เป็นเวลาหลายปีแล้วที่มหาวิทยาลัยแพทย์ในโตเกียวได้ปรับให้คะแนนสอบเข้าของเหล่าผู้สมัครเพศหญิงลดลง เพื่อทำให้จำนวนนักศึกษาหญิงน้อยลง โดยคณะกรรมการได้ใช้วิธีการใส่ค่าสัมประสิทธิ์คงที่ (fixed coefficient) เข้าไปในผลคะแนนสอบเหล่านี้

หนังสือพิมพ์โยมิอุริ ชิมบุนรายงานว่า การค้นพบครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ทางการได้เข้าสอบสวนเหตุที่มหาวิทยาลัยแพทย์โตเกียว (Tokyo Medical University) ถูกกล่าวหาว่าช่วยเหลือให้ลูกชายของข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการเข้าเรียนได้

มหาวิทยาลัยเริ่มลดคะแนนของสอบเข้าของผู้สมัครเพศหญิงให้ต่ำลงตั้งแต่ปี 2011 หลังจากที่ผลการสอบเมื่อปี 2010 มีผู้หญิงสอบเข้าได้มากขึ้น ในปี 2010 ผู้สมัครกว่า 40% เป็นเพศหญิง คิดเป็นสองเท่าจากปีก่อนหน้า

จากนั้น มหาวิทยาลัยก็พยายามรักษาสัดส่วนของผู้หญิงที่สอบเข้าได้ในแต่ละปีให้อยู่ที่ 30% ต่อปี

“เมื่อแต่งงานและมีลูก ผู้หญิงมักจะลาออกหลังจากเรียนจบและออกจากการเป็นแพทย์” แหล่งข่าวกล่าว “มีเสียงสนับสนุนเป็นเอกฉันท์ในมหาวิทยาลัยที่แพทย์ผู้ชายทำงานอยู่ ซึ่งมักจะต้องทำงานฉุกเฉินและต้องทำงานติดต่อกันนานในแต่ละกะ”

หนังสือพิมพ์ระบุว่า คะแนนของผู้สมัครหญิงถูกหักออกไปโดยคณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งขึ้น

ในปี 2018 สัดส่วนของผู้หญิงที่สอบเข้าได้ในการสอบครั้งแรกอยู่ที่ 14.5% ของผู้สมัครเพศหญิงทั้งหมด ส่วนผู้ชายอยู่ที่ 18.9% ในการสอบครั้งที่ 2 มีผู้หญิงสอบเข้าได้ 2.9% ส่วนผู้ชายอยู่ที่ 8.8%

โดยทั่วไป ผู้หญิงชาวญี่ปุ่นมีการศึกษาสูง แต่เมื่อต้องอยู่ในประเทศที่เรียกร้องให้คนทำงานติดต่อกันยาวนาน พวกเธอจึงจำเป็นต้องออกจากงานเมื่อแต่งงาน

กรณีที่เกิดขึ้นนี้ สวนทางกับการที่ ชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรี มีนโยบาย ‘womenomics’ ที่กระตุ้นให้ผู้หญิงทำงานมากขึ้น และส่งเสริมผู้หญิงให้ได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นนโยบายที่กลับก้าวหน้าช้ามาก

 

 

ที่มา:

Tags: , , ,