แม้เป็นกระแสเกรียวกราวมานานเกือบเดือน กับข่าวของ ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม มาสัปดาห์นี้ เรื่องราวอาจแผ่วลงไปบ้าง แต่หลังจากตูนหยุดพักการวิ่งไปสองวัน ก็กลับมาวิ่งระดมทุนเพื่อบริจาคให้โรงพยาบาล 11 แห่งตามแผนเดิม จากจุดเริ่มต้นที่ยะลา จนวันนี้วิ่งไปราว 20 วัน ก็เข้าสู่ประจวบคีรีขันธ์แล้ว
ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่สัปดาห์ก่อนฮือฮามาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง หมอขับรถชน รปภ. ในกระทรวงสาธารณสุข ตำรวจซ้อมวิธีเต้นยั่วให้คนร้ายปล่อยตัวประกัน หรือเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีลุงตู่ 5 ฯลฯ มาสัปดาห์นี้ เรื่องเหล่านี้หายเงียบ เหมือนมันเกิดขึ้นมานานจนเรื่องซาไปเอง ทั้งที่จริงๆ เหตุก็เพิ่งเกิดสัปดาห์ก่อนนี้เอง
เอาล่ะ เข้าสัปดาห์ใหม่ คลื่นข่าวสารระลอกใหม่ก็ซัดมา The Momentum มาอัปเดตให้เช่นเคย ทุกเช้าวันเสาร์
1. เพิ่งถึงบางอ้อ เก็บ ‘อวัยวะ’ ไม่ต้องบอกญาติ เป็นเรื่องปกติ
ไม่ใช่หนังสืบสวนสอบสวนแนวฆาตกรรม แต่นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับนักเรียนเตรียมทหาร เมย – ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนาในโรงเรียน
ตามกฎหมายแล้ว กรณีเสียชีวิตผิดธรรมชาติต้องมีการชันสูตรเสมอ ซึ่งหมอก็ได้ให้คำอธิบายมาแล้วว่าหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน แต่ครอบครัวยังคงติดใจ นำไปสู่การทำพิธีเผาศพปลอมๆ แล้วส่งร่างกายไปชันสูตรที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ก่อนจะพบว่าอวัยวะภายในหายไป รวมถึงสมองก็มีกระดาษทิชชู่ยัดเอาไว้แทน
ความแคลงใจจึงเพิ่มขึ้นมา นอกจากเรื่องที่ว่า อะไรทำให้เมยเสียชีวิตแล้ว ยังมีข้อสงสัยว่าทำไมต้องเอาอวัยวะออกไปจากร่างกาย ทั้งสองประเด็นนี้ไม่มีการแจ้งข้อมูลให้ครอบครัวทราบ
อย่างไรก็ดี เรื่องการเก็บอวัยวะไว้ กฎหมายไทยเปิดช่องให้ทำได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม เพราะถือเป็นวัตถุพยาน ในส่วนนี้ สาวตรี สุขศรี อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. เห็นว่า กรณีช่องโหว่ทางกฎหมายนี้ ทำให้สังคมไทยต้องทบทวนว่า การจะเก็บอวัยวะคนคนหนึ่งเอาไว้ ควรแจ้งญาติของเขาหรือไม่ แล้วควรเป็นอำนาจการตัดสินใจของใครว่าจะพิจารณาเก็บหรือไม่เก็บ
ปัจจุบัน ญาติไปรับอวัยวะเพื่อส่งไปชันสูตรยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์แล้ว
ก่อนเสียชีวิต เมยถูกสั่งให้ ‘ธำรงวินัย’ หรือ ‘ถูกซ่อม’ ซึ่งกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ใหญ่โตตลอดสัปดาห์ ถึงกระบวนการฝึกทหารที่เน้นการใช้อำนาจและความรุนแรง จนทางกลาโหมต้องออกมาเบรคเสียงวิจารณ์ บอกให้สังคมรอข้อเท็จจริงที่กองทัพกำลังสอบสวนเสียก่อน ส่วนพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ์ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมบอกว่า ทุกคนที่เข้าเรียนจะต้องเตรียมใจยอมรับว่าต้องมีการซ่อมหรือธำรงวินัยเกิดขึ้นทุกรุ่น หากทำผิดกฎระเบียบของโรงเรียน ซึ่งตนเองก็เคยผ่านการถูกซ่อมมาแล้วเช่นกัน และยืนยันเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะคนละเรื่องกัน
เรื่องนี้ใหญ่โตถึงขั้นมองกันว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำ จนต้องปฏิรูปทหารและกองทัพ ขณะที่อีกฝ่ายแย้งว่ามันไม่เกี่ยวกับสถาบัน แต่อาจเป็นเรื่องระดับบุคคล ที่รุ่นพี่บางคนทำรุนแรงเกินกว่าเหตุต่อรุ่นน้อง ล่าสุด พี่สาวของเมยออกมาโพสต์เฟซบุ๊กแล้วว่า เรื่องนี้ควรตั้งข้อสงสัยเจาะจงเป็นตัวบุคคล วอนสังคมหยุดโจมตีโรงเรียนเตรียมทหารซึ่งเป็นสถาบันอันทรงเกียรติ ซึ่งทำให้เสียงวิจารณ์ส่วนหนึ่งถึงกับผงะไป
2. ระบบสมัคร GAT-PAT ล่ม งานเข้านักเรียน ม.ปลาย
นักเรียนมัธยมปลายใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มกันเป็นแถว เมื่อวันพุธที่ 22 พ.ย. สทศ. ได้เปิดระบบรับสมัคร GAT-PAT เป็นวันแรก แต่ปรากฏว่าหลายคนพบข้อความ ‘the service is unavailable.’ หรือบางคนก็พบหน้าจอที่มีข้อความ ‘หมดเขตเลือกสนามสอบ’ ที่อาจทำให้ต้องกุมขมับ เพราะการสอบ GAT-PAT คือ การทดสอบวิชาความถนัดทั่วไป (GAT) และการทดสอบวิชาความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ (PAT) ซึ่งต้องนำคะแนนไปใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อใช้เลือกคณะต่างๆ และปีนี้มีการปรับเปลี่ยนโดยลดการทดสอบเหลือเพียงหนึ่งครั้ง นั่นหมายความว่าถ้าเกิดความผิดพลาด เช่น สมัครไม่ได้หรือได้สนามสอบที่เดินทางลำบาก ก็อาจมีผลต่ออนาคตทางการศึกษาของพวกเขา
แต่ สทศ. ออกมาชี้แจงแล้วว่า สาเหตุความผิดพลาดเกิดจากมีผู้สมัครวันแรกมากถึง 92,000 คน มากกว่าปีก่อนที่วันแรกอยู่ที่ 57,000 คน (ผลมาจากการลดจำนวนครั้งในการสอบ) ซึ่งทำให้ระบบรองรับได้ไม่เต็มที่ จึงจำเป็นต้องปิดระบบการเลือกสนามสอบในกรุงเทพฯ นนทบุรี และปทุมธานี ไว้ชั่วคราว เพื่อให้ผู้สมัครทั้งหมดสามารถใช้งานเว็บไซต์และระบบการชำระเงินได้ตามปกติ แล้วจึงเปิดให้นักเรียนในสามจังหวัดดังกล่าวกลับมาเลือกสนามสอบได้อีกครั้งบ
ด้าน ผอ. สทศ. ออกมาบอกว่า “ขอยืนยันระบบการรับสมัครไม่ล่ม เพียงแต่ช้าเท่านั้น”
3. บีทีเอสเสีย จอดมืดกว่าชั่วโมง
มนุษย์ผู้สัญจรในกรุงเทพฯ มีเรื่องให้หัวร้อนกันอีกแล้ว เมื่อรถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้องค้างเติ่งอยู่ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในช่วงเวลาหลังเลิกงาน คือช่วงหกโมงเย็นกว่าๆ ของวันพฤหัสบดีที่ 23 พ.ย.
ความขัดข้องนี้ไม่ได้แค่ทำให้หงุดหงิดแค่พอจิ๊ปาก 5-10 นาที แต่โหดตรงที่กินระยะเวลายาวนานเกือบชั่วโมง ผู้โดยสารหลายคนถึงกับลงไปนั่งบนพื้นอย่างท้อแท้ ท่ามกลางความมืดสลัว เพราะไฟดับ เหลือเพียงแสงจากไฟสำรอง แต่อย่าคาดหวังจะได้เจอความสงบเพราะเสียงโฆษณายังทำงานตามปกติ ไม่เพียงแต่วิกฤตที่เกิดขึ้นในขบวนเท่านั้น การที่รถไฟฟ้าจอดค้างอยู่บนราง จึงทำให้มีผู้โดยสารตกค้างอยู่ตามสถานีต่างๆ จำนวนมาก
ภายหลังทางบีทีเอสได้ชี้แจงว่า ความขัดข้องดังกล่าวเกิดจากระบบลมเบรกอ่อน ทำให้เซฟตีล็อกตัดกระแสไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ และเปิดให้มารับคืนค่าโดยสารและจำนวนเที่ยวในบัตรแล้ว
หลายคนทวีตต่อว่า แสดงความเห็นว่านี่ไม่ใช่แค่การขัดข้องชั่วครั้งชั่วคราวเสียแล้ว เพราะระยะหลังมานี้บีทีเอสเสียหลายครั้งต่อเดือน และบางคนโวยวายว่ามีนัดสำคัญ ที่เลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็เพื่อหลีกเลี่ยงรถติด แต่กลับต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ทางบีทีเอสจะรับผิดชอบอย่างไร บ้างก็ยังคับแค้นใจจากการปรับราคาขึ้นค่าโดยสารครั้งล่าสุด ที่ไม่สอดรับกับคุณภาพการบริการ
4. ป้อน MV คุกกี้ให้เหล่าโอตะ
หลังจากเหล่าโอตะรอคอยมานาน ในที่สุดเมื่อวันเสาร์ที่ 18 พ.ย. วง BNK48 ก็ปล่อยมิวสิกวิดีโอเพลง ‘คุกกี้เสี่ยงทาย (Koisuru Fortune Cookie)’ ซึ่งเป็นเพลงติดหูทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่ตอนนี้ออกมาให้ชมกัน กับท่าเต้นสุดน่ารักและเนื้อร้องทำนองอันครื้นเครงติดหู “แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย~” ที่ฟังแค่ท่อนแรกก็จั๊กจี้หัวใจ ชวนให้อยากย้อนวัยกลับไปมีความรักเขินๆ
เราอาจคุ้นเคยท่าเต้นเพลงนี้มาพักหนึ่งแล้วจากคลิปที่สาวๆ BNK48 แบ่งทีมละสามคน ออกมาปล่อยคลิปเต้น แม้จะเหมือนอัดคลิปกันเล่นๆ แต่ความน่ารักทะลุจอจนใครต่อใครถึงกับมือลั่นกดปุ่มแชร์กันไปทั่วเมื่อกลางเดือนกันยายน คลิปนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเชิญชวนให้คนทางบ้านมาร่วมสนุกส่งคลิปเต้น เพื่อให้ได้รับเลือกไปเต้นในมิวสิกวิดีโอตัวจริงร่วมกับสาวๆ
มิวสิกวิดีโอเพลง ‘คุกกี้เสี่ยงทาย’ นี้ มีเซ็นบัตสึ ซึ่งหมายถึงสมาชิกจำนวน 16 คนที่ถูกเลือกมาร้องเพลงในซิงเกิลนี้ ร่วมถ่ายทำกับแฟนๆ กว่า 2,000 คนที่สวนสยาม แทรกองค์ประกอบที่ขับเน้นเอกลักษณ์ของกรุงเทพฯ อย่างวินมอเตอร์ไซค์ เวทีมวย คนขับรถตุ๊กตุ๊ก เยาวราช ฯลฯ โดยมีโมบายล์ พิมรภัส ผดุงวัฒนะโชค เป็นเซ็นเตอร์ของเพลง
แต่หลังจากได้ดูมิวสิกวิดีโอนี้ไป โอตะหลายๆ คนก็บ่นโอดโอยถึงคุณภาพการถ่ายทำและตัดต่อที่น่าผิดหวัง เมื่อเทียบกับต้นฉบับจากวงรุ่นพี่ AKB48 และพ่วงด้วยข้อวิจารณ์ในแง่มุมต่างๆ เรื่อยไปจนถึงการออกแบบชุด คุณภาพแสง การซ้อมเต้นที่ไม่เข้มข้นพอ ฯลฯ แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าพวกเขารัก BNK48 น้อยลง เพียงคาดหวังให้ทีมงานดูแลภาพลักษณ์น้องๆ ให้ออกมาดีกว่านี้
5. เปิดโปงขบวนการล้มบอลไทย
สมาคมฟุตบอลนำโดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดโปงขบวนการล้มบอลไทยเมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากใช้เวลาตรวจสอบเรื่องนี้มาเป็นปี
จากการตรวจสอบและรวบรวมหลักฐานต่างๆ พบว่ามีการทำงานเป็นขั้นเป็นตอน เริ่มจากจากเว็บไซต์พนันฟุตบอลต่างประเทศ หรืออาจจะเป็นนายทุนต่างประเทศ ดำเนินผ่านตัวแทนในไทย เพื่อติดต่อกับผู้บริหารทีม ผู้ตัดสิน และนักฟุตบอล ให้มีกำหนดผลการแข่งขันล่วงหน้า
ผลการตรวจสอบมีสี่แมตช์ที่ต้องสงสัยว่ามีการล้มบอลเกิดขึ้น และมีผู้เกี่ยวข้องในขบวนการนี้ทั้งหมด 12 คน แบ่งเป็นนักฟุตบอลห้าคน กรรมการสองคน และอีกห้าคน เป็นนายทุนหรือผู้บริหารสโมสร
ด้านบทลงโทษสำหรับนักเตะที่เกี่ยวข้อง มีทั้งโดนยกเลิกสัญญา ไม่จ่ายเงินเดือน ส่วนกรรมการโดนสมาคมฟุตบอลไทยแบนห้ามลงตัดสินเกมทันที
ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ ยังระบุอีกว่าการล้มบอลไทยมีมานานเป็นสิบปีแล้ว แต่ไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควร เชื่อว่าการเปิดโปงขบวนการล้มบอลในครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น น่าจะมีอีกหลายคนที่เกี่ยวข้อง ต้องดูกันต่อไป
6. นักข่าวรุมถาม แอฟ-ทักษอร รัวๆ หย่ากับสงกรานต์หรือยัง?
แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ ดารานักแสดง โดนนักข่าวถามรัวๆ ถึงความสัมพันธ์กับสงกรานต์ เตชะณรงค์ สามีนักธุรกิจ ว่าเป็นอย่างไร ยังรักกันดีหรือแยกกันอยู่ ซึ่งแอฟก็ได้ตอบทุกประเด็นอย่างชัดเจน
ในงานอีเวนต์เปิดตัวสินค้าใหม่งานหนึ่ง ไฮไลต์อยู่ที่ดาราสาว แอฟ-ทักษอร ที่มาร่วมงาน หลังจากเสร็จสิ้นอีเวนต์ นักข่าวก็รุมถามแอฟถึงความสัมพันธ์กับสงกรานต์ เธอโดนยิงคำถามรัวๆ เช่น หย่าหรือยัง มีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องไหม ถ้าสงกรานต์มาง้อจะคืนดีไหม ที่ยังไม่เซ็นใบหย่าเพราะสงกรานต์ไม่ยอมใช่ไหม
เรียกว่ามีเป็นสิบคำถามที่รุมยิงใส่แอฟ-ทักษอร แบบรัวๆ ยาวนานเกือบ 15 นาที จากนั้น โซเชียลมีเดียก็แชร์ภาพของแอฟภายหลังให้สัมภาษณ์ที่กำลังโผกอดคนสนิทพร้อมน้ำตาคลอเบ้า เวลาต่อมา แอฟโพสต์ข้อความในอินสตาแกรมเพื่อบอกว่า ที่น้ำตาคลอเบ้าไม่ใช่เพราะเรื่องส่วนตัว แต่เพราะซาบซึ้งในทุกกำลังใจ
7. ลุ้นตัวแทนไทยรับมงกุฎมิสยูนิเวิร์ส 2017
หน้าฟีดข่าวเต็มไปด้วยโพสต์ส่งแรงเชียร์แรงใจให้ ‘มารีญา พูลเลิศลาภ’ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปีล่าสุด ซึ่งเป็นตัวแทนสาวงามของประเทศไทยไปคว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส 2017 ที่แพลเน็ต ฮอลลีวูด นครลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา โดยเปิดโหวตกันมาแล้วตั้งแต่ 01.00 น. ของวันอังคารที่ 21 พ.ย. จนถึง 01.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 26 พ.ย. ตามเวลาประเทศไทย เพื่อผ่านเข้าสู่การประกวดรอบตัดสินในเช้าวันจันทร์ที่กำลังจะมาถึง
แน่นอนว่าสีสันของกองประกวดมิสยูนิเวิร์สในปีนี้นั้นไม่แพ้ปีก่อน เป็นที่ฮือฮาและทำใครต่อใครลุ้นตัวโก่งอีกเช่นเคย เพราะมารีญาได้ติดลิสต์ Top 5 ของเหล่าเว็บไซต์และยูทูบที่ทำนายผลการตัดสิน จัดเป็นตัวเต็งในกระแสในโซเชียลมีเดีย
มารีญายังได้สวมชุดประจำชาติ ‘เมขลาล่อแก้ว’ หนักกว่าแปดกิโลกรัม อวดโฉมสู่สายตาชาวโลกร่วมกับสาวงามอีก 93 ประเทศ (เมื่อ 19 พ.ย. ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งการปรากฏตัวนี้ก็ได้รับเสียงเชียร์กระหึ่มไปทั้งฮอลล์ พิธีกรกล่าวเสริมให้ทุกคนเห็นภาพว่า “ชุดนี้เหมือนยกกรุงเทพฯ มาที่ลาสเวกัส”
8. เช็กอิน ‘ทุ่งบัวตอง’ พืชต่างถิ่นสยอง vs ไม่สยอง
เรื่องนี้เริ่มต้นด้วย ผศ.ดร.ศศิวิมล แสวงผล ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมแนบภาพทุ่งบัวตองเหลืองอร่าม บนดอยแม่อูคอ อ.ขุมยวม แม่ฮ่องสอน ที่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวนั้น โดยเปิดประเด็นว่า ‘บัวตอง สยองขวัญ…’ แสดงความกังวลว่าดอกบัวตองนี้สวยงามแต่ร้ายกาจ มีฤทธิ์เหมือนเป็นเอเลี่ยน เพราะบัวตองสร้างพิษต่อพืชอื่นๆ ทำให้พืชอื่นๆ ไม่สามารถเติบโตได้ ทำลายระบบนิเวศดั้งเดิมไปแล้วเป็น 1,000 ไร่
ต่อมา เกษตรอำเภอและชาวบ้านแม่อูคอบางรายได้กล่าวกับสื่อมวลชนทำนองว่า ดอกบัวตองมีมานานแล้ว มันแยกกันอยู่คนละส่วน ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนาข้าว และไม่ได้เป็นปัญหาของชาวนา รวมถึงชาวบ้านอยู่ดีมีสุขกับการท่องเที่ยว
สำหรับผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตและสิ่งแวดล้อมนั้น กล่าวว่า พบดอกบัวตองในบริเวณนี้ก่อนกรมป่าไม้จะประกาศให้เป็นวนอุทยานแห่งชาติปี 2542 โดยอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ แม่สุรินทร์ และแม้ดอกบัวตองจะเป็นพืชต่างถิ่นก็จริงแต่ไม่ส่งผลกระทบต่อป่าธรรมชาติ
ด้านรองหัวหน้าฝ่ายสิ่งแวดล้อม องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศหรือ ไอยูซีเอ็นนั้นกล่าวว่า ถ้ากำจัดดอกบัวตองทิ้งจนหมดก็จะดูใจร้ายกับชาวแม่ฮ่องสอนเกินไป ด้วยดอกบัวตองนี้สามารถสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านในท้องถิ่น แต่ครั้นจะปล่อยมันขยายพันธุ์อย่างไร้ขอบเขตก็คงไม่ถูก โดยในบางพื้นที่ที่เป็นเขตอนุรักษ์ก็ต้องมีการควบคุมด้วยบ้าง
9. แงะมูกาเบจากเก้าอี้ หลังครองที่นั่ง 37 ปี
โรเบิร์ต มูกาเบ ประธานาธิบดีซิมบับเว วัย 93 ปี ยอมลงจากตำแหน่ง หลังถูกกดดันด้วยกำลังทหารและมวลชนขับไล่
จากที่กองทัพเข้ายึดอำนาจเมื่อ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา กดดันให้มูกาเบลาออก ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดเมื่อ 21 พ.ย. มูกาเบก็ยอมลาออกอย่างเป็นทางการ เปิดทางให้เอ็มเมอร์สัน มนังกากวา อดีตรองประธานาธิบดีที่ถูกมูกาเบปลด เตรียมขึ้นรับตำแหน่งเป็นผู้นำประเทศคนต่อไป
ความขัดแย้งครั้งนี้เกิดต่อเนื่องมาหลังจากก่อนหน้านี้ มูกาเบขับไล่มนังกากวาเพื่อเตรียมเปิดทางให้ เกรซ ภรรยาผู้ฟุ้งเฟ้อของเขาขึ้นดำรงตำแหน่งแทน และเรื่องนี้กลายเป็นชนวนให้กองทัพจับอาวุธขึ้นมากดดันขับไล่มูกาเบ
แหล่งข่าวในรัฐบาลซิมบับเวกล่าวกับรอยเตอร์ว่า การลาออกครั้งนี้มีเงื่อนไขว่ามูกาเบต้องยังสามารถอยู่ภายในประเทศได้อย่างปลอดภัย เพราะเขาไม่ได้อยากลี้ภัยไปที่อื่น และยังได้สวัสดิการสำหรับผู้เกษียณอายุ ไม่ว่าจะเป็นเงินบำนาญ บ้านพัก ค่าเดินทาง ประกันสุขภาพ ฯลฯ
การลาออกของมูกาเบทำให้ผู้คนในเมืองหลวงออกมาเฉลิมฉลองกันอย่างคึกคัก หลังอยู่ภายใต้การปกครองของเขามานานถึง 37 ปี
10. ชัชชาตินั่งรถไฟจากกทม.ไปแปดริ้ว 13 บ. แต่นั่งตุ๊กตุ๊กไปโรงแรมในจังหวัด 120 บ
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โพสต์ภาพและข้อความลงเฟซบุ๊กแฟนเพจของตัวเองว่าด้วยเรื่องราวการเดินทางไปร่วมงานสัมมนาที่โรงแรมแห่งหนึ่งในฉะเชิงเทรา
ครั้งนี้ชัชชาติลองใช้บริการรถไฟจากหัวลำโพงไปแปดริ้ว ซึ่งค่าโดยสารถูกเพียง 13 บาท แต่เมื่อถึงสถานีปลายทางและต่อรถตุ๊กตุ๊กไปยังสถานที่จัดสัมมนากลับต้องจ่ายค่าโดยสารมากถึง 120 บาท คนขับตุ๊กตุ๊กยังมองหน้าเขาก่อนบอกราคา และเดินขากะเผลก เป็นแผลที่ขา เมื่อถามว่าเป็นอะไร ได้รับคำตอบว่าเกิดอุบัติเหตุ ชนกับรถเก๋งมา
โพสต์นี้มีรายละเอียดด้วยว่า “รถไฟออกช้าไป 9 นาที ผู้โดยสารไม่แน่นมาก สภาพตู้โดยสารสะอาด เส้นทางดี รถวิ่งได้เรียบครับ นั่งอ่านหนังสือ เตรียมบรรยาย ลมเย็นสบาย มองไปนอกหน้าต่างเห็นวิวทิวทัศน์ เขียวขจี เผลอแป๊บเดียว ถึงสถานีฉะเชิงเทรา ตอนเวลา 11:44 น. ก่อนกำหนดเวลา 11:45 น. หนึ่งนาที เป็นการใช้เงิน 13 บาทที่คุ้มค่ามาก ๆ เลยครับ” ทำให้มีผู้คนต่างพากันแสดงความคิดเห็นเชิงชื่นชมถึงวิถีติดดิน และความเข้าใจระบบคมนาคมไทยของชัชชาติ เช่นที่เคยเกิดขึ้นกับโพสต์ลองนั่งบีทีเอสและรถเมล์สาย 8 โพสต์นี้ได้แต้มไลก์ไปแล้วเกือบสองหมื่น และมีคนช่วยแชร์อีกกว่าพันแชร์
Tags: เมย - ภคพงศ์ ตัญกาญจน์, สถาบันนิติวิทยาศาสตร์, GAT-PAT, ฺบีทีเอส, คุกกี้เสี่ยงทาย, ขบวนการล้มบอล, แอฟ-ทักษอร, มิสยูนิเวิร์ส 2017, ทุ่งบัวตอง, ถูกซ่อม