบบนี้มาเป็นแฟนเราน่าจะได้พลังงานบวกมาวนเวียนอยู่ในชีวิตเช่นกัน
เรารักเธอเพราะเธอไม่มองเราเป็นตัวเลือก
26:16
- “I love that I’m never one of your options but your priority.” ฉันรักเธอเพราะเธอให้ความสำคัญกับฉันก่อนเสมอ และสำหรับเธอ ฉันเป็นตัวจริง ไม่ใช่ตัวเผื่อเลือก
– โบคิดว่า ประโยคนี้ คนพูดอาจถูกมองเป็นคนที่เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาลได้เหมือนกันนะ ถ้าเราบอกแฟนเราไปแบบนี้ อาจดูเหมือนเรากำลังบอกเขาว่า “ฉันต้องมาก่อนเสมอนะ จำไว้ ที่ผ่านมาก็ทำได้ดีแล้ว จงทำแบบนี้ต่อไป ไม่งั้นไม่รักนะ เข้าใจปะ”
– แต่ถ้าพูดดีๆ ความหมายมันก็ดีได้นะ เพราะมันสามารถจะแปลได้ว่า เรากำลังบอกแฟนเราว่าที่เรารักเขาก็เพราะเขาให้ความสำคัญกับเราเป็นอันดับต้นๆ (ไม่ต้องอันดับหนึ่งก็ได้ คือถ้าจะเป็น number one priority นี่ก็แบบ อ้าว พ่อแม่เขาล่ะ เราต้องมาก่อนพ่อแม่เขาอีกเหรอ คือ อะ เป็น one of your priorities ไรงี้ก็เยอะแล้วนา) ในเซนส์ที่ว่า มีอะไรก็คิดถึงแฟนก่อน ไม่ม่ เออ ยังไม่รู้หยุดยาวนี้ไปไหน เดี๋ยวเช็คไอ้เอ ไอ้บี ไอ้ซี และคนโน้นคนนี้ อื่นๆ ต่างๆ ก่อน เธอสแตนด์บายไว้ละกัน เดี๋ยวใกล้ๆ แล้วจะบอก มันก็จะ เอ่อ
เรารักเธอเพราะเราไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่ออยู่ด้วยกัน
28:26
- “I love the fact that I never wanted you to change anything for me. I love you just the way you are. And when I’m with you I can be myself, too.” ฉันรักเธอเพราะเธอเป็นธออย่างที่ฉันรักเด๊ะๆ ฉันไม่เคยรู้สึกอยากให้เธอเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อฉันเลย และเวลาฉันอยู่กับเธอ ฉันก็สามารถเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ด้วยเช่นกัน”
– อันนี้ชนะเลิศ ดีงามอมตะนิรันดร์การ Hands down! สยบทุกเหตุผล
– ในความสัมพันธ์นั้น แหงล่ะว่ามันต้องมีการปรับตัว ประนีประนอม แต่ถ้าใครสักคนต้องพยายามมากจนเกินไป คือแบบ โอย กูแทบจะต้องไปผ่าตัดเปลี่ยนดีเอ็นเออยู่แล้วยังไม่เวิร์กอีกเหรอ นี่แสดงว่ามันมีอะไรบางอย่างผิดปกติจนต้องคิดดูใหม่แล้วนะว่า มันใช่เหรอ อยู่ด้วยกันต่อไปจะดีเหรอ
เหตุผลส่วนตัว (ที่แชร์ให้เอาไปใช้กันได้)
30:12
- ในวันนี้ ถ้าคนรักมาถามว่า “รักฉันเพราะอะไร” โบจะตอบว่า
– “I love you because you make me laugh and you make me so happy.” ฉันรักเธอเพราะเธอทำให้ฉันหัวเราะ อยู่กับเธอแล้วฉันมีความสุข
– “I love you because you love me for who I am and I can completely be myself around you.” ฉันรักเธอเพราะเธอรักฉันอย่างที่ฉันเป็น เวลาอยู่กับเธอฉันเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่
– “I love you because you always stick up for me.” ฉันรักเธอเพราะเธอสนับสนุนและปกป้องฉันเสมอ
– “I love you because I love you.” ฉันรักเธอเพราะว่าฉันรักเธอน่ะสิ
- ในวันนี้ ถ้าคนรักมาถามว่า “รักฉันเพราะอะไร” เฟี้ยตจะตอบว่า
– “I love you because I’m happy when I’m with you. I love the way we love each other. It’s just right.” ฉันรักเธอเพราะฉันมีความสุขเวลาได้อยู่กับเธอ ฉันแฮปปี้กับความรักในแบบที่เรามีให้ต่อกัน มันเป็นความรู้สึกที่ใช่ไปหมด
- ในวันนี้ ถ้าคนรักมาถามว่า “รักฉันเพราะอะไร” บิ๊กบุญจะตอบว่า
– พี่เคยอยู่ในความสัมพันธ์ที่ทะเลาะกันตลอดเวลา ซึ่ง เฮ่อ กูเหนื่อย! และสิ่งหนึ่งที่พี่ให้ค่ามากที่สุดในเรื่องความสัมพันธ์คือ สันติ! ต่อให้รักกันมากที่สุดใมนโลก แต่ต้องทะเลาะกันทุกวันนี่เราไม่เอาอะ เข้าใจว่าบางคนชอบ challenge แบบนี้ ชอบการต่อปากต่อคำ ชอบการปะทะกันทางสติปัญญาและคารม แต่สำหรับเรา นิดหน่อยพอหอมปากหอมคอสนุกดี แต่ถ้าปะทะกันเป็นนิสัย จากประสบการณ์พี่พบว่ามันนำไปสู่ความเหนื่อยล้าทางจิตวิญญาณมากเลย และมันลามไปทำให้ส่วนอื่นๆ ในชีวิตแย่ไปด้วย ไม่เอา บาย
– ในวันนี้จะบอกว่า “I love you because you make me happy and everything is simple with you, even things that used to be so complicated in my past relationship. So, I love you because you make it easy for me to love you.” เรารักเธอเพราะเธอทำให้เรามีความสุข อะไรที่เคยยุ่งยากซับซ้อนในความสัมพันธ์ในอดีตกับคนอื่น มาในวันนี้มันกลายเป็นเรื่องง่ายหมดเมื่อได้อยู่กับเธอ เราเลยรักเธอเพราะเธอทำให้ความรักกลายเป็นเรื่องง่าย ไม่ปวดหัว
สุดท้ายนี้
33:37
- สำหรับคนพูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ ไม่ต้องกังวลไป ถ้าคุณแสดงความรักด้วยการกระทำเรื่อยๆ เป็นประจำ เป็นนิสัย แฟนคุณอาจถามคำถามนี้น้อยลงจนเหลือแค่ปีละครั้งตอนวาเลนไทน์ก็ได้นะ และมันจะเป็นการถามแค่เพราะอยากได้ยินอะไรที่ชื่นใจโรแมนติกเท่านั้น เพราะเหตุผลว่ารักไหม และรักเพราะอะไรน่ะ เขารู้อยู่แล้วจากการกระทำของเรา
- แสดงความรักต่อกันทุกวัน นั่นคือสิ่งที่ทุกคนอยากได้-ความสม่ำเสมอ