จากเรื่องเด่นสัปดาห์ที่แล้วอย่างเรื่องป้าทุบรถ แม้จะยังไม่จบแต่กระแสก็ค่อนข้างจางไปแล้วในสัปดาห์นี้ ต่างจากเรื่อง ‘หวยสามสิบล้าน’ ที่เป็นข่าวเลี้ยงกระแสได้ต่อเนื่องมาแล้วกว่าสามเดือน

แต่นอกจากเรื่องหวย รอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีสารพัดเรื่องราวที่น่าติดตาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรายการเดินหน้าประเทศไทยวัยทีน ร้อยเวรที่ทองผาภูมิถูกลงโทษภาคทัณฑ์หลังรับคดีเปรมชัย การเสียชีวิตของพล.ต.อ.สล้าง บุนนาค และความคึกคักของสายเขียวในการจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ ฯลฯ

The Momentum จัดสิบอันดับข่าวเด่นติดเทรนด์ในรอบสัปดาห์มานำเสนอ

กองปราบฯ รวบตัว ‘ครูปรีชา-เจ๊บ้าบิ่น’ ด้านทนาย-ลุงจรูญยืนยัน นายตำรวจระดับสูงมีเอี่ยว

เรียกได้ว่าฝันค้างไปตามๆ กัน เมื่อคำแถลงของ ผบ.ตร. ในวันที่ 28 ก.พ. ก็ยังไม่มีการระบุว่าใครคือเจ้าของลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 60 โดยบอกเพียงแค่ว่า จากการสอบสวน ลุงจรูญไม่มีพยานหลักฐานที่ยืนยันได้ ขณะที่ครูปรีชามีพยานให้สอบสวน แต่คำกล่าวอ้างไม่ตรงกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ทำให้การฟ้องร้องของคดีนี้ต้องให้ทั้งคู่ไปฟ้องร้องกันเอง เจ้าหน้าที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกัน ศาลอาญาก็อนุมัติออกหมายจับนายปรีชา ใคร่ครวญ และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น ในสามข้อหา โดยข้อหาที่มีโทษสูงสุดคือจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ซึ่งเที่ยงของวันนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ ก็เข้าควบคุมตัวครูปรีชาต่อหน้าบรรดาลูกศิษย์ที่โรงเรียนเทพมงคลรังษี และหลังจากนั้นไม่กี่นาที เจ๊บ้าบิ่นก็ถูกตำรวจควบคุมตัวออกจากบ้านพักในชุมชนเตาปูน จ.กาญจนบุรี

หลังจากการควบคุมตัว พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ก็ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว โดยระบุว่ามีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่า ฝ่ายครูปรีชาแจ้งความเท็จ ขณะเดียวกัน การสอบสวนพยานเพิ่มเติมก็ทำให้ได้ข้อมูลที่มีความชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งทำให้พยานได้รู้ว่า คำให้การที่ให้ไว้กับพนักงานสอบสวนในตอนแรกนั้นคลาดเคลื่อนจากสิ่งที่พยานให้ข้อมูล

ในวันต่อมา (1 มี.ค.) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พร้อมกับลุงจรูญและภรรยา ก็ให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘เป็นเรื่อง เป็นข่าว’ ทางช่องพีพีทีวี โดยในช่วงท้ายของรายการ ลุงจรูญยืนยันว่ามีนายตำรวจระดับสูงใน จ.กาญจนบุรีเกี่ยวข้องกับกรณีนี้ ขณะที่นายษิทราก็ยืนยันว่ากรณีมีการร่วมมือกันเป็นขบวนการ โดยมีนายตำรวจยศ พ.ต.ท. ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโยงไปถึงนายตำรวจระดับ ‘ผู้การ’ และในเวลานี้ ‘ผู้การ’ คนนี้ก็กำลังวิ่งเต้นเพื่อเจรจาพูดคุยกับตำรวจสอบสวนกลาง

หลังจากนี้คงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีตำรวจระดับสูงถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่

เดินหน้าประเทศไทย วัยทีน ยุค ’90s

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 ก.พ. 61 ที่ผ่านมา มีรายการเปิดตัวใหม่ที่ทำให้หลายคนเหวอไปตามๆ กัน ไม่ใช่ละครบุพเพสันนิวาสหรือแดรกควีนไทยแลนด์ แต่เป็นรายการ ‘เดินหน้าประเทศไทย วัยทีน’ ที่ทำให้วัยทีนและไม่ทีนตกใจจนมือลั่นแคปจอมาแชร์กันอย่างแพร่หลาย เพราะทั้งกราฟิกฉากหลัง (ที่ถ่ายในสตูดิโอบลูสกรีน) การแต่งกาย และการแต่งหน้าพิธีกรชาย-หญิงทั้งสองนั้น ดูไม่วัยรุ่นเลยสักนิด หรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่วัยรุ่นหรือ ‘คนรุ่นใหม่’ ในปี 2561

Voice TV ได้สัมภาษณ์วัยรุ่นย่านสยามสแควร์ว่าคิดอย่างไร เด็ก ม.6 คนหนึ่งตอบว่า “เคยเห็นผ่านๆ ในอินเทอร์เน็ต เท่าที่เห็นก็คิดว่าเขาแต่งตัวแปลกดี เหมือนเขามุ่งจะเจาะกลุ่มวัยรุ่น แต่ดูเหมือนจะเป็นวัยรุ่นผิดยุค”

บางเพจก็ไว หยิบองค์ประกอบในรายการมาแซ็วอย่างทันทีทันใด เรียกเสียงหัวเราะขบขันแบบขื่นๆ ส่วนหนึ่งก็โอดครวญว่า โอ๊ยยย เอาเงินภาษีพวกเราไปทำอะไร บางฝ่ายเลยเถิดไปถึงตำหนิหน้าตาและรสนิยมผู้ดำเนินรายการทั้งสอง บ้างก็ว่าเป็นลูกหลานทหารแน่นอน ถึงมาจัดรายการได้

อย่างไรก็ตาม หมิว-ภวรัณชณ์ บรรณารักษ์ พิธีกรหญิง ซึ่งมีผลงานการเป็นพิธีกรมาก่อนหน้านี้แล้ว ออกมาบอกชัดว่า เธอรับงานพิธีกรนี้จากคำชักชวนของรุ่นพี่ที่เคยร่วมงานกัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเส้นสายทหาร ไม่ทราบเรื่องงบประมาณในการผลิต ละหากใครรู้จักก็จะพอทราบว่าเธอไม่ขอยุ่งเกี่ยวในเรื่องการเมือง

“ไม่ใช่ลูกท่านหลานเธอมาจากไหน ไม่ได้ใช้เส้นเข้า มีคนบอกหนูเป็นลูกทหารหรือเปล่า หมิวอยู่ตัวคนเดียว พ่อแม่แยกทางกัน ส่งตัวเองเรียนมาตั้งแต่เรียนปี 2 หมิวรักในอาชีพพิธีกร พยายามทำทุกงานที่รับโอกาสอย่างเต็มที่”

และสำหรับคำวิจารณ์การผลิต เธอบอกว่า “หมิวและทีมงานพร้อมจะปรับปรุงและแก้ไขพัฒนาให้ดีขึ้นตามกรอบที่สามารถทำได้ เรื่องเสื้อผ้าหน้าผมใครอยากสนับสนุน หมิวก็ยินดี (ขอให้ไม่นุ่งน้อยห่มน้อยเนอะ)”

เมื่อเราได้มีโอกาสเปิดดูคลิปรายการตอนที่ฮือฮากันนี้แล้วก็พบว่า เนื้อหาไม่ได้แย่ แต่เป็นการแนะนำแอปพลิเคชันของหน่วยงานภาครัฐ เช่น แอปฯ MEA SmartLife ที่เอาไว้จ่ายค่าไฟ คำนวณค่าไฟฟ้า และตรวจสอบจุดที่แจ้งว่าจะมีการดับไฟ แอปฯ Thailand Tourism Directory แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียง และแอปฯ ที่ ‘นายกฯ ตู่’ (ตามคำพูดของพิธีกร) อยากให้ทุกคนมาใช้ ก็คือ EchoEnglish สอนภาษาอังกฤษและทดสอบการออกเสียง จัดทำโดยหน่วยงานรัฐ ทั้งหมดนี้ดูน่าทดลองใช้ เพื่อติดตามผลงานภาครัฐว่าจะเป็นอย่างไรกันบ้างใน ‘ยุค 4.0’ ที่ผลักดันอย่างแข็งขัน

วันแรกจดแจ้งชื่อพรรคการเมืองใหม่ หลายพรรคประกาศจุดยืน ชูประยุทธ์เป็นนายกฯ คนนอก

1 มี.ค.61 คือกำหนดวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติเริ่มปลดล็อคให้บรรดากลุ่มต่างๆ ที่อยากจะตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่เริ่มยื่นคำขอจัดตั้งพรรคได้

เมื่อพ้นวันหยุดมาฆบูชาไปแล้ว เปิดทำการมาวันที่ 2 มี.ค. จึงถือเป็นวันแรกที่ได้เริ่มเห็นตัวละครทางการเมืองในกลุ่มใหม่ (ที่แม้จะหน้าเก่าไปบ้าง) ได้ชัดเจนขึ้น เพียงวันแรกของการเปิดรับจดทะเบียนพรรคก็มี 42 กลุ่มมาแจ้งความประสงค์

ส่วนกลุ่มไหนจะเป็นพรรคอะไหล่หรือเป็นสายใยของใคร คงต้องไปตามแกะรอยกัน

พรรคแรกที่จดแจ้งชื่อพรรคใหม่ คือ พรรค ‘พลังชาติไทย’ ที่มี พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ นายทหารประจำสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นว่าที่หัวหน้าพรรค และก่อนหน้านี้ก็ทำกิจกรรมทางการเมืองในพื้นที่ต่างจังหวัดมาก่อนใคร ในนามองค์กร ‘จิตอาสา พลังชาติไทย

อีกพรรคที่มาจดแจ้งชื่อแล้ว คือ พรรค ‘เพื่อชาติไทย’ มีนางอัมพาพันธ์ ธนเดชสุนทร อดีตภรรยา พล.อ. สุนทร คงสมพงษ์ หัวหน้าคณะรัฐประหารเมื่อปี 2535 หรือ รสช. เป็นหัวหน้าพรรค ชูนโยบายเรื่องการปรองดอง โดยขนกองเชียร์เสื้อยืดสีขาวที่มีรูปภาพหน้าของนักการเมืองที่เป็นกลุ่มขัดแย้งเรียงกันเป็นรูปหัวใจ โดยมีภาพใบหน้า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยู่ตรงกลาง

ส่วนที่เป็นข่าวต่อเนื่องว่าจะมาแน่ๆ คือพรรคการเมืองของคสช.ที่เดิมทีเล็งกันว่าอาจใช้ชื่อว่า ‘ประชารัฐ’ นั้น ในวันแรกนี้มีผู้มาจดชื่อพรรคว่า ‘พลังประชารัฐ’ โดยผู้จดแจ้งมีชื่อว่า ‘ชวน ชูจันทร์’ แต่ยังไม่มีข้อมูลมากนัก แต่หากเป็นพรรคในเครือคสช. ก็จะเสริมแรงด้วยกลุ่มของ ไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่มาจดชื่อแล้วในนามพรรค ‘ประชาชนปฏิรูป’ ชูธงชัดเจนหนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี

อีกกลุ่ม ก็คือการรีเทิร์นของพรรคการเมืองใหญ่ในอดีตที่ถูกยุบไป คือ พรรคพลังธรรม โดยจะมาในนามพรรค ‘พลังธรรมใหม่’ ที่เน้นระบบคุณธรรม สืบทอดเจตนารมย์เดิมของพรรคพลังธรรมในอดีตที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต และโปร่งใส และไม่ขัดหากพล.อ.ประยุทธ์จะนั่งเก้าอี้นายกฯ คนนอก นำโดยหัวหน้าพรรค นายแพทย์ระวี มาศฉมาดล และมีกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคที่เคยอยู่กับพรรคการเมืองในอดีต เช่น พรรคพลังธรรม (ที่ถูกยุบไป) พรรคมหาชน พรรคความหวังใหม่

ส่วนที่ยังไม่ปรากฏตัวในวันแรก แต่เป็นข่าวต่อเนื่อง ก็เช่นความเคลื่อนไหวของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ส่อแววจะตั้งพรรคของกปปส.ขึ้นมา

อีกกลุ่มที่ใหม่เอี่ยมที่เป็นข่าว คือกลุ่มเลือดใหม่อายุน้อยที่ประกาศชูแนวคิดสังคมนิยมประชาธิปไตย อุดมการณ์เอียงซ้าย ขับเคลื่อนโดยนักธุรกิจเครืออุตสาหกรรมยานยนต์ นักวิชาการด้านกฎหมาย และเยาวชนคนรุ่นใหม่

นอกจากพรรคใหม่ที่ประกาศการเคลื่อนไหวชัดเจน คาดว่ายังมีกลุ่มต่างๆ ที่สนใจเรื่องการจัดตั้งพรรคการเมืองมีอยู่ราว 114 กลุ่ม จำนวนนี้อิงตามกลุ่มต่างๆ ที่เข้าร่วมฟังแนวทางการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่กับกกต.เมื่อ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา

หลังจาก 2 มี.ค.เป็นต้นไป คงได้เห็นกลุ่มก้อนต่างๆ ที่ชัดเจนขึ้น และคิวถัดไป พรรคการเมืองเก่า ก็จะถึงคิวยืนยันสถานะบ้าง แต่ต้องรอให้ถึงวันที่ 1 เม.ย. 2561 เสียก่อน

พรรคกปปส.จะมาไม่มา มาแล้วจะแย่งที่นั่งใคร

เริ่มมีเค้าลางชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าเลือกตั้งครั้งนี้เราอาจจะได้เห็นพรรคการเมืองที่เติบโตจากการเคลื่อนไหวในนามกปปส.

สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย เคยประกาศไว้ว่าจะตั้งพรรคการเมือง โดยอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อสมาชิกพรรค โดยพรรคกปปส. อาจใช้ชื่อว่า พรรค ‘มวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข’

ที่เป็นกังวลไปทุกฝ่ายคือ หากจะมีพรรคในนามกปปส.จริง สมาชิกพรรคจะมาจากไหน เพราะดาวเด่นจากเวทีกปปส.จำนวนไม่น้อยก็คือตัวเด่นของพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าเกิดกรณีย้ายค่ายก็ย่อมอาจจะเสี่ยงแย่งคะแนนเสียงจากพื้นที่ต่างๆ กันเอง อีกทั้งทางกปปส.ก็ประกาศจุดยืนชัดแล้วว่าจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งขัดกับแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องสนับสนุนหัวหน้าพรรคอย่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ด้านธานี เทือกสุบรรณ น้องงชายของสุเทพ เทือกสุรรณ ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมรายชื่อสมาชิกผู้ก่อตั้งจำนวน 500 คน คาดว่าจะสามารถจดทะเบียนพรรคได้ภายในเดือนมีนาคมนี้

สำหรับจุดยืนของพรรค เน้นไปตามแนวทางกปปส. ที่จะยืดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ปฏิรูประบบราชการ และให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง

หากพรรคกปปส.เกิดขึ้นจริง มวลชนผู้สนับสนุนอาจมีหนักใจว่าจะให้ใจให้คะแนนกับใคร ระหว่าง กลุ่มเครือข่ายสายตรงคสช. พรรคกปปส. หรือพรรคหม้อข้าวเก่าอย่างประชาธิปัตย์

พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิถูกสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ หลังรับแจ้งความคดีเปรมชัยทารุณกรรมสัตว์ป่า

แม้เจ้าสัวเปรมชัย กรรณสูต กับพวก จะถูกจับกุมพร้อมของกลาง และเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหารวมแล้ว 9 ข้อหา แต่คนไทยจำนวนหนึ่งก็ยังหวั่นเกรงว่า อำนาจบุญบารมีอาจหนุนเนื่องให้เจ้าสัวรายนี้รอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีไปได้ในท้ายที่สุด

ล่าสุด การขอถอนแจ้งความของหัวหน้าด่านกักกันสัตว์กาญจนบุรี ก็ยิ่งตอกย้ำให้คนจำนวนหนึ่งคิดเห็นไปเช่นนั้น

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตร ผู้กำกับ สภ.ทองผาภูมิ มีคำสั่งลงวันที่ 28 ก.พ. 2561 ให้ลงโทษภาคทัณฑ์ร้อยเวร โดยระบุว่า ตามที่นายณรงค์ชัย สังวรวงศา หัวหน้าด่านกักกันสัตว์กาญจนบุรี ได้แจ้งความร้องทุกข์เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ให้ดำเนินคดีกับนายเปรมชัยและพวก ในความผิดฐานกระทำการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร และรับคำร้องทุกข์ไว้ แต่ในวันที่ 21 ก.พ. นายณรงค์ชัยมาพบ ร.ต.อ.สุมิตร บุญยะนิจ พนักงานสอบสวน พร้อมกับให้ปากคำเพิ่มเติมว่า หลังจากแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ได้ไปตรวจสอบความหมายของคำว่า ‘สัตว์’ ตามมาตรา 3 ของ พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 พบว่าให้หมายความรวมถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่ารัฐมนตรียังไม่ได้ประกาศกำหนด จึงขอถอนคำร้องทุกข์ ด้วยเหตุนี้ ร.ต.อ.สุมิตรจึงบกพร่องต่อหน้าที่ เนื่องจากรับคำร้องโดยไม่ตรวจสอบข้อกฎหมายให้แน่ชัดว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายหรือไม่

ทั้งนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจาก พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ตำหนิพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิที่รับแจ้งความคดีนายเปรมชัยข้อหาทารุณกรรมสัตว์ป่า ซึ่ง พล.ต.อ.ศรีวราห์ชี้แจงว่าเสือดำเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองอยู่แล้ว จึงไม่มีข้อหาทารุณกรรมสัตว์เหมือนกับสัตว์เลี้ยง ตำรวจเป็นผู้รักษากฎหมาย จึงต้องรู้กฎหมาย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ภาพของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ที่ค้อมตัวต่ำรับไหว้นายเปรมชัยซึ่งเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ ก็เรียกเสียงฮือฮาจากโลกโซเชียลได้แบบดังกระหึ่มอีกระลอก โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวภายหลังสอบปากคำว่าขณะนี้สำนวนคดีคืบหน้าไปแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าจะสรุปสำนวนส่งฟ้องให้พนักงานอัยการได้ไม่เกินวันที่ 26 มี.ค.

พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ เสียชีวิตในวัย 81 ปี

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ก.พ. โดยตำรวจได้รับแจ้งว่ามีคนตกจากที่สูงภายในห้างสรรพสินค้าย่านแจ้งวัฒนะ ซึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บทราบชื่อในเวลาต่อมาว่าคือ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ก่อนทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

สิ่งที่น่าสนใจคือจากการตรวจสอบสิ่งของที่ พล.ต.อ.สล้างพกติดตัวไปด้วย พบข้อความเขียนด้วยลายมือบนกระดาษสามแผ่น โดยกระดาษแผ่นหนึ่งเขียนถึงการขนส่งระบบรางซึ่งเขาเสนอแนวคิดให้ใช้รางขนาด 1.435 เมตร การคัดค้านรถไฟทางคู่ขนาด 1.000 เมตรและรถไฟฟ้ายกระดับ การผลักดันให้สร้างทางด่วน Autobahn แบบในเยอรมนี ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงการปฏิรูปตำรวจ

สำหรับ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค เคยตำแหน่งที่สำคัญคือผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจและรองอธิบดีกรมตำรวจ ฝ่ายป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ รวมทั้งเป็นนายตำรวจที่มีบทบาทในการนำกำลังตำรวจเข้าล้อมปราบนักศึกษา-ประชาชนในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 โดยในเวลานั้น พล.ต.อ.สล้างได้รับคำสั่งให้นำกำลังตำรวจปราบจลาจล 200 นายไปรักษาความสงบที่บริเวณท้องสนามหลวงและหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนจะมีการใช้อาวุธหนักโจมตีเข้าไปในมหาวิทยาลัย ทำให้มีนักศึกษาและประชาชนเสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน ในบ่ายวันนั้น พล.ต.อ.สล้างยังไปที่สนามบินดอนเมืองเพื่อค้นหาตัว ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย พล.ต.อ.สล้างได้ต่อว่า ดร.ป๋วยและใช้มือตบที่ใบหู ซึ่ง พล.ต.อ.สล้างอธิบายในภายหลังว่าได้รับวิทยุสั่งการให้รีบเดินทางไปที่สนามบินดอนเมืองเพื่อช่วยเหลือ ดร.ป๋วยให้รอดพ้นจากการถูกกลุ่มประชาชนทำร้าย

บุพเพสันนิวาสฟีเวอร์ ออเจ้า กลายเป็นคำฮิตติดปาก เรตติ้งพุ่งกระฉูด แถมดังไกลถึงเมืองจีน

ละครพีเรียดหลงยุคอย่าง บุพเพสันนิวาส ที่นำแสดงโดย โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ แสดงเป็น พ่อเดช หมื่นสุนทรเทวา และ เบลล่า-ราณี แคมเปน ที่แสดงเป็นแม่หญิงการะเกด ก็ฮิตระเบิดระเบ้อ กลายเป็นละครที่สร้างกระแสฟีเวอร์ในชั่วข้ามคืน

โดยเฉพาะการแสดงของเบลล่าที่กลายเป็นมีมสุดฮอตในโลกออนไลน์ พ่วงด้วยประโยคเด็ดๆ ถึงกับต้องมีการรวมคำศัพท์และอธิบายความหมายของแต่ละคำ เพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น เช่น

  1. ออเจ้า หมายถึง เธอ หรือ คุณ เป็นสรรพนามแทนบุคคลที่ 2 ใช้แทนคนที่เราพูดด้วย เพียงแต่เอาไว้เรียกคนที่อายุน้อยกว่า
  2. เวจ  หมายถึง ที่ถ่ายอุจจาระ หนักเบาสมัยกรุงศรีอยุธยา ลักษณะเป็นส้วมหลุมนั่งยองๆ
  3. แชเชือน หมายถึง การพูดแบบเถลไถล ไม่ตรงไปตรงมา
  4. วิปลาส หมายถึง ความรู้เห็นที่คลาดเคลื่อนหรือความรู้เข้าใจอันผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง
  5. เพลาชาย หมายถึง ช่วงเวลาบ่ายโมง

ละครเรื่องนี้ยังเรียกเรตติ้งให้ช่อง 3 เป็นอย่างมาก เพียงแค่ออกอากาศตอนแรกก็ได้เรตติ้งในกรุงเทพฯ ไปถึง 5.8 และทั่วประเทศไทย 3.4 และไม่ใช่แค่ในไทยเท่านั้น ที่เมืองจีนในกลุ่มคนดูละครไทย ก็นำละครเรื่องนี้ไปแปลเป็นซับจีนเรียบร้อยแล้ว

ปิดฉากคอลัมน์ ‘กาแฟดำ’ พร้อมกับการอำลาเนชั่นอย่างเป็นทางการของสุทธิชัย หยุ่น

เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 61 ที่ตึกเนชั่น สุทธิชัย หยุ่น คนข่าวผู้ก่อตั้งเครือเดอะเนชั่น ประกาศอำลาบริษัทที่เขาก่อตั้งและปลุกปั้นมากับมือ โดยจะยังอยู่กับเครือเนชั่นไปจนถึง 5 มีนาคม หลังจากก่อตั้งหนังสือพิมพ์ The Nation มาตั้งแต่ปี 2514 และเป็นเวลามากถึง 47 ปี ที่เขาผ่านร้อนผ่านหนาวในวงการสื่อสารมวลชน

นอกจากการยุติบทบาทในฐานะที่ปรึกษากองบรรณาธิการเครือเนชั่นแล้ว คอลัมน์กาแฟดำในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจก็อำลาหน้าหนังสือพิมพ์ไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 61 ที่ผ่านมา ซึ่งคอลัมน์ ‘กาแฟดำ’ เป็นคอลัมน์ประจำตัวที่เขียนถึงเหตุการณ์บ้านเมืองมาตลอดหลายสิบปี ภารกิจการจัดรายการโทรทัศน์ผ่านช่องเนชั่นทีวีก็ยุติไปในวันเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม เขาจะยังคงผลิตข่าวสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างเพจเฟซบุ๊ก Suthichai Yoon และทำหน้าที่ต่อในตำแหน่ง กรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

สำหรับการอำลาเครือเนชั่นของสุทธิชัย หยุ่น เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นในบริษัทเครือเนชั่น ที่กลุ่มบริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ NEWS ของฉาย บุนนาค เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และตามมาด้วยการส่งผู้บริหารกลุ่มใหม่เข้าไปทำหน้าที่แทน

อยู่ต่อเลยได้ไหม – สี จิ้นผิง และการ ‘เสนอ’ แก้ รธน. จีน

สำนักข่าวซินหัวรายงานในวันที่ 25 ก.พ. 61 ว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนเสนอยกเลิกบทบัญญัติที่กำหนดให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งได้แค่สองสมัย (สมัยละ 5 ปี) เพื่อเปิดช่องให้ สี จิ้นผิง บริหารประเทศต่อหลังปี 2023 ซึ่งเป็นกำหนดหมดวาระในปัจจุบัน หลังจากดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2013

การกำหนดให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 10 ปีนี้เริ่มต้นตามแนวคิดของ เติ้ง เสี่ยวผิง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายแบบในสมัยของประธานเหมา เจ๋อตง แต่ดูเหมือนนายสีแสดงท่าทีตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งว่า เขาจะไม่ทำตามข้อกำหนดนี้ ต่างจากผู้นำสองคนก่อนหน้า

ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเรื่องราวน่าจะลงเอยเช่นนี้

เมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว The Economist ยกให้ สี จิ้นผิง เป็นผู้นำทรงอิทธิพลสูงสุด เพราะจีนในโลกยุคสมัยใหม่ก้าวขึ้นมามีอำนาจในโลกแทบทุกด้าน มีการลงทุนในเศรษฐกิจระหว่างประเทศในสเกลใหญ่หลายอย่าง เช่น ทางรถไฟ ท่าเรือ โครงสร้างพื้นฐาน และโครงการเชื่อมต่อระบบโลจิสติกส์ระหว่างยุโรป-เอเชีย อย่าง One Belt One Road ที่มองว่าเป็นการต่อท่อเสริมอำนาจให้แผ่ขยาย

อย่างไรก็ตาม The Economist ก็เตือนไว้ว่า ในอีกด้าน จีนภายใต้สี จิ้นผิง ก็เกิดการรวมศูนย์อำนาจอย่างเข้มข้น

เศรษฐกิจก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับความทันสมัย แต่การเติบโตของอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี ก็มาพร้อมการควบคุมสอดส่องอย่างประชิด และสีผู้มีอำนาจล้นเหลือจะไม่ลงจากตำแหน่งง่ายๆ เมื่อครบวาระ

คณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเสนอแก้ไขบทบัญญัติดังกล่าว ระหว่างการประชุมประจำปีสภาประชาชนแห่งชาติ ซึ่งจะเริ่มต้นวันที่ 5 มี.ค. นี้

ค.ร.ม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ใหม่ พร้อมรับฟินเทค

เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 61 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่ามีมติเห็นชอบอนุมัติหลักการร่างพ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ฉบับแก้ไขใน 7 เรื่องสำคัญ

โดยสาระสำคัญคือการปรับปรุงบทนิยามการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ให้เหมาะสมครอบคลุมไปถึงการระดมทุนผ่านสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ การหนุนเทคโนโลยีทางการเงิน Fintech และ Starup พร้อมเพิ่มอำนาจหน้าที่ของก.ล.ต. ในการคุมเข้มสั่งการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทจัดทะเบียนได้ รวมทั้งจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน หรือซีเอ็มดีเอฟ เพื่อพัฒนากลไกตลาดทุนของประเทศ

สาเหตุที่มีการร่าง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ใหม่นี้ เพราะพ.ร.บ.เก่าใช้มาตั้งแต่ปี 2535 ซึ่งไม่มีความยืดหยุ่น ไม่สอดรับกับปัจจุบันที่เรื่องการเงินเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีทางการเงิน หรือฟินเทค รวมทั้งในหลายเรื่องที่พ.ร.บ.เก่า ไม่เป็นไปตามหลักสากล  ไม่เพียงพอกับการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ที่ลงทุนเท่าที่ควร นอกจากนี้ยังไม่สอดคล้องกับการพัฒนารูปแบบการดำเนินธุรกิจในตลาดทุน

ร่างพ.ร.บ.ฉบับใหม่อยู่ในขั้นเตรียมจะเสนอร่างกฎหมายให้กับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบ ก่อนเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือสนช. พิจารณาต่อไป

Tags: , , ,