ใช่ว่าเรื่องสำคัญหลายเรื่องจะถูกลืม แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ว่าเรื่องไหนๆ ก็ต้องหลีกทางให้กับ #ป้าทุบรถ กับเรื่องราวที่ทุกฝ่ายต่างเป็นผู้กระทำผิด บนกติกาที่พังไม่เป็นท่า หากเป็นคำถามนิติปรัชญา งานนี้คงถกกันได้ไม่มีจบสิ้น

นอกจากทุกข์ชาวบ้านในกรณีนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมามีเรื่องทั้งเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และการเมือง ที่เคลื่อนไหวต่อเนื่องมาตลอดสัปดาห์

ทุบรถคันเดียว สะเทือนทั้งวงการ!

นี่คือประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาและมี #ทีมป้า แน่นโลกออนไลน์ฯ ซึ่งตอนนี้เรื่องก็ไปไกลถึงประเด็นการจัดตั้งตลาดโดยผิดกฎหมายในหมู่บ้านเสรีวิลล่า และดูเหมือนว่า กทม. ก็รู้เห็นมาตลอด

จากคลิปวิดีโอ น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ และ น.ส. รัตนฉัตร แสงหยกตระการ ใช้ขวานกับเสียมทุบรถกระบะที่จอดขวางประตูหน้าบ้านที่ติดป้ายชัดเจนว่ามีคำสั่งศาลไม่อนุญาตให้จอดรถขวางประตู เนื่องจากก่อนหน้านี้ ครอบครัวป้าเคยต้องย้ายแม่ที่ป่วยไปนอนประจำที่โรงพยาบาลเพราะเกรงว่าหากเกิดเหตุฉุกเฉินแล้วมีรถจอดขวางประตูจะลำบาก

เหตุการณ์ในคลิปนี้ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่า ป้าทำรุนแรงเกินกว่าเหตุหรือเปล่า แล้วควรทำอย่างไรกับปัญหาการจอดรถขวางหน้าบ้านคน (ที่ภายหลังประชาชนจำนวนไม่น้อย แห่ไปเซลฟี่กับป้ายหน้าบ้านป้า)

เรื่องได้บานปลายไปถึงว่า รถส่วนใหญ่ที่จอดบริเวณนั้นเป็นของลูกค้าหรือผู้ขายในตลาดที่มีอยู่ถึงห้าแห่ง ในบริเวณหมู่บ้านเสรีวิลล่า เขตประเวศ ตลาดเหล่านี้ล้อมรอบบ้านป้าและลูกบ้านรายอื่น ทั้งที่ที่ดินจัดสรรแปลงดังกล่าวถูกขายเพื่อทำเป็นที่อยู่อาศัยเท่านั้น

ประเด็นยิ่งถูกขยี้แรงขึ้นอีกในรายการ ‘ถามตรงๆ กับจอมขวัญ’ ที่เชิญ ผอ. เขตประเวศมาสัมภาษณ์ โดยจอมขวัญ หลาวเพ็ชรตั้งคำถามเกี่ยวกับการเซ็นอนุญาตจัดตั้งตลาด ซึ่งผิดต่อกฎหมายมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข โดยผู้ชมก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ผอ. เขต ตอบไม่ตรงคำถาม

ในที่สุด พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ได้ลงพื้นที่เองและสั่งปิดตลาดสวนหลวง ตลาดรุ่งวาณิช และตลาดนัดร่มเหลืองที่จัดตั้งขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยให้เปิดขายได้ถึงวันที่ 27 ก.พ.นี้ ขณะที่ ผอ.เขตประเวศก็ออกมายืนยันว่าในช่วงที่เข้ารับตำแหน่งกว่าสองเดือน ไม่เคยรับผลประโยชน์จากเจ้าของตลาดทั้งห้าแห่ง และหากศาลปกครองมีคำสั่งให้ย่านดังกล่าวเป็นที่พักอาศัยอย่างเดียวก็ต้องรื้อถอนตลาดทุกแห่ง

แต่ถึงอย่างนั้นฝ่ายคุณป้าก็ยังกังวลว่า หลังผ่านวันที่ 27 ก.พ.ไปแล้ว ทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิมอีกหรือไม่ เพราะ กทม.เองปล่อยให้ตลาดเปิดทำการและสร้างความเดือดร้อนให้คนในพื้นที่มากว่าสิบปี พร้อมยืนยันว่าไม่เชื่อใจในการบังคับใช้ข้อกฎหมายโดยอำนาจรัฐ

และเมื่อถามว่า ไม่ดีใจหรือที่ผู้ว่าฯ เรียกทุกฝ่ายพูดคุยเพื่อแก้ปัญหา ก็ได้คำตอบว่า “อ๋อ ไม่ดีใจเลยค่ะ” —ป้าฉัตรกล่าว  

ศาลตัดสิน พ่ออุ้มบุญญี่ปุ่น ได้อำนาจปกครองเด็กทั้ง 13 คน

ลองนึกสถานการณ์ขึ้นมาเล่นๆ ดูว่า หากตำรวจไทยไปเจอเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญสิบกว่าคน โดยมีพ่อคนเดียวกัน เป็นชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง สิ่งแรกที่คุณคิดคืออะไร

นี่คือเรื่องจริงของนายมิตซูโตกิ ชิเกตะ ที่กลายเป็นข่าวดังเมื่อสิงหาคม 2557 เมื่อตำรวจเข้าตรวจค้นคอนโดย่านลาดพร้าว แล้วพบพี่เลี้ยงเด็กเก้าคน ในจำนวนนี้เป็นหญิงท้องหนึ่งคน พร้อมเด็กทารกเก้าคน โดยเกิดจากการจ้างแม่อุ้มบุญชาวไทย และทั้งหมดเป็นการฉีดตัวอ่อนเข้าไปโดยใช้บริการจากคลินิกแห่งหนึ่ง

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นขึ้นมา เพราะกฎหมายไทยในตอนนั้นยังไม่รองรับ และนำไปสู่กรณีที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำกฎหมายคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ และบังคับใช้เมื่อ 30 ก.ค.58

เรื่องนี้จบลงเมื่อวันอังคาร (20 ก.พ.) ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ถนนกำแพงเพชร มีคำสั่งให้พ่ออุ้มบุญเด็ก 13 ราย (ซึ่งตอนนี้เด็กๆ อายุราว 4 ขวบ) ได้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว

หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่านายชิเกตะเป็นใคร ทำไมต้องอยากมีลูกเยอะแยะขนาดนั้น

สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า ชายวัย 28 ปีคนนี้เป็นบุตรชายคนโตของผู้ก่อตั้งบริษัท Hikari Tsushin บริษัทด้านโทรคมนาคมและประกันภัย ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ได้รับเงินปันผลจากการถือหุ้นจำนวนปีละหลายล้านดอลลาร์ ขณะที่ยังลงทุนทำธุรกิจในประเทศไทยและกัมพูชา เขากล่าวว่าต้องการมีลูกมากถึง 100-1,000 คน เพื่อให้ลูกๆ มาดูแลธุรกิจของครอบครัว เจ้าของคลินิกอุ้มบุญที่นายชิเกตะเคยใช้บริการเองก็กล่าวว่า เขาอยากมีลูกให้ได้ปีละ 10-15 คนไปเรื่อยๆ ทุกปีจนกว่าจะตาย

ทนายความของนายมิตซูโตกิ ชิเกตะ ออกมาให้ข้อมูลว่า ศาลพิเคราะห์แล้วฟังได้ว่า ลูกความของตนไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์หรือคดีความอาญาใดๆ และมีฐานะที่มั่นคงเหมาะสมและมีความต้องการที่จะเลี้ยงดูบุตรและอุปการะทุกคน และระบุว่านายชิเกตะได้เตรียมหาโรงเรียนนานาชาติเพื่อให้ลูกๆ ได้เข้าเรียน อีกทั้งเตรียมที่อยู่ซึ่งจะมีพยาบาลและพี่เลี้ยงคอยดูแล ตามที่อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชนได้ระบุไว้ เพื่อฝึกอบรมและทำความคุ้นเคยกับเด็กทั้งหมดก่อน

เบื้องต้น จะให้เด็กไปพักอยู่ในจังหวัดสระบุรีซึ่งนายชิเกตะจัดเตรียมไว้ โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะประสานติดตามอีกระยะหนึ่ง หรือประสานสถานทูตช่วยติดตาม ส่วนเรื่องที่เด็กทั้งหมดจะใช้สัญชาติใด หรือจะไปอาศัยในประเทศกัมพูชาหรือประเทศญี่ปุ่นนั้น เป็นเรื่องที่นายชิเกตะจะเป็นผู้ตัดสินใจ

สนช.ประชุมลับ คว่ำ กกต.ยกชุด

ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไม สนช. ถึงโหวตใหัคว่ำ กกต. ยกชุด เพราะ สนช.ใช้วิธีประชุมลับ ก่อนจะโหวตมติไม่เห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้งเจ็ดคน

เมื่อวันที่ 22 ก.พ. สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาการให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งมี พล.อ. อู้ด เบื้องบน เป็นประธานคณะกรรมาธิการสามัญที่ทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกกต.

ที่ประชุมสนช. พิจารณาประวัติของทั้งเจ็ดคน จากนั้นก็มีคำสั่งให้ประชุมลับประมาณหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ลงมติลับ

ผลคะแนนออกมาว่า สนช.ส่วนใหญ่ไม่เห็นชอบยกชุด คือ

  1. นายประชา เตรัตน์ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัด ไม่เห็นชอบ 125 เห็นชอบ 57 งดออกเสียง 86
  2. นายเรืองวิทย์ เกษสุวรรณ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ไม่เห็นชอบ 175 เห็นชอบ 10 งดออกเสียง 14
  3. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไม่เห็นชอบ 156 เห็นชอบ 27 งดออกเสียง 17
  4. นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ไม่เห็นชอบ 149 เห็นชอบ 30 งดออกเสียง 21
  5. นางชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัท วรวิสิฏฐ์ จำกัด และหัวหน้าสำนักงานกฎหมายสุธีรชาติ ไม่เห็นชอบ 168 เห็นชอบ 16 งดออกเสียง 16
  6. นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ไม่เห็นชอบ 128 เห็นชอบ 46 งดออกเสียง 26
  7. นายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ไม่เห็นชอบ 130 เห็นชอบ 41 งดออกเสียง 29

สำหรับสาเหตุที่ทำให้มติออกมาไม่เห็นชอบนั้น มีรายงานข่าวว่า ระหว่างการประชุมลับ พบว่าผู้สมัครทุกรายล้วนมีเรื่องร้องเรียนเข้ามา และมีบทวิเคราะห์ชี้ว่า ที่ประชุม สนช.ให้เหตุผลเรื่องตัวเลือกที่มีค่อนข้างจำกัด คือ มีผู้มาสมัครเพียง 41 คน ทำให้ไม่มีความหลากหลายเพียงพอที่จะคัดเลือกผู้ที่เหมาะสม รวมถึงมีข้อกังวลล่วงหน้าว่า ผู้ได้รับการเสนอชื่อสองคนที่มาจากศาลฎีกา ถูกทักท้วงว่าใช้กระบวนการสรรหาด้วยการลงคะแนนลับ จึงห่วงจะทำให้มีคนไปยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในภายหลัง ซึ่งจะทำให้เกิดความวุ่นวายตามมา

แล้วจะทำอย่างไรเมื่อรายชื่อว่าที่ กกต. ถูกคว่ำยกชุด? จากนี้ กระบวนการสรรหาต้องเริ่มใหม่ โดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาต้องสรรหาบุคคลมาให้ สนช. ลงมติให้ความเห็นชอบใหม่อีกครั้ง ส่วนในเวลานี้ ก็ให้ชุดรักษาการ กกต. ทำหน้าที่ต่อไปก่อน

ฉีดน้ำขึ้นฟ้า ขับไล่ PM2.5 

หลายสัปดาห์แล้วที่ PM2.5 อยู่กับเรา ล่าสุด กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ประจำวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561 ณ เวลา 15.00 น. ตรวจวัดได้ระหว่าง 22-33 มคก./ลบ.ม. ซึ่งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

แต่ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ที่หลายคนทั้งฮือฮาและส่ายหัว คือเมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรี สั่งการ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ให้ล้างถนนและทางเท้าในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละออง โดยทำช่วงเวลากลางคืนทุกวัน และมอบหมายให้กองทัพบกจัดกำลังทหารพร้อมรถน้ำแรงดันสูงเข้าร่วมกับ กทม. ฉีดพ่นละอองน้ำและทำความสะอาดสถานที่ต่างๆ ในห้าเขต ได้แก่ เขตราชเทวี  ปทุมวัน  ธนบุรี วังทองหลาง และบางนา

ที่หลายคนส่ายหัว  ส่วนหนึ่งก็เพราะคิดว่านี่เป็นการแก้ไขปลายเหตุ และดูไม่น่าจะได้ผลจริง แต่หลายคนก็มองว่า ยังดีกว่าอยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไรเลยเหมือนก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่มีแม้กระทั่งการแจกหน้ากากป้องกันฝุ่น PM2.5 ที่ยังไม่ได้หาซื้อง่ายๆ ได้ตามท้องตลาด

ทางด้านฟากนักวิชาการ รศ.ดร.เศรษฐ์ สัมภัตตะกุล หัวหน้าศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า การใช้รถฉีดน้ำขึ้นฟ้าของ กทม. บนถนนที่ตรวจพบค่า PM2.5 สูง ไม่ได้ช่วยทำให้ฝุ่นละอองขนาดเล็กลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากขนาดของหยดน้ำจะต้องสัมพันธ์กับขนาดของฝุ่นละอองด้วย จึงจะสามารถดักจับฝุ่นละอองให้ตกลงพื้นได้

“หัวฉีดน้ำดับเพลิงที่ กทม. ใช้อยู่ขณะนี้ดักจับฝุ่นละอองก็ได้เพียงขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เท่านั้น ส่วนการใช้น้ำฉีดบนถนนก็ช่วยชะล้างฝุ่นละอองได้ในระดับหนึ่ง แต่เมื่อน้ำระเหย ฝุ่นละอองก็ยังคงอยู่ และอาจลอยขึ้นฟ้าอีกครั้งเมื่อลมพัดผ่าน การใช้รถดูดฝุ่นเป็นประจำจะช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้”

ส่วนในเวทีเสวนาเมื่อวันที่ 20 ก.พ. หัวข้อ ‘ภัยร้ายฝุ่นกลางเมือง’ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดร.สุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อาจารย์คณะสาธารณสุขศาสตร์ มธ. กล่าวว่า  “คาดว่าสถานการณ์ฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะคงอยู่ไปจนถึงหลังกลางเดือนเมษายน สาเหตุจากสภาพอากาศ และ กทม.มีตึกสูงจำนวนมากที่โอบล้อมฝุ่นละอองไว้” และระบุว่าฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพฯ มาจากภาคคมนาคมขนส่งมากถึง 54 เปอร์เซ็นต์

จึงมีข้อเสนอมาตรการเฉพาะกิจระยะเวลา 90 วัน สำหรับช่วง ก.พ.-เม.ย.ของทุกปี ให้ลดจำนวนแหล่งกำเนิดมลพิษ ได้แก่ ขยายเขตพื้นที่การจำกัดเวลารถบรรทุกเข้าในเขตกรุงเทพมหานคร เพิ่มจากเขตรอยต่อกับจังหวัดปริมณฑลออกไปถึงวงแหวนรอบนอก และถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นอีก ให้จำกัดรถส่วนบุคคลเข้าในเขตกรุงเทพฯ ทะเบียนรถเลขคู่ในวันคู่ และทะเบียนรถเลขคี่ในวันคี่ เป็นต้น

เด้งสามนายตำรวจเซ่นพิษหวย ส่วนใครเป็นเจ้าของ รอลุ้นวันที่ 28 ก.พ.

ในที่สุด เมื่อวันที่ 21 ก.พ. พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดกาญจนบุรี ก็ต้องเก็บข้าวของลุกจากเก้าอี้ หลังจากมีคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.)

สาเหตุที่ทำให้ถูกสั่งย้าย เนื่องจากการสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องในคดีหวย 30 ล้านบาท ให้การพาดพิงถึง พล.ต.ต.สุทธิว่า เป็นผู้สั่งการให้เปลี่ยนแปลงคำให้การของครูปรีชา น.ส.รัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น และ น.ส.พัชริดา พรมตา หรือเจ๊พัช โดยเป็นการสั่งการด้วยวาจาและใช้คำพูดซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งด้วยการเพิ่มข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ได้มาภายหลังลงไปในคำให้การเดิมและลงวันที่ย้อนหลังเพื่อให้เห็นว่า มีการกล่าวถึงข้อเท็จจริงนั้นในการสอบปากคำครั้งแรก คำให้การจะได้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ พฤติกรรมของ พล.ต.ต.สุทธิจึงเข้าข่ายใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่สุจริตและเป็นธรรม และมีอคติเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ต่อมา วันที่ 23 ก.พ. ก็มีหนังสือคำสั่งจาก สภ.เมืองกาญจนบุรี ให้ พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค รองผู้กำกับการฝ่ายสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เข้ามาปฏิบัติราชการที่กองบังคับการปราบปราม และให้ขาดจากตำแหน่งเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. โดย พ.ต.ท.ชูวิทย์เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหวย 30 ล้าน ในชุดทำคดีของ สภ.เมืองกาญจนบุรี รวมถึงเป็นนายตำรวจหนึ่งในสี่นายที่ถูกกองบังคับการปราบปรามนำมาสอบสวนในรายละเอียดของคดี

นอกจากนี้ ในวันเดียวกันก็มีหนังสือบันทึกข้อความด่วนที่สุดให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการที่กองบังคับการปราบปรามเพิ่มอีกหนึ่งนาย คือ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ชัชรินทร์กุล รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี โดยคำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นจากกรณีที่ ร.ต.อ.จิรยุทธ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีในฐานะเป็นเจ้าของคดี เป็นคนที่รับแจ้งความจากคู่กรณีทั้งสองคน และยังมีข้อมูลการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทำสำนวนคดีของ พล.ต.ต.สุทธิและ พ.ต.ท.ชูวิทย์

ล่าสุด ช่วงเที่ยงของวันที่ 23 ก.พ. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีหวย 30 ล้านว่า ระหว่างนายปรีชา ใคร่ครวญ กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ต้องมีคนโกหกแน่นอน ส่วนจะเป็นฝ่ายใด ให้รอฟังคำแถลงจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ในวันที่ 28 ก.พ. พร้อมทั้งระบุด้วยว่าตอนนี้คดีคืบหน้าไปแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์

สำหรับผู้ที่เอียนกับข่าวนี้เต็มที คงได้แต่นึกในใจว่า “จบๆ กันไปซะที” (หรือเปล่า?)

7-11 ไม่ใช่ธนาคารแต่อาจเป็นตัวแทนธนาคาร

ก่อนหน้านี้มีข่าวแพร่สะพัดในโลกออนไลน์ว่า ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจด้านธนาคาร แต่หลังจากนั้นทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  ก็ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว โดยยืนยันว่าปัจจุบันไม่มีนโยบายให้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่

ทั้งนี้เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ทางด้านนายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท. แถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (19 ก.พ.) ว่าทาง ธปท. ได้ปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่างๆ ให้ทันสมัยเพื่อให้ธนาคารพาณิชย์สามารถบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอนนี้รอประกาศลงราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะเริ่มใช้ภายในเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป

สาระสาคัญของกฎเกณฑ์ฉบับใหม่จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวแก่ธนาคารพาณิชย์ในการปรับเปลี่ยนรูปแบบและช่องทางให้บริการ โดยเฉพาะการแต่งต้ังตัวแทนของธนาคารพาณิชย์ (Banking Agent) ซึ่งเดิมที ธนาคารพาณิชย์สามารถแต่งตั้งตัวแทน ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์อื่น สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และไปรษณีย์ เท่านั้น แต่หลังจากนี้ไปจะครอบคลุมนิติบุคคล และบุคคลธรรมดาที่มีความเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์จำนวนหนึ่งได้ขออนุญาต ธปท. เพื่อแต่งตั้งนิติบุคคลเป็นตัวแทนฯ เป็นกรณีพิเศษ โดยทำหน้าที่รับชำระบิลเป็นหลัก ซึ่งรวมถึง เคาน์เตอร์ เซอร์วิส (บริษัทลูกของ เซเว่น-อีเลฟเว่น) บิ๊กซี เทสโก้โลตัส และร้านสะดวกซื้ออื่น ๆ

นั่นก็เท่ากับว่า 7-11 ไม่ใช่ธนาคาร แต่เป็น Banking Agent ซึ่งมีการอนุญาตให้เป็นตัวแทนของธนาคารมาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2552– 2553

ม็อบเทพากลับบ้าน หลัง รมว.พลังงานเซ็นต์ MOU ถอน EHIA

หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาจำนวนนับร้อยคนปักหลักชุมนุมหน้าสำนักงานสหประชาชาติ ถ.ราชดำเนิน ตั้งแต่วันนี้ 12 ก.พ. 2561 รวมเป็นเวลากว่าแปดวัน โดยงดอาหารเพื่อแสดงลัญลักษณ์อารยะขัดขืนเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จังหวัดสงขลา

ทั้งนี้เมื่อวันอังคาร (20 ก.พ.) เวลา 09.00 น. ายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เดินทางมาเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมราวหนึ่งชั่วโมง จากนั้น ได้เชิญแกนนำและตัวแทนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กระทรวงพลังงาน ร่วมกันพูดคุยในรถตู้ประมาณ 15 นาที ถึงบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU)

สำหรับบันทึกข้อตกลงมีอยู่สี่ประการ ประกอบด้วย

  1. ให้ กฟผ.ถอนรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ของโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาและโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ออกจากสำนักงานนโยบายและแผนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ภายในสามวัน นับตั้งแต่วันลงนาม
  2. ให้กระทรวงพลังงานจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ (SEA) เพื่อศึกษาว่าพื้นที่จังหวัดกระบี่และอำเภอเทพาจังหวัดสงขลามีความเหมาะสมในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือไม่ โดยดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเวลาเก้าเดือน และมีนักวิชาการที่เป็นกลาง และเป็นที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย หากผลออกมาว่าพื้นที่ไม่เหมาะสมทำโรงไฟฟ้าถ่านหิน กฟผ.จะต้องยุติสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งสองพื้นที่
  3. หากผลรายงานออกมาว่าเหมาะสมต่อการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในขั้นตอนการทำ EHIA จะต้องจัดทำโดยคนกลางที่ยอมรับร่วมกัน
  4. ให้คดีระหว่างเครือข่ายผู้ชุมนุมกับ กฟผ.เลิกแล้วต่อกัน

ภายหลังจากทำข้อตกลงร่วมกัน กลุ่มผู้ชุมนุมก็ประกาศแยกย้ายเดินทางกลับภูมิลำเนา และหลังจากนี้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะกลับไปเตรียมข้อมูลสำหรับทำรายงานประเมินผลกระทบในเชิงยุทธศาสตร์ต่อไป

ลุ้นตัวโก่ง กฎหมาย ส.ส. และ ส.ว. จะรอดหรือจะคว่ำ

ก็มีมุมที่น่าคล้อยตาม เมื่อหัวหน้าคสชสอนเด็กและเยาวชนว่า การเลือกตั้งก็เหมือนการเลือกกล้วย ที่ถ้าเปลือกยังเขียวก็ยังไม่สุก ส่วนถ้าเปลือกดำแล้วก็แปลว่าไม่ดี คุณสมบัติไม่ครบ เพราะถ้าไปเปรียบกับแอปเปิลซึ่งไม่ใช่ผลไม้ประจำถิ่น เด็กบางคนยังไม่เคยเห็นต้นแอปเปิ้ล ก็คงไม่อาจแยกแยะจากสีของเปลือกได้

น่าสนใจเช่นกันว่า เยาวชนรุ่นนี้ ยังไม่เคยมีประสบการณ์การเลือกตั้งเลย เหนือกว่านั้นคือ แม้กับคนที่เคยผ่านสนามเลือกตั้งมาแล้ว กลไกการเลือกตั้งครั้งนี้ก็ดูจะมีกระบวนการขั้นตอนที่แตกต่างไปจากที่เคยมีมา

เวลานี้ คณะกรรมาธิการร่วมสามฝ่าย สนช. กรธ. และ กกต. กำลังพิจารณากฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ว.โดยจะลงมติวันที่ 8 มี.ค. หากได้รับเสียงไม่เห็นชอบจำนวนสองในสาม ก็มีผลให้คว่ำร่างกฎหมายลูกทั้งสองฉบับไป

สัปดาห์นี้ กมธ.ร่วมฯ กำลังหารือกันหลายประเด็น เช่น กรธ.ร่วมฯ เห็นว่าไม่ควรให้จัดแสดงมหรสพระหว่างหาเสียง การเปลี่ยนเวลาเปิดและปิดหีบเลือกตั้ง การเสนอให้ยกเลิกการตัดสิทธิคนที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ในการได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมืองและเป็นผู้บริหารท้องถิ่น และข้อโต้แย้งที่ว่าจะจัดแบ่งกลุ่ม ส.ว.จาก 20 กลุ่มให้เหลือ 10 กลุ่ม ฯลฯ

นอกจากสาระของกฎหมายว่าจะถูกแก้ไขไปอย่างไร สิ่งที่สังคมกำลังจับตาคือ กมธ.ร่วมสามฝ่ายและ สนช. จะหาข้อตกลงร่วมกันได้หรือไม่ เพราะหากตกลงกันไม่ได้ โรดแมปการเลือกตั้งก็ย่อมต้องถูกเลื่อนเวลาออกไปอีก

ประท้วงไล่ ผอ. เซนต์คาเบรียล เหตุบริหารงานไม่โปร่งใส

นักเรียน ผู้ปกครอง และครูอาจารย์นับร้อยคน นัดรวมตัวกันบริเวณหน้าตึกอำนวยการของโรงเรียนเซนต์คาเบรียลเมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา (19 ก.พ.) เพื่อเรียกร้องให้นายวินัย วิริยวิทยาวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการบริหารที่ไม่โปร่งใส

บรรยากาศการประท้วงมีการตะโกนว่า ‘วินัยออกไป’ ส่วนผู้ปกครองและครูอาจารยก็นัดกันแต่งชุดดำ และชูป้ายกดดันให้นายวินัยออกมาชี้แจงในหลายประเด็น จนเจ้าหน้าที่ต้องออกมาไกล่เกลี่ยและยืนยันว่านายวินัยจะออกมาชี้แจ้งอย่างแน่นอน

แถลงการณ์ของนักเรียน ผู้ปกครอง และครูอาจารย์ เรียกร้องให้นายวินัย วิริยวิทยาวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเซนต์คาเบรียลลาออก เพราะตลอดห้าปีของการบริหารงาน ได้พบปัญหาและข้อสงสัยมากมาย เช่น คุณภาพการศึกษาที่แย่ลง เมื่อวัดจากคะแนนโอเน็ตของนักเรียนในปี 2559 ที่อันดับของโรงเรียนตกลงอยู่ที่ลำดับ 59 สวนทางกับค่าเทอมที่แพงขึ้น อาหารกลางวันที่ไร้คุณภาพเป็นเพียงต้มจืดหมูกับข้าวเปล่า การแต่งตั้งบุคลากรที่ไม่มีคุณวุฒิตามมาตรฐานเข้ามาดำรงตำแหน่ง

รวมทั้งการใช้งบประมาณโรงเรียนจัดเลี้ยงตรุษจีนและฉลองงานวันคล้ายวันเกิดให้กับตัวเอง และมีการนำเงินโรงเรียน 70 ล้านบาทไปลงทุนในนามส่วนบุคคล การเบิกเงินไม่ดำเนินการตามขั้นตอนสำหรับค่าใช้จ่ายงานเลี้ยงปี 2017 ที่มียอด 2.6 ล้านบาท โดยไม่มีใบเสร็จค่าใช้จ่าย เป็นต้น

ต่อมา นายวินัย วิริยวิทยาวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ก็ออกมาชี้แจงและพูดคุยกับกลุ่มผู้ประท้วง โดยยินยอมที่จะทำตามข้อตกลงสองข้อ ได้แก่ 1. ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อร้องเรียนการบริหารงานไม่โปร่งใสและขาดหลักธรรมาภิบาล และการตั้งที่ปรึกษาพิเศษผู้อำนวยการผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ และ 2. ยุติบทบาทผู้อำนวยการโรงเรียนชั่วคราวเพื่อเปิดทางให้ตรวจสอบ โดยจะทำหนังสือถึงคณะภราดาแห่งมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทยในวันนี้ เพื่อให้ส่งคนอื่นมาทำหน้าที่แทน

นายกฯ แต่งกลอนอ้อนขาย ‘ไทยนิยม’ ประชาชนซื้อไม่ซื้อ?

หลังจากเพิ่งแต่งเพลงไปเมื่ออาทิตย์ก่อนหน้า สัปดาห์นี้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา กลับมาพร้อมความเจ้าบทเจ้ากลอน กับผลงานกลอนแปดที่บรรยายนโยบาย ‘ไทยนิยม’ พร้อมออกตัวว่าสัมผัสอาจไม่ครบถ้วนทั้งหมด แต่เน้นไปที่เนื้อหาสาระมากกว่า

ซึ่งเนื้อหาสาระที่ว่าก็หมายถึงโครงการ ‘ไทยนิยมยั่งยืน’ ที่มาในช่วงเวลาใกล้กับกระแสทวงคืนการเลือกตั้ง จากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลทหารพอดิบพอดี

นี่คือความพยายามของรัฐบาลที่จะมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจตั้งแต่ฐานราก โดยรัฐได้ดำเนินการคิกออฟโครงการไทยนิยมยั่งยืนพร้อมกันทุกตำบลทั่วประเทศ ในวันพุธที่ผ่านมา (21 ก.พ.) ด้วยการส่งทีมทั้งหมด 7,663 ทีมประกอบด้วยเจ้าหน้าที่รัฐและจิตอาสาในพื้นที่ เข้าสู่แต่ละตำบลเพื่อวิเคราะห์สภาพปัญหา ความเดือดร้อน และค้นหาความต้องการของประชาชน และข่าวจากเดลินิวส์ก็ระบุว่ามีพี่น้องประชาชนเข้าร่วมทำประชาคมในวันแรกรวมกว่าแปดแสนรายทั่วประเทศ

สำหรับค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการนี้ รมว.มหาดไทย ให้ข้อมูลว่ามีการแบ่งงบประมาณเป็นสามกลุ่มกว้างๆ ได้แก่ 1. พัฒนาเศรษฐกิจรากฐาน วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท 2. พัฒนาเชิงพื้นที่ ชุมชน การท่องเที่ยว กองทุนหมู่บ้าน วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท และ 3. การปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรกรรมวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท รวมแล้วก็แตะไปที่ยอดกว่าหนึ่งแสนล้านบาท ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้สโลแกน “เราทำดีด้วยหัวใจ”

งบประมาณดังกล่าวนับเป็นตัวเลขที่สูงลิ่วจากภาษีประชาชน และกลอนจากนายกฯ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากทำให้คนอ่านแล้วก็ขำขื่นๆ กับเงินภาษีของตัวเอง

Tags: , , , , , , , , , ,