แม้เรื่องหวยกับละครหลังข่าวจะกินพื้นที่ความสนใจผู้คนไปมาก แต่สัปดาห์นี้ เรื่องราวที่มาแรงในหมู่เหล่าคนหนุ่มสาว เห็นจะเป็นกระแสฟีเวอร์ #ธนาธร บุคคลที่บีบีซีไทยให้นิยามว่าเป็น ‘ไพร่หมื่นล้าน’ เมื่อเขาประกาศตัวว่าจะตั้งพรรคการเมืองเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในสนามเลือกตั้งครั้งต่อไป

ความวุ่นวายในการเมืองระดับชาติ ส่งผลสะเทือนไปถึงท้องถิ่น รวมถึงการระบาดของหมาบ้าในครั้งล่าสุด ที่หลายฝ่ายวิเคราะห์กันว่า มันมีปัญหาอะไรที่ทำให้ปีนี้เจอหัวหมาติดเชื้อมากขึ้นถึงสองเท่า รวมถึงเรื่องที่ต้องสะกิดใจ จากมาตรการเข้มของศุลกากรที่จะมุ่งใช้กับนักเดินทาง

ด้านกระแสโลกสัปดาห์นี้ไม่หดหู่นัก กับบรรยากาศการประกาศรางวัลออสการ์ครั้งล่าสุดที่ปีนี้อะไรๆ ค่อนไปทางเรียบง่าย ด้านการเมืองระดับโลกก็มีเรื่องให้เซอร์ไพรส์ เพราะทรัมป์ตอบตกลงจะไปพบกับผู้นำคิม ซึ่งคาดว่าน่าเป็นการเจรจาที่ช่วยหยุดการทดลองนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือได้

แต่ละเรื่องมีรายละเอียดอย่างไร ไปอ่านใน Trending This Week ที่ The Momentum รวบรวมเรื่องเด่นประจำสัปดาห์มาฝาก

อะไรนะ ‘การเลือกตั้ง’? และพรรคของคนรุ่นใหม่

นาทีนี้ หากใครไม่รู้จักธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็คงมีที่เริ่มคาใจหันไปถามคนข้างๆ แล้วว่า “นี่ๆ ธนาธรคือใครน่ะ” เพราะว่าเปิดเฟซบุ๊กมาก็เจอ เปิดทวิตเตอร์ก็เห็นแฮชแท็ก #ช่วยธนาธรตั้งชื่อพรรค ติดอยู่ในเทรนด์ดิง

อย่างที่เราได้ทราบข่าวกันว่า ตั้งแต่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา กกต. เปิดให้จดแจ้งชื่อพรรคการเมืองเป็นวันแรก และเป็นวันเดียวกับที่ที่บีบีซี ไทยได้เผยแพร่บทความ “Exclusive: “ไพร่หมื่นล้าน” จับมือ สมาชิก “นิติราษฎร์” เปิดตัวพรรคใหม่” ที่กล่าวถึงการจับมือกันตั้งพรรคระหว่างเขากับปิยบุตร แสงกนกกุล จากกลุ่มนิติราษฎร์

มองย้อนไปก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 61 ทางบีบีซี ไทย เผยแพร่บทความแนะนำธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะ ‘ไพร่หมื่นล้าน’ ที่ว่านี้ไปแล้ว แต่ในบทความแรกนั้น เพียงบอกว่าชวนมาเปิดโรดแมปชีวิตของธนาธร รองประธานกรรมการบริหาร ไทยซัมมิท กรุ๊ป วัย 40 ปี ว่ามีแนวโน้มหรือไม่ ที่เขาจะกระโดดเข้ามาในแวดวงการเมือง ซึ่งเขาตอบว่า “ต้องรอดูพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทั้งหมดก่อน ขณะนี้ยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนในการตัดสินใจ” กระนั้นก็ตาม เมื่อบีบีซี ชักชวนพูดคุยเข้าประเด็นที่ว่า รธน.’60 ดูจะปิดโอกาสนักการเมืองหน้าใหม่ เขากลับตอบว่า “ผมคิดว่าโอกาสมี ที่สำคัญมันไม่ใช่โอกาสด้วย มันเป็นภารกิจที่ต้องทำ” เขาระบุ

นับแต่นั้นเป็นต้นมานั้น ธนาธรก็เริ่มปรากฏหน้าตามสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งบทความในเว็บไซต์ คิด Creative Thailand ของ TCDC  เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเขาในด้านแวดวงนวัตกรรมว่า เป็นผู้ขยายอาณาจักรผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จนมีฐานการผลิตใน 7 ประเทศและพนักงานกว่า 20,000 คน บุกเบิกเทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วนน้ำหนักเบา และยังจับมือกับ Tesla ทำหน้าที่ผลิตระบบสายไฟฟ้าและตัวถังสำหรับ Model 3

หรือการให้สัมภาษณ์ในรายการ 101 One-on-One แบบ live ผ่านเฟซบุ๊กในวันเดียวกันนั้น ซึ่งมียอดผู้ชม 150,000 วิว และ 3,000 คอมเมนต์ทันทีที่จบรายการ ในรายการความยาวเกือบสองชั่วโมงนั้น มีบางบทตอนที่เขาได้เผยถึงเหตุผลที่กระโจนเข้ามาในสนามการเมือง ในยุคที่คนหลายคนเริ่มออกเสียงคำว่า “ประชาธิปไตย” ด้วยเสียงอันโรยแรง

“ปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจจริงๆ คือผมมองไม่เห็นอนาคต …ผมยังอยากอ่านหนังสือ ปีนเขา ฯลฯ แต่ผมคิดว่าผมทำสิ่งเหล่านั้นด้วยความสนุกไม่ได้ ตราบใดที่เรารู้สึกว่าเรามีพลังและไม่ได้ใช้พลังนั้นอย่างเต็มที่เพื่อทำให้สังคมดีขึ้น …เรามองไม่เห็นเลยว่าสังคมไทยจะออกจากวิกฤตครั้งนี้ได้ยังไง”

และจากคำถามว่าจะสลัดภาพความเป็นอา-หลานกับสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อย่างไร ธนาธรตอบว่า “ถ้าคุณใจแคบก็ดูที่นามสกุลผม แต่ถ้าคุณใจกว้างก็ขอให้ดูสิ่งที่ผมพูด และถ้าคุณใจกว้างขึ้นไปอีกก็ขอให้ดูจากสิ่งที่ผมทำ ผมไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้มากกว่านี้”

จากวาทะเฉียบๆ ในบทสัมภาษณ์ต่างๆ และโปรไฟล์ที่มองข้ามไม่ได้นี้เอง ทำให้เริ่มมีกลุ่ม ‘แฟนคลับ’ กรี๊ดกร๊าดพรรคไร้นามนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้ปริปากเล่านโยบาย กระแสสังคมออนไลน์ถึงขั้นเป็นห่วงว่าจะไม่มีชื่อพรรคไปจดแจ้ง ก็เลยช่วยกันส่งเสียงผ่านแฮชแท็ก #ช่วยธนาธรตั้งชื่อพรรค ซึ่งนานไปก็เริ่มกลายเป็นการเล่นมุกสร้างความขำขัน แต่ก็ช่วยกระพือสะพัดข่าวสารที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งนี้ไปไกล เช่น พรรคกะโรนี พรรคคะวะโต พรรคเสียงภะษาไทยโลยพังทะมิก หรือพรรคเถอะประย..

หันกลับไปมองอีกด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ได้ตอบคำถามสื่อมวลชน เกี่ยวกับคำถามว่า กรณีนี้เข้าข่ายการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ว่า ทาง คสช. คงจับตาอยู่ ถ้าล้ำเส้นเมื่อไรก็จะเตือนหรือต้องเชิญมาห้ามปราม

นาฬิกา / โน้ตบุ๊ก / ศุลกากร กับกฎคุมเข้มที่เปลี่ยนไป!

นับเป็นอีกข่าวดรามาที่ชวนให้คนเดือดกันทุกหัวระแหง โดยเฉพาะนักเดินทางผู้จะไปต่างประเทศ เมื่อกรมศุลกากรออกมาประกาศว่าบุคคลที่จะเดินทางออกนอกประเทศต้องนำสิ่งของที่พกติดตัวไปออกมาสำแดงกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร โดยเฉพาะนาฬิกา กล้องถ่ายรูป และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก—ซึ่งแน่นอนว่าเป็นไอเทมพื้นฐานสำหรับใครสักคนที่จะเดินทางออกนอกประเทศ แต่กลับต้องมาพบกับความเสี่ยงเกี่ยวกับการตรวจสอบและภาษีอากรเสียอย่างนั้น

ประกาศชิ้นนี้นำมาซึ่งความสับสนเคลือบแคลงของประชาชน ซึ่งทำให้กรมศุลกากรออกมายืนยันในภายหลังว่า นี่ไม่ใช่ประกาศฉบับใหม่ เพียงแต่จะกลับมาคุมเข้มกับกฎข้อนี้อีกครั้ง แล้วก็ออกมายืนยันในภายหลังอีกรอบว่า ไม่ได้กำหนดให้ผู้โดยสารทุกคนต้องสำแดงสิ่งของต่อเจ้าหน้าที่ และความตั้งใจคือต้องการอำนวยความสะดวกของผู้เดินทางด้วยซ้ำ (?)

จากข้อมูลทางไทยพีบีเอส นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีรักษาการที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร โฆษกกรมศุลกากรระบุว่า ประกาศฉบับใหม่ไม่ได้สร้างความยากลำบากให้ผู้โดยสารขาออก แต่เป็นไปเพื่ออำนวยความสะดวกในแง่ที่ว่า ขากลับมายังเมืองไทย ก็ไม่จำเป็นต้องสำแดงทรัพย์สินที่สำแดงไปแล้วตั้งแต่ขาออก ส่วนหากถูกเจ้าหน้าที่ตั้งข้อสงสัยว่ามีการนำเข้าจากต่างประเทศ จึงจะถูกดำเนินการในขั้นต่อไป

อีกส่วนที่สร้างความสับสนให้กับนักเดินทางก็คือเรื่องการจับจ่ายซื้อของในโซนดิวตี้ฟรีในประเทศแล้วฝากเคาน์เตอร์เอาไว้เพื่อรับกลับตอนเดินทางกลับ ทางศุลกากรก็แจ้งว่า สำหรับกรณีนี้ หรือซื้อสินค้าจากต่างประเทศก็ตาม หากรวมทั้งหมดแล้วมีมูลค่าไม่เกิน 20,000 บาท ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีอากร รวมถึงสินค้าบางประเภทที่ต้องมีการจำกัดปริมาณก็มีข้อกำหนดชัดเจน เช่น หากเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องมีปริมาณไม่เกิน 1 ลิตร ส่วนบุหรี่ต้องมีจำนวนไม่เกิน 200 มวน หรือ 1 กล่อง ฯลฯ

นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ซึ่งสามารถเข้าใจได้หากจะพูดถึงเรื่องการเลี่ยงภาษีในการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ แต่การที่จู่ๆ ศุลกากรก็ลุกขึ้นมาจริงจังกับภาษีอากรของประชาชนทั่วไปนี่เอง ยังนำไปสู่คำถามอื่นๆ ต่อมา เช่นมีกรณีที่ รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว. กรุงเทพฯ เชื่อมโยงเรื่องนี้กับนาฬิกาของคนมีสีอย่างพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ถูกละเลยและปล่อยผ่านเลยมาเนิ่นนาน พร้อมแนะนำเกี่ยวกับว่า ในฐานะเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ตามกฎหมาย ก็ควรธำรงความเคร่งครัดในการปฏิบัติหน้าที่ และไม่ใช้ช่องโหว่ทางกฎระเบียบเป็นช่องว่างในการหาผลประโยชน์เข้าสู่ตนเอง

แม้จะไม่ใช่ทุกคนที่ต้องเดินทางออกนอกประเทศตลอดเวลา แต่สำหรับเรา ในฐานะประชากรไทย ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ชวนกังวล เกี่ยวกับนโยบายของรัฐ และวิถีปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐเองที่หลายครั้ง—เป็นที่น่าสงสัยว่ากำลังใช้ช่องโหว่ทางกฎระเบียบเพื่อหาผลประโยชน์เข้าสู่ตนหรือองค์กรหรือไม่ นี่จึงเป็นเรื่องที่เราจำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในกาลต่อไป

หมาบ้าระบาดแรงกว่าปีที่แล้วสองเท่า สะท้อนปัญหาความหวาดกลัวการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น

ปีนี้ โรคพิษสุนัขบ้าระบาดหนักกว่าปีก่อนถึงสองเท่า แม้ยังไม่ทันเข้าหน้าร้อนดี ก็มีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าไปแล้วถึงสามราย

เมื่อดูสถิติย้อนหลัง พบว่า เดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2560 พบหัวสุนัขที่มีเชื้อบวกจำนวน 81 ตัวและ 79 ตัวตามลำดับ เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันในปี 2561 พบว่าเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ มีหัวสุนัขเชื้อบวกจำนวน 155 และ 160 ตัวตามลำดับ

ล่าสุด (9 มี.ค.) หลายอำเภอใน 31 จังหวัดประกาศเป็นพื้นที่โรคระบาดชั่วคราว รวมถึงกรุงเทพฯ และนนทบุรี และยังมีพื้นที่เฝ้าระวังอีก 42 จังหวัด

นายสัตว์แพทย์จีระศักดิ์ พิพัฒนพงศ์โสภณ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ตอนนี้สุนัขและแมวจรจัดเพิ่มมากขึ้นถึง 3.4 ล้านตัวทั่วประเทศ ซึ่งสัตว์จรจัดนี้เป็นตัวการที่ทำให้เชื้อแพร่ระบาด

ขณะที่ข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้าหนาหูขึ้น ในระยะหลัง การเบิกงบประมาณเพื่อจัดซื้อวัคซีนพิษสุนัขบ้ามีหลักเกณฑ์ที่ต่างไปจากเดิม

เว็บไซต์วอยซ์ทีวีค้นข้อมูลย้อนหลัง พบว่า นับแต่มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นตั้งแต่ปี 2543 องค์กรท้องถิ่นจะจัดซื้อวัคซีนมาฉีดให้แก่สัตว์ต่างๆ เมื่อเข้าฤดูร้อน แต่เมื่อปี 2557 เป็นต้นมา สตง. เข้าไปตรวจสอบการใช้งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ และท้วงติงว่า การใช้เงินซื้อวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า ของเทศบาลตำบลสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ไม่เป็นไปตามพ.ร.บ.โรคพิษสุนัขบ้า ที่กำหนดให้กรมปศุสัตว์ซึ่งอยู่ส่วนกลาง เป็นผู้รับผิดชอบจัดหาวัคซีน

นับจากนั้น สตง.ก็เกาะติดวัคซีนพิษสุนัขบ้าอย่างต่อเนื่อง เช่น พบว่ามีการจัดซื้อของไม่ได้คุณภาพ ราคาแพงเกินไป จนกระทั่งองค์การอาหารและยาต้องเข้ามาแทรกแซงการนำเข้าวัคซีน กระทั่งวัคซีนในประเทศไทยขาดสต็อคไประยะหนึ่ง

ด้านมติชนก็รายงานว่า นายศักดิพงศ์ ธรรมอาชวกุล ประธานสมาพันธ์ปลัดเทศบาลแห่งประเทศไทย มีความเห็นว่า กรมปศุสัตว์ไม่ควรไปขอเงินงบประมาณส่วนนี้จากสำนักงบประมาณ แต่ควรส่งเสริม อบรมอาสาสมัครให้ฉีดยาป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า แล้วมอบหมายให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการ เพราะใกล้ชิดชุมชนมากกว่าและสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันท่วงที

สำหรับ สตง. หากกังวลว่าจะเสียงบประมาณแผ่นดินหรือวิตกว่าท้องถิ่นจะทุจริต ก็ควรกำหนดราคากลางวัคซีนฉีดสุนัขให้ชัดเจน อปท.ควรจัดซื้ออย่างไรให้ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งขณะนี้ อปท.มีต้นทุนฉีดวัคซีนสุนัขและแมวตัวละ 15-20 บาทต่อปี

“อย่ามองว่าการฉีดสุนัขให้ประชาชนเป็นการหาเสียงทางการเมือง ทุกฝ่ายควรบูรณาการ หลังจากโรคพิษสุนัขบ้ากลับมาระบาดเพิ่ม หากแก้ปัญหานี้ไม่ได้ ระบบราชการไทยจะต้องสนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ได้อย่างไร” นายศักดิพงศ์กล่าว

น่าเป็นห่วงว่า หากปมปัญหาถูกเสนอทางออกให้การใช้งบประมาณต้องมาจากส่วนกลางเท่านั้น ก็ยิ่งทำให้เห็นชัดว่า การระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าไม่ได้เป็นเพียงแค่การแพร่กระจายของเชื้อไวรัส แต่อาจเป็นความหวาดกลัวที่การเมืองส่วนกลางหวาดผวาว่าท้องถิ่นต่างๆ จะมีบทบาทมากเกินไป

สำหรับเรื่องควรรู้เมื่อถูกสัตว์เลี้ยงอย่างหมาหรือแมวกัด ควรล้างแผลให้สะอาดแล้วรีบไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า “ปัญหาที่พบว่ามีคนเสียชีวิตจากเชื้อสุนัขบ้า มี 2-3 ส่วนคือ 1.ฉีดวัคซีนช้า หรือไม่ฉีดเลย 2.ฉีดไม่ครบ 3.ฉีดผิดวิธี และ 4.กรณีที่มีความรุนแรงของบาดแผลตำแหน่งที่ถูกกัด”

ออสการ์ 2018 ความหลากหลายของหนังที่ได้รางวัล สู่ความหลากหลายทางเชื้อชาติและเพศสภาพ

งานประกาศผลรางวัลออสการ์ 2018 เมื่อคืนวันอาทิตย์ 4 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา ไม่ค่อยพลิกโผในแง่ของหนังที่ได้รางวัลเท่าไรนัก ที่สำคัญรางวัลต่างๆ ก็ไม่ได้ตกอยู่กับหนังเรื่องใดเรื่องหนึ่งชนิดที่คว้าเรียบเป็นสิบรางวัลเหมือนหลายปีก่อนอีกแล้ว

บทสรุปของออสการ์ 2018 เมื่อ The Shape of Water คว้าไปมากสุด 4 รางวัลได้แก่ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม พ่วงด้วยผู้กำกับยอดเยี่ยม โดยผู้กำกับกิลเลอร์โม เดล โตโร รวมทั้งดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและออกแบบการสร้างยอดเยี่ยม จากที่เข้าชิงทั้งหมด 13 รางวัล

ขณะที่นักแสดงชายยอดเยี่ยมตกเป็นของ แกรี โอลด์แมน จากเรื่อง Darkest Hour ส่วนนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมตกเป็นของ ฟรานเซส แม็คดอร์มานด์ จากเรื่อง Three Billboards Outside Ebbing, Missouri เช่นเดียวกับ แซม ร็อคเวลล์ ที่ได้รางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากเรื่องหลังนี้เช่นกัน

ส่วนภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง Dunkirk ของคริสโตเฟอร์ โนแลน ก็คว้า 3 รางวัล จากเทคนิคตัดต่อยอดเยี่ยม บันทึกเสียงยอดเยี่ยม และลำดับเสียงยอดเยี่ยม แต่หนังกระแสดีในบ้านเราอย่าง Lady Bird, The Post และ All the Money in the World กลับไม่ได้แม้แต่รางวัลเดียวบนเวทีออสการ์

นอกจากความหลากหลายของหนังที่ได้รางวัลแล้ว ในออสการ์ 2018 ครั้งนี้ การสานต่อแคมเปญการคุมคาม

ทางเพศ อย่าง #Metoo ก็ไม่ได้ชัดเจนเหมือนกับงานลูกโลกทองคำก่อนหน้านี้ ไม่ได้มีการนัดแต่งชุดดำ หรือผูกริบบิ้นแสดงสัญลักษณ์แต่อย่างใด

แต่ออสการ์ 2018 เลือกแสดงจุดยืนเรื่องความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา และความเท่าเทียมกันทางเพศผ่านวิดีโอสัมภาษณ์คนวงการฮอลลีวูดในการเปิดงานครั้งนี้

ถ้าจะมีโมเมนต์ที่แสดงถึงกระแสดังกล่าวแล้ว เห็นจะเป็นของ ฟรานเซส แม็คดอร์มานด์ ขณะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม เธอใช้คำว่า ‘Inclusion Riders’ เป็นการปิดท้าย ซึ่งเป็นการให้คำมั่นสัญญาและเชิญชวนให้วงการฮอลลีวูดเปิดกว้างสำหรับคนทุกกลุ่ม นอกจากนี้เธอยังเชิญชวนนักแสดงหญิงและทีมงานผู้หญิงทุกคนที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในทุกสาขาให้ลุกขึ้นยืนรับรางวัลไปพร้อมๆ กับเธอ

ออสการ์ 2018 อาจไม่ใช่ออสการ์ที่คนพูดถึงมากนัก ส่วนหนึ่งหนังที่ได้รางวัลก็ไม่ใช่หนังใหญ่อะไร ขณะที่บนเวทีก็ไม่ได้มีโมเมนต์คำพูดที่ทรงพลังถึงขนาดจะตรึงใจเราได้ ขณะที่ประเด็นต่อต้านการคุกคามทางเพศก็ไม่ได้แสดงออกแบบรุนแรง

หากแต่ทั้งหมดนี้เป็นความเรียบง่าย และกลับไปสู่ความเป็นธรรมชาติของงานออสการ์อย่างที่เคยเป็นมา

ทรัมป์ – คิม จะพบกัน พ.ค.นี้

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ตอบตกลงที่จะพบปะกับ คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ในเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจาก คิม จอง-อึน ส่งเทียบเชิญผู้นำสหรัฐ ให้มาร่วมพูดคุยและหาทางออกของปัญหาคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งมีปมใหญ่เกี่ยวเนื่องกับการทดสอบขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

ก่อนหน้านี้ ชุง อึย-ยอง เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงสูงสุดประจำตัว มูน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เพิ่งเข้าพบทรัมป์ที่กรุงวอชิงตัน ชี้แจงความคืบหน้าจากการเยือนเกาหลีเหนือช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องหนึ่ง คือ นายคิมต้องการพบปธน.ทรัมป์โดยเร็วที่สุด

ด้านทรัมป์ก็แจ้งต่อนายชุงว่า เขาจะพบกับผู้นำเกาหลีเหนือภายในเดือน พ.ค. เพื่อปูทางไปสู่การลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างถาวร โดนัลด์ ทรัมป์ ยังทวีตด้วยว่า ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าวถึงการปลดอาวุธนิวเคลียร์กับตัวแทนจากรัฐบาลเกาหลีใต้ ไม่ใช่แค่ระงับโครงการอาวุธนิวเคลียร์ไว้ชั่วคราวเท่านั้น เกาหลีเหนือจะไม่ทดสอบขีปนาวุธในระยะนี้ แต่สหรัฐฯ ยังไม่มีแผนจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ จนกว่าจะมีการทำข้อตกลงเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์

นอกจากนี้ เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ต่างเห็นพ้องที่จะจัดการประชุมสุดยอดผู้นำสองประเทศภายในเดือน เม.ย.นี้ ที่อาคารสันติภาพภายในหมู่บ้านปันมุนจอม ในเขตปลอดทหารบริเวณชายแดนของทั้งสองเกาหลี ซึ่งหากการประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นจริง คิม จอง-อึน จะเป็นผู้นำเกาหลีเหนือคนที่แรกที่ก้าวเข้าไปในเขตแดนเกาหลีใต้

ด้านปฏิกิริยาจากมหาอำนาจประเทศอื่นๆ อย่าง สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ก็โทรศัพท์สายตรงถึงทรัมป์ แสดงความชื่นชมต่อการตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาคาบสมุทรเกาหลี ส่วนนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย ก็แสดงความยินดีต่อการที่สองผู้นำจะไปพบปะกันในการประชุมสุดยอดในเดือน พ.ค. โดยมองว่านี่เป็นการก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง และยังแสดงความหวังว่า ทั้งสองฝ่ายจะมีการบรรลุข้อตกลงเพื่อฟื้นฟูสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีกลับสู่ภาวะปกติ

Tags: , , , , , , , , ,