ถามว่าเรื่องเซ็กซ์เป็นเรื่องส่วนตัวหรือสาธารณะ ถามตอนนี้ก็คงตอบยาก แต่สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบสัปดาห์นี้ก็คงบอกได้แค่ว่า เรื่องเซ็กซ์เป็นเรื่องการเมืองแน่นอน ทั้งจากปฏิกิริยาที่คนมีต่อข่าวครึกโครมที่สวนลุมพินี จนถึงเรื่องกฎกระทรวงศึกษาธิการที่ออกมาครอบงำเยาวชนนักศึกษาไทย อีกเรื่องที่ดึงดูดใจให้เพลิดเพลินไม่แพ้กัน ก็คือเรื่องราวชีวิตของสองคนดังต่างวงการ คนหนึ่งคือศิลปินขวัญใจมหาชนพี่เสกโลโซ อีกคนคือไฮโซสาวงามเจ้าของแบรนด์หรู VATANIKA  

อีกเรื่องที่ดูเหมือนจะไกลตัว แต่ก็มีอะไรให้ห่วงอย่างห่างๆ คือค่าเงินตุรกีที่ผันตัวอ่อนค่ารุนแรงจนเกรงจะกระทบทั่วโลก แต่ไม่ว่าโลกออนไลน์และโลกสากลจะเปลี่ยนไปแค่ไหน การเมืองไทยเราก็ยังมั่นคงเวียนวนอยู่ทีเดิม เมื่อชาวไทยได้แต่คอยระแวงเรื่องเดิมๆ ว่า นักการเมืองจะผิดสัญญาอีกครั้งหรือเปล่า

 

เซ็กซ์ในสวน ชวนกลุ้ม

ทำเอาหลายคนอยากไปเปิดหูเปิดตากันที่สวนลุมพินี หรือไม่ก็หนีไปออกกำลังกายกันที่อื่น เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา มีผู้โพสต์ในทวิตเตอร์ว่าพบเห็นการจับกลุ่มมีเซ็กซ์ในมุมลับตาคน จนเป็นข่าวครึกโครม ร้อนถึง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าการกรุงเทพมหานครต้องออกมาปรามชาวเน็ตว่าอย่าออกมาให้ข่าวที่ไม่เป็นจริง และหากมีคนนำเจ้าหน้าที่ไปพบกลุ่มมีเซ็กซ์ในสวนลุมฯ จริง รับไปเลย 1 แสนบาท

นั่นคือมุมมองของผู้ว่าฯ แต่สำหรับรปภ.ที่ประจำอยู่ในสวนยอมรับว่า มีการเข้ามาทำกิจกรรมทางเพศในพื้นที่นี้บ่อยครั้ง ฝ่ายสำนักสิ่งแวดล้อมก็เร่งดำเนินการกวดขันดูแลสวนสาธารณะทั่วกรุงเทพฯ เพื่อไม่ให้กลายเป็นสวนหฤหรรษ์ไปเสียหมด (นึกถึงใจอาม่าไทเก๊กกับแกงค์วิ่งเปลี่ยนชีวิตด้วยค่ะ)

ถ้าจะบอกว่าการมีเพศสัมพันธ์ในพื้นที่สาธารณะเป็นเรื่องผิดมหันต์ ก็คงพูดยาก เมื่อมันเป็นเรื่องของรสนิยม  และการมีเพศสัมพันธ์นอกสถานที่หรือพฤติกรรมชอบโชว์เป็นครั้งคราว (exhibitionism) ไม่ใช่ภาวะกามวิปริต (paraphillia) มีการสำรวจในแคนาดาพบว่าผู้ใหญ่กว่า 1,500 คนยอมรับว่า สถานที่นั้นสำคัญสำหรับการมีเซ็กซ์ กว่า 80% ของผู้ถูกสำรวจก็ยอมรับว่าอยากลองมีเซ็กซ์ในพื้นที่สาธารณะ และหากมองไปที่เว็บโป๊ทั้งหลาย หมวดหมู่ outdoor ก็เป็นที่นิยมอยู่ไม่น้อยทีเดียว ไม่ว่าจะตั้งใจเซ็ตฉากหรือการแอบถ่ายที่หลายคนกลัว

ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่า มีผู้ที่ไม่ได้นิยมชมชอบเซ็กซ์นอกสถานที่ ไม่ได้พร้อมจะพบเห็นการมีเซ็กซ์โดยไม่คาดฝัน และที่แน่ๆ มันผิดกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 388 กล่าวว่า ผู้ใดกระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ต้องถูกปรับไม่เกิน 5,000 บาท กรณีที่มีการนัดเจอผ่านนายหน้าที่มีการเก็บเงิน จะเข้าข่ายค้ามนุษย์ในทันที ไม่ใช่แค่ในประเทศเน้นศีลธรรมอย่างเมืองไทย อีกหลายประเทศทั่วโลกที่เสรีกว่าเราก็เป็นเช่นนี้

ขณะที่บางประเทศ ซึ่งมีจำนวนน้อยนิด การมีเซ็กซ์ในสวนสาธารณะนั้นไม่ผิดกฎหมาย เพียงแต่มีกฎเล็กๆ น้อยๆ ให้ทำตาม เช่นที่สวนวอนเดล (Vondel Park) ในกรุงอัมสเตอร์ดัม อนุญาตให้คนมีเซ็กซ์กันได้หลังฟ้ามืด และต้องแน่ใจว่าจะไม่มีเด็กๆ อยู่ในบริเวณนั้น หรือที่สวนสาธารณะในกรุงโคเปนเฮเกน มีติดป้ายไว้ชัดเจนว่าคุณสามารถมีเซ็กซ์ในสวนได้ในยามที่ไม่มีเด็กในบริเวณนั้น โปรดหลีกเลี่ยงเซ็กซ์ในพื้นที่โล่งแจ้งหรือการส่งเสียงดังเกินเหตุตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 พร้อมแนะนำให้ทุกคนเก็บเศษเหลือต่างๆ ให้เรียบร้อยและมุ่งมั่นใน safe sex ลงท้ายประกาศว่า enjoy

ข่าวล่าสุดจากรัสเซีย ที่สวนสาธารณะเปิดใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงมอสโคว ก็พบว่ามีคู่รักจำนวนไม่น้อยที่ไปมีเซ็กซ์กันที่นั่น ส่งผลให้สถาปนิกผู้ดูแลงานออกแบบสวนอดไม่ได้ที่จะภาคภูมิ ที่งานของเขาสร้างสุนทรียะทางอารมณ์และกลายเป็นพื้นที่แห่งเสรีภาพ

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นมุมมองทางศีลธรรมของรัฐ ที่ส่งผลไปยังการออกตัวบทกฎหมาย ยังมีน้อยประเทศนักที่ยอมรับเรื่องเซ็กซ์ที่ยังถูกมองว่าขัดต่อศีลธรรม และเมื่อพูดถึงกฎ-ข้อบังคับเกี่ยวกับเซ็กซ์แล้ว ก็ต้องขอพูดถึงกฎกระทรวงศึกษาธิการ ที่เพิ่งปรับเปลี่ยนไปหมาดๆ โดยห้ามการแสดงพฤติกรรมชู้สาวซึ่งไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นการห้ามแบบไม่จำกัดสถานที่ นั่นหมายถึง ในหอพักหรือห้องอันมิดชิดก็ไม่เว้น… ในกฎชุดเดียวกันนี้ยังห้ามการรวมกลุ่ม มั่วสุม อันน่าจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือขัดต่อศีลธรรมอันดี ไม่ว่าจะเป็นการจับกลุ่มเสพของมึนเมา เล่นการพนัน หรือกระทั่ง การหารือทางการเมืองใดๆ ที่ได้ถูกผลักให้ไปอยู่กลุ่มเดียวกับ ‘เรื่องทำนองนั้น’ ไปเรียบร้อย

 

เสก โลโซ ไลฟ์สดทุกวันเพื่ออะไร เป็นอาการคนป่วยหรือแค่เสพติดโซเชียล?

ปกติพี่เสก โลโซ มักจะไลฟ์สดผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ Sek Loso อยู่เป็นระยะอยู่แล้ว แต่ในช่วงหลังดูเหมือนว่าพี่เสกจะไม่มีอะไรทำ หรืออยากจะทำตัวเป็นเน็ตไอดอลให้คนติดตามก็ไม่ทราบ ดันไลฟ์สดถี่ๆ ติดต่อกันเป็นชั่วโมงวันละหลายเวลา และทำติดต่อกันมา 3-4 วัน แถมประเด็นไลฟ์สดก็รุนแรง มีการพาดพิงบุคคลที่สามอีกหลายคน

การไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กของเสก โลโซ เริ่มถี่มากขึ้นตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคม และติดต่อกันทุกวันหลายรอบในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา โดยจะไลฟ์สดพูดคุยเรื่องส่วนตัว ชีวิตประจำวัน ร้องเพลง เล่นดนตรี ทำกับข้าว ไปจนถึงวิพากษ์วิจารณ์การเมืองอย่างเผ็ดร้อน พาดพิงถึงทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพานทองแท้ ชินวัตร และโทรหาเจ้าของค่ายเพลงหนึ่ง ที่เจ้าตัวบอกว่าปลายสายคือ อากู๋ – ไพบูลย์ เจ้าของค่ายเพลงแกรมมี่

การไลฟ์สดของเสก โลโซสร้างความกังวลใจให้กับคนรอบข้าง เช่น นะ โลโซ อดีตลูกน้องคนสนิท ก็โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กด้วยความเป็นห่วงว่า อยากให้พี่เสกหยุดเล่นโซเชียลมีเดียและพาดพิงบุคคลอื่น เพราะเกรงจะเสี่ยงต่อคุก พร้อมเปิดเผยว่า ปกติพี่เสกต้องรับยาจากโรงพยาบาลจิตเวชแห่งหนึ่ง แต่ตอนนี้ไม่ยอมไปหาหมอ และมีอารมณ์รุนแรงขึ้น

ด้าน หงส์-ทยุตา ศุขพิมาย น้องสาวของเสก ให้สัมภาษณ์กับรายการทุบโต๊ะข่าวทางอัมรินทร์ทีวี ถึงพฤติกรรมของเสก โลโซที่เหมือนคนป่วย แต่เจ้าตัวก็ขอไม่ออกความเห็นว่าจริงเท็จแค่ไหน เป็นไปได้ว่าพี่ชายเสพติดการไลฟ์เฟซบุ๊กก็เป็นได้

ขณะที่ดีเจ เคนโด้-เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร ออกมาเขียนเฟซบุ๊กส่วนตัวบอกว่า พฤติกรรมของเสก โลโซ คือโรคไบโพลาร์ และห่วงว่าจะมีโอกาสฆ่าตัวตายในอนาคต ซึ่งดีเจเคนโด้เคยเป็นผู้ป่วยไบโพลาร์และรักษาหายแล้วในปัจจุบัน สอดคล้องกับความเห็นของกานต์ วิภากร อดีตภรรยาเสก โลโซ ที่ออกมา บอกว่านี่ไม่ใช่ตัวตนของเสก แต่เขาป่วยเป็นโรคทางจิต จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา

ขณะที่เสก โลโซ ออกมาตอบโต้ผ่านการไลฟ์สด พร้อมเปิดใจกับสื่อมวลชนถึงสาเหตุที่ไลฟ์สดทุกวันตลอดเวลาเพราะอยากให้คนเห็นชีวิตประจำวัน และดูเหมือนจะนอนน้อยแต่ก็ยังได้นอน แถมยังโชว์หลักฐานการตรวจฉี่เพื่อยืนยันว่าไม่ได้ใช้ยาเสพติดแต่อย่างใด

ถึงตอนนี้ยังไม่ชัดว่า พฤติกรรมไลฟ์สดนานๆ ของพี่เสก โลโซ เป็นเพราะเจ้าตัวมีอาการป่วย หรือก็แค่ติดโซเชียลมีเดียกันแน่

 

ค่าเงินตุรกีดิ่ง กาตาร์เข้าช่วยกู้สถานการณ์

เมื่อวันศุกร์ที่ 10 ส.ค. หลายคนคงเห็นข่าวในหน้าเศรษฐกิจว่าค่าเงินลีราของตุรกีอ่อนตัวอย่างหนัก และทรุดลงมาถึง 36% ในรอบ 6 สัปดาห์ล่าสุด หนักที่สุดหลังจากเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในช่วงปี 2008-2009

เดิมทีดูเหมือนอาการตุรกีเองก็ไม่ค่อยดีเท่าไร จากเดิมที่เป็นประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ มีการกู้ยืมเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐจากสถาบันการเงินต่างชาติ (โดยเฉพาะบรรดาธนาคารในยุโรป) จำนวนมาก มาลงทุนสาธารณูปโภคในประเทศตัวเอง แต่เพราะราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ทำให้ตัวตุรกีเองเปราะบางอยู่เป็นทุนเดิม

แต่เรื่องนี้เป็นข่าวโครมครามสั่นคลอนใจของนักลงทุนทั่วโลก เพราะว่าจู่ๆ สหรัฐฯ นำโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่มอัตราภาษีเหล็กและอลูมิเนียมนำเข้าจากตุรกีเป็นเท่าตัว กลายเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ และ 20 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ เพราะปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง

แล้วตุรกี-สหรัฐฯ ทะเลาะอะไรกัน บีบีซีสรุปประเด็นมาว่า

  1. ตุรกีไม่ยอมปล่อยตัวแอนดริว บรุนสัน บาทหลวงชาวอเมริกัน ที่ถูกคุมตัวมาสองปีแล้ว เนื่องจากตุรกีมองว่าเขามีส่วนร่วมกับ ‘กลุ่มเคลื่อนไหวกูเลน’ ที่ทางการกล่าวหาว่าพยายามก่อรัฐประหารเมื่อสองปีก่อน

  2. ส่วนผู้นำตุรกีเองก็ไม่พอใจที่สหรัฐฯ ทำเฉย ไม่ประณามกลุ่มกูเลน และไม่ยอมส่งตัวเฟตุลลาห์ กูเลน (ผู้ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร) กลับมาจากสหรัฐฯ ด้วย

  3. นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ประเทศตุรกีเองสู้รบอยู่กับนักรบชาวเคิร์ด ขณะที่สหรัฐฯ กลับสนับสนุนกลุ่มกบฏชาวเคิร์ดให้สู้กับกลุ่มไอเอสทางตอนเหนือของซีเรีย

  4. ประธานาธิบดีแอร์โดอันของตุรกีเริ่มมีท่าทีใกล้ชิดกับรัสเซียมากขึ้น สร้างความกระอักกระอ่วนให้กับนาโต (องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ) ซึ่งตุรกีเป็นสมาชิกอยู่ เพราะรัสเซียถือเป็นภัยคุกคามอันดับ 1 ของนาโต

  5. นาโตใช้ฐานทัพอากาศอินเคอร์ลิกในตุรกีเป็นที่มั่นในการสู้รบกับไอเอส ขณะที่ประธานาธิบดีถูกกดดันจากในประเทศให้สั่งปิดฐานทัพอากาศแห่งนี้

อย่างไรก็ตาม การขึ้นภาษีจากฟากสหรัฐฯ เพื่อโต้ตอบทางการเมือง เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้ค่าเงินปรับตัวลง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบอกว่าสร้างความกังวลว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นในประเทศ

และก็เป็นปกติที่ว่า นักลงทุนกลัวว่าบริษัทหลายแห่งของตุรกีที่กู้ยืมเงินไปเยอะในช่วงที่อสังหาริมทรัพย์เฟื่องฟู อาจจะจ่ายคืนในสกุลดอลลาร์และยูโรไม่ไหว เพราะตัวเลขหนี้เพิ่มสูงขึ้นสวนทางกับค่าเงินลีราที่อ่อนลง ทำให้ยิ่งใช้หนี้ได้ยากขึ้นอีก จึงพากันเทขายสินทรัพย์เสี่ยงออกไป ในขณะที่ตุรกีก็ไม่อยากหาทางออกโดยการควบคุมเงินไหลเข้าออกประเทศหรือกู้เงินจากไอเอ็มเอฟ

ที่กลัวๆ กันก่อนหน้านี้ก็คือ บรรดาเจ้าหนี้ที่เป็นธนาคารในยุโรปหลายๆ แห่ง เช่นในฝรั่งเศส อิตาลี หรือสเปน จะอ่วมหนัก เพราะถ้าตุรกีคืนเงินไม่ได้ ก็จะเกิดปัญหาหนี้ที่รุนแรง นั่นทำให้ราคาหุ้นธนาคารบางแห่งในยุโรปตก แล้วในอนาคตอาจส่งผลกระทบเป็นโดมิโน (บางคนเตรียมตั้งชื่อไว้แล้วว่าวิกฤติเคบับ ล้อกับวิกฤตต้มยำกุ้ง) แต่ในประเทศไทย ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. บอกว่า เราจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรนัก เพราะความเชื่อมโยงไทย-ตุรกีในด้านการค้าและการลงทุนยังไม่สูงมาก

แต่ดูเหมือนว่าข่าวดีจะเข้ามาเร็วกว่าที่คิด เมื่อประเทศกาตาร์ประกาศลงทุนในตุรกี 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากที่ประธานาธิบดีแอร์โดอันเข้าพบเจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ ช่วยให้ค่าเงินลีราแข็งค่าขึ้นทันที ซึ่งเม็ดเงินจำนวนนี้จะลงทุนในสถาบันการเงินต่างๆ ในตุรกี สร้างความมั่นใจให้นักลงทุน และดูเหมือนการประกาศนี้จะเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ

 

สนช.ม้วนตัวกลับ เปลี่ยนใจหลังถูกประณาม ส่อพิรุธเลื่อนเลือกตั้ง

ไม่ถึงหนึ่งปีที่เริ่มใช้กฎหมาย ท่านสมาชิกสภาฯ ผู้ทรงเกียรติก็เกิดดำริจะแก้กฎหมายที่ตัวเองเพิ่งทำคลอดมาหมาดๆ อีกแล้ว ต้นเรื่องนี้มาจาก ‘มหรรณพ เดชวิทักษ์’ สมาชิก สนช. ที่ร่วมกับ สนช.อีก 36 คน เสนอให้แก้ไขกฎหมาย กกต. (พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง) ซึ่งสภา สนช. ชุดเดียวกันนี้เพิ่งผ่านกฎหมายไปเมื่อกันยายนปีที่แล้วนี้เอง

พอมาแบบนี้ คนก็พานสงสัย ว่ามามุกนี้ สงสัยจะประวิงเวลาเพื่อเลื่อนเลือกตั้งและขยับโรดแมปการออกจากตำแหน่งของทหารออกไปอีก เพราะถ้าต้องแก้ไขกฎหมายจริง งานนี้คงใช้เวลาอีกหลายเดือนเลยทีเดียว

แล้วทำไม สนช.กว่า 36 คนจึงเกิดนึกจะมาแก้ไขกฎหมายเอาป่านนี้ ปมของเรื่องพุ่งไปที่ตำแหน่ง ‘ผู้ตรวจการการเลือกตั้ง’ ซึ่งมีหน้าที่สอดส่ายสายตาให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งตอนนี้ กกต.ชุดรักษาการ สรรหามาได้แล้ว 616 คน แต่กลุ่ม สนช. ของนายมหรรณพมองว่า ปัจจุบัน รายชื่อ กกต. ชุดใหม่ก็ออกมาแล้ว รอเพียงเวลาให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น แล้วทำไม กกต. ชุดเดิมจึงต้องรีบร้อน สรรหาว่าที่ผู้ตรวจการฯ ด้วย กลุ่มของ สนช. มหรรณพ จึงเสนอให้มีการตั้ง ‘คณะกรรมการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้ง’ และกำหนดกระบวนที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกผู้ตรวจการฯ

ข้อเสนอแก้ไขกฎหมายนี้ ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของสภา เพื่อเปิดช่องทางให้คนแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 77 กำหนดไว้ ในสามวันแรก มีแต่คนกดเข้ามาแสดงความเห็นนับพันครั้ง เป็นความเห็นด้วยล้วนๆ โดยไม่มีความเห็นอื่นเจือปน กระทั่งเป็นข่าวขึ้นมาถึงปรากฏว่ามีความเห็นโต้ จนมีคนเข้าไปกดไม่เห็นด้วยกันแบบรัวๆ นับแสนครั้ง ทำให้สถิติออกมามีคนไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ถึง 94 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. บอกว่า ความเห็นเหล่านี้เป็นเสียงจัดตั้ง เพราะมาจากที่เดียวกันทั้งหมด

อย่างไรก็ดี นี่ก็เป็นบทเรียนสำคัญว่า การรับฟังความเห็นด้วยวิธีโยนๆ ขึ้นเว็บไซต์ให้คนมาแสดงออกนั้นก็ทำกันแบบขอไปที เพราะใครคิดแบบใดก็เกณฑ์พรรคพวกให้เขามากดซ้ำๆ ได้ เพราะระบบไม่มีการคัดกรองการใส่ความเห็นซ้ำ จะรับมือการปั่นข้อมูลก็ไม่ได้

แต่ต่อให้ความเห็นออนไลน์จะมั่วทั้งเพอย่างที่เขาอ้าง แต่บรรยากาศที่วัดได้จากความเห็นในสื่อออนไลน์ก็ดูจะไม่เอาด้วย เกิดเสียงติงอย่างหนัก เพราะหวั่นว่าจะต้องใช้เวลานานและกระทบโรดแมปแน่นอน สนช. ที่เสนอแก้ไขกฎหมายจึงยอมถอย โดยให้เหตุผลว่า เมื่อวันพุธ (15 สิงหาคม) เพิ่งมีการโปรดเกล้ากกต.ใหม่ 5 คนแล้ว ก็ขอปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ กกต. ชุดใหม่ที่จะไปดำเนินการคัดเลือกและตรวจสอบผู้ตรวจการการเลือกตั้งทั้ง 616 คนเพื่อแก้ไขปัญหากันเอง

 

สาจ๋า… ดู VATANIKA รึยัง?

“สา สาจ๋า… แพรบอกแล้วให้ซิงค์อันนี้ไม่มีใครใช้ มันเป็นแบรสก์อะ ไม่งั้นเราก็ต้องมานั่งขัดทุกอาทิตย์เลย เราอยากให้มีไว้โชว์อันเดียว แล้วอันนี้แพรมีไว้ใช้” กลายเป็นประโยคไวรัลและมีมยอดฮิตไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยเอเลเมนต์ทางความบันเทิงอันเต็มเปี่ยม ใครยังไม่ได้ดูอยากแนะนำให้ลอง

หรือนี่จะเป็นหนึ่งในแผนการตลาดของแบรนด์หรูอย่าง VATANIKA ที่มีอัตลักษณ์แบรนด์ชัดเจน นั่นก็คือเป็นเหมือนตัวของดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งอย่าง แพร วทานิกา ปัมทสิงห์ ณ อยุธยา เพื่อให้คนได้รู้จักพร้อมรับรู้ความสวย รวย เก๋ และความเป็นมืออาชีพของเธอให้กระจ่างแจ้งยิ่งขึ้น

THIS IS ME VATANIKA – EPISODE 1 – THE PILOT เผยแพร่ทางยูทูบเมื่อวันศุกร์ที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา เปิดตัวด้วยประโยค “How well do you think you know me?” (สำเนียงบริติช) ในเวลาทั้งหมด 24.48 นาที เต็มไปด้วยเรื่องเหนือจินตนาการสำหรับชนชั้นกลางซึ่งดูจะเป็นกลุ่มผู้เสพส่วนใหญ่ เช่นการได้รับดอกกุหลาบนับร้อยเป็นเรื่องปกติ หรือการเก็บเงินในตู้เก็บไวน์อันเป็นนิสัยเก่าแก่ตั้งแต่สมัยเรียนที่อังกฤษ หรือการลองปลอมตัวไปเช็กตลาดของก็อป ที่แบรนด์ VATANIKA อยู่ในฐานะเหยื่อผู้เหนือกว่า

สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการถูกนำไปเปรียบเทียบกับเรียลลิตี้โชว์ชื่อดังจากฝั่งอเมริกาอย่าง Keeping Up With the Kardashians ที่มียอดวิวมหาศาลพอๆ กับคอมเมนต์ด่า ได้คะแนนในเว็บไซต์ IMDB เพียง 2.8 แต่ก็ส่งให้สาวๆ ตระกูลคาร์ดาเชียนโด่งดังเป็นพลุแตกมีผู้ติดตามหลักล้านกันถ้วนหน้า ปรากฏตัวอยู่แทบทุกมุมของโซเชียลมีเดีย

เมื่อดูๆ แล้วทั้งสองรายการมีความคล้ายคลึงกันนั่นคือการขาย ‘ภาพลักษณ์ตัวตน’ ของใครสักคนอย่างเต็มเหนี่ยว ผู้คนได้มองเห็นการใช้ชีวิตแบบหลุดโลกของพวกเธอ แบบที่ลาจากโลกความจริงกันได้สักระยะทีเดียว หลายคนอาจหัวเราะในสิ่งที่ได้เสพ แต่ไม่น้อยได้ถูกดึงเข้าสู่โลกความหลงใหลในทุนนิยมไปแทบจะเต็มตัว เว็บไซต์ Independent นิยามรายการลักษณะนี้ว่าเป็น capitalist porn ที่ส่งผลให้สินค้าและไลฟ์สไตล์อันอู้ฟู่ที่ผ่านเข้ามาในรายการ กลายเป็นที่ต้องการของตลาดได้อย่างไม่น่าเชื่อ

น่าสนใจที่รายการยังมีส่วนที่ถูกโยงไปกับแนวคิดแบบ post-feminism เช่นกรณีที่คิม คาร์ดาเชียนถ่ายเซลฟี่นู้ดลงอินสตาแกรมและยังพูดบนเวทีอีกว่า “Nude selfies til I die.” ซึ่งมีสาวๆ หลายคนที่รับพลังนี้ไปกับเธอจนกลายเป็นเทรนด์อยู่พักใหญ่ VATANIKA เองก็เสนอภาพของ working woman หรือการเผยแง่มุมความรักที่ฝ่ายหญิงดูเหมือนจะเป็นผู้นำเกมด้วย

ทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้เราไม่อาจแน่ใจ ว่ามันจะสามารถชูคอขึ้นมาเทียบเท่าความโดดเด่นสวิงสวายในโลกทุนนิยมหรือไม่ และถ้าจะลองมอง Keeping Up With the Kardashians เป็นกรณีตัวอย่าง ก็น่ากลัวว่าจะไม่

ไม่ว่ารายการ (กึ่ง) เรียลลิตี้ VATANIKA จะถูกพัฒนาต่อไปในแบบไหน ที่แน่ๆ พวกเรารู้จักเธอและแบรนด์ของเธอมากขึ้นแล้ว ทั้งจากรายการหรือข่าวคราวที่ผ่านมาที่หลายคนนำไปเสิร์ช ไม่ว่าจะเรื่องการแจกแจงรายได้ต่อปี หรือกระทั่งข่าวเมาท์ดาราในปีก่อนโน้นก็ด้วย หลายคอมเมนต์ที่กระหน่ำวิพากษ์วิจารณ์ก็ได้สะท้อนอีกภาพด้านหนึ่งว่า ภายใต้ความไม่สนไม่แคร์ แต่ในความเป็นมนุษย์ของวทานิกา เธอย่อมต้องได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย และแรงกระทบเหล่านั้นก็อาจสะท้อนออกมาในอีพีต่อๆ ไป ซึ่งแน่นอนว่า น่าติดตาม

Tags: , , , , , ,