การพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และคิมจองอึนที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามหรือเวียดนาม ซัมมิต (Vietnam Summit)  ในวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ 2019 เป็นการพบกันครั้งที่ 2 ของทั้งคู่

สิ่งที่ทรัมป์คาดหวังจากการประชุมครั้งนี้คือ สามารถโน้มน้าวให้คิมล้มเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ให้ได้ แม้ว่าจนตอนนี้ก็ยังไม่มีการพูดกันให้ชัดว่า การปลดอาวุธนิวเคลียร์ (denuclearization) นั้นหมายถึงอะไร และคิมก็ยังไม่ได้ตกลงเรื่องขอบเขตเวลาแต่อย่างใด

การพบกันครั้งที่แล้วในสิงคโปร์ ผู้นำเกาหลีเหนือเห็นด้วยกับข้อตกลงกว้างๆ ที่ว่า “จะดำเนินการเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ในคาบสมุทรเกาหลี”

หลังจากทักทายกันด้วยการจับมือต่อหน้าธงของทั้งสองประเทศ และเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ ทั้งคู่มีกำหนดที่จะรับประทานอาหารร่วมกันในเย็นวันพุธ ก่อนการประชุมอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีที่ 28

ไม่มีใครตอบคำถามกับสื่อมวลชน ทรัมป์บอกแค่ว่าเป็นเกียรติที่ได้พบกับคิม และเป็นเกียรติที่ทั้งสองฝ่ายได้เจอกันที่เวียดนาม ทรัมป์ยังให้คำสัญญากับคิมจองอึนต่ออนาคตที่ยิ่งใหญ่ของเกาหลีเหนือ เขาตอบข้อวิจารณ์ที่บอกว่า การประชุมกับเกาหลีเหนือครั้งก่อนไม่นำไปสู่การลดอาวุธนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ โดยบอกว่า สำหรับเขา ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเป็นความก้าวหน้าที่ใหญ่ที่สุด

เขายังบอกกับคิมว่า “ผมคิดว่าประเทศของท่านมีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่มาก คุณเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ เราจะช่วยทำให้มันเกิดขึ้น”

ส่วนคิมจองอึนก็กล่าวว่า หลังจากเอาชนะอุปสรรคต่างๆ มา ตอนนี้เราก็มาอยู่ที่นี่แล้ว การที่เขาได้นั่งอยู่กับทรัมป์เป็นเพราะ “การตัดสินใจทางการเมืองอย่างกล้าหาญ” ของทรัมป์

นอกจากนี้ยังบอกว่าด้วยว่า เขาใช้ความคิดอย่างมากหลังจากการพบกันที่สิงคโปร์เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ เขาบอกว่า ‘โลกภายนอก’ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือผิด และหวังว่าการพบกันที่ฮานอยจะส่งผลลัพธ์ที่เป็นที่ยอมรับของทุกคน

ทั้งคู่มีท่าทีผ่อนคลายขณะเริ่มกินอาหารค่ำที่โต๊ะอาหารรูปวงกลม  ข้างๆ ทรัมป์คือรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ และเสนาธิการของสหรัฐอเมริกา ส่วนคิมมีรองประธานพรรคแรงงานและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือมาเข้าร่วมด้วย

ทรัมป์บอกว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ยุ่งมากๆ “ความสัมพันธ์ของพวกเราเป็นความสัมพันธ์ที่พิเศษ” เขาบอกไว้เช่นนั้น

 

ที่มา:

Tags: , , , , ,