บ่าย 2 โมง 18 นาที เมื่อวันพุธที่ 3 ตุลาคม ชาวอเมริกันหลายล้านคนได้รับข้อความทางโทรศัพท์มือถือที่พาดหัวว่า “การแจ้งเตือนจากประธานาธิบดี”

แต่นั่นไม่ได้มาจากประธานาธิบดีทรัมป์โดยตรง เป็นการทดสอบระบบการเตือนภัยที่ประธานาธิบดีสามารถใช้ได้ในกรณีที่ถูกโจมตีด้วยอาวุธจากประเทศอื่น การโจมตีทางไซเบอร์ หรือภัยพิบัติระดับชาติ

สำนักจัดการภาวะฉุกเฉินกลาง (The Federal Emergency Management Agency) หรือ FMA ผู้ทดสอบระบบนี้ประมาณการณ์ว่า สมาร์ตโฟน 225 ล้านเครื่อง หรือผู้ใช้ 75% ทั่วสหรัฐอเมริกาจะได้รับการแจ้งเตือนนี้ โดยส่งออกมาจากผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สาย

เจ้าของโทรศัพท์จะได้ยินเสียงเรียกเข้า ตามด้วยข้อความที่เขียนว่า Presidential Alert (การแจ้งเตือนจากประธานาธิบดี) ตามด้วย “นี่คือการทดสอบ (THIS IS A TEST) โดยระบบเตือนภัยฉุกเฉินไร้สายแห่งชาติ ไม่ต้องดำเนินการอะไร”

ข้อความแจ้งเตือนนี้จะอยู่บนหน้าจออุปกรณ์สื่อสารตลอดเวลาที่มันเปิดอยู่ และจะขึ้นในสมาร์ตวอทช์ด้วยและเลือกไม่รับ (opt out) ไม่ได้

การทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยรอบนี้ไม่เหมือนกับที่เคยเป็นมา เช่นในยุคสงครามเย็น เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นการทดสอบระบบด้วยการออกอากาศผ่านโทรทัศน์หรือวิทยุในกรณีฉุกเฉิน หรือทุกวันนี้ ผู้ใช้โทรศัพท์ก็มักได้รับการแจ้งเตือนอยู่แล้วเมื่อเกิดเหตุด่วน เช่นมีเด็กหาย น้ำท่วมฉับพลัน หรือการแจ้งเตือนพายุทอร์นาโด

แต่การแจ้งเตือนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่เป็นการแจ้งเตือนจากประธานาธิบดีที่ออกโดย FEMA ส่งเข้าโทรศัพท์มือถือทั่วประเทศ

เออร์วิน เรดเลนเนอร์ (Irwin Redlener) ผู้อำนวยการศูนย์เตรียมความพร้อมภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยโคลัมเบียบอกว่า การทดสอบระบบเป็น “ความคิดที่ดี” และมีหลายกรณีที่เป็นโอกาสดีสำหรับประธานาธิบดีที่จะสื่อสารกับประชาชนโดยตรง แต่เขาก็กังวลว่า สำหรับประธานาธิบดีทรัมป์ มันอาจจะถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง “นี่ไม่ใช่อำนาจที่ประชาชนอยากจะมอบให้ทรัมป์”

ขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่งก็กลัวว่าจะทรัมป์จะใช้การแจ้งเตือนนี้วิธีเดียวกับที่เขาใช้ทวิตเตอร์ มีการพูดถึงเรื่องนี้ทางโซเชียลมีเดีย บางคนประกาศว่าจะปิดโทรศัพท์ในช่วงที่มีการทดสอบด้วยแฮชแทค #Godark103

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีประชาชน 3 คนเพิ่งยื่นคำร้องต่อศาลนิวยอร์กให้ระงับการทดสอบระบบนี้ ซึ่งเรียกว่าการแจ้งเตือนไร้สายฉุกเฉิน (Wireless Emergency Alerts) หรือ WEA คดีนี้ฟ้องทรัมป์และบร็อค ลองผู้ว่าการ FEMA ว่าระบบแจ้งเตือนนี้ “ละเมิดสิทธิของประชาชนตามบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกาข้อที่ 1 และ 4 ซึ่งให้เสรีภาพแก่ประชาชนโดยไม่ต้องฟังที่สิ่งที่รัฐบาลบังคับ และไม่อนุญาตให้เข้าถึงหรือยึดครองอุปกรณ์สื่อสารของพวกเขา”

การยื่นฟ้องนี้ระบุว่า โจทก์เป็นชาวอเมริกัน “ซึ่งไม่ปรารถนาจะได้รับข้อความตัวอักษรของหัวข้อหรือเรื่องใดๆ จากประธานาธิบดีทรัมป์” พวกเขาบอกว่า รัฐบาลละเมิดความเป็นส่วนตัวและแทรกแซงบ้านของพวกเขา ซึ่งทำให้โทรศัพท์มือถือของประชาชนกลายเป็นเครื่องขยายเสียงของรัฐบาลที่บังคับให้ต้องฟัง

โจทก์เปรียบเทียบระบบนี้กับ “การจี้บังคับเอาทรัพย์สินส่วนตัวเพื่อวัตถุประสงค์ของการติดตั้งอุปกรณ์ขยายเสียงของรัฐบาลไว้ในบ้าน และไว้กับชาวอเมริกันทุกคน”

แต่ศาลนิวยอร์คไม่รับคำร้องนี้

โฆษกของ  FEMA อธิบายว่าข้อความไม่ได้มาจากประธานาธิบดีโดยตรง แต่ส่งในนามของประธานาธิบดี ซึ่งต้องผ่านการปรึกษาและติดต่อเจ้าหน้าที่ FEMA ก่อน และบอกว่าข้อกล่าวหาไม่มีเหตุผล แม้ไม่มีช่องทางเลือกไม่รับก็จริง แต่ระบบถูกบริหารจัดการอย่างดี ”มันจะไม่มีสถานการณ์แบบที่ประธานาธิบดีตื่นมาตอนเช้าวันหนึ่งแล้วก็ส่งข้อความส่วนตัวหรอก”

กฎหมายในปี 2006 ระบุว่าทำเนียบขาวสามารถออกการแจ้งเตือนจากประธานาธิบดีได้ ในกรณีที่ประชาชนตกอยู่ในอันตรายหรือมีเหตุฉุกเฉินระดับชาติ ไม่สามารถใช้ส่งข้อความส่วนตัวในนามของประธานาธิบดีได้ ส่วนระบบเตือนภัยไร้สายเกิดขึ้นในปี 2012

 

ที่มา:

 

Tags: ,