เป็นมิวสิกวิดีโอที่ลือลั่นจนแตะยอด 64 ล้านวิวทางยูทูบภายในเวลาเพียง 4 วัน ด้วยการเล่าเรื่อง ‘ความรุนแรงจากปืน’ อย่างอหังการในเพลง This Is America โดย Childish Gambino หรือโดนัลด์ โกลฟเวอร์ (Donald Glover) ที่ให้ผู้ชมได้เผชิญอารมณ์ความรู้สึกอันหลากหลาย จากท่าเต้นอันบิดเบี้ยวแปลกประหลาด และความรุนแรงที่เกิดขึ้นเอาดื้อๆ ท่ามกลางความโกลาหลที่กลายเป็นฉากหลังไปจนจบเรื่อง—เราชาวต่างชาติยังสะเทือนขนาดนั้น แล้วคนอเมริกันโดยเฉพาะเชื้อสายแอฟริกันล่ะ จะขนาดไหน?

ชาวเน็ตและสื่อหลายสำนักวิเคราะห์เกี่ยวกับมิวสิกวิดีโอชิ้นนี้ โดยสำนักข่าว CBS News ได้พูดคุยกับด็อกเตอร์ทานิชา ฟอร์ด (Tanisha Ford) ผู้เชี่ยวชาญด้านแอฟริกาศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยเดเลอแวร์ ที่มองว่างานชิ้นนี้แตะต้องหลายมิติตั้งแต่ประวัติศาสตร์ทาสแอฟริกัน ลัทธิทุนนิยมสมัยใหม่ จนถึงการบังคับใช้กฎหมายในประเทศ และการเปลือยท่อนบนของแกมบิโนในโกดังสินค้าที่ว่างเปล่าอันเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะกับการ ‘อยู่อาศัย’ ก็เป็นการเปรียบเทียบถึงคนดำรุ่นหลังที่ถูกบังคับให้อยู่ในอเมริกาไปโดยปริยาย พร้อมต้องเผชิญกับปัญหาของอเมริกา (อย่างเช่นการพกอาวุธปืน) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ขณะที่มาร์ค แคมป์เบลล์ (Mark Campbell) ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมป็อปแห่งมหาวิทยาลัยไรเออร์ซัน บอกกับสำนักข่าว CBC ในโตรอนโตว่า แกมบิโนท้าทายผู้ชมว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างไรกันบ้าง กับการเสพภาพความตายหรือความเจ็บปวดของคนดำที่ปรากฏใน ‘สื่อบันเทิง’ หรือหากถามตรงๆ ก็คือ คุณเห็นคุณค่าของชีวิตคนดำมากแค่ไหน? แต่ในขณะเดียวกัน ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแกมบิโนเองกำลังหาประโยชน์ (exploit) จากภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับคนดำเพื่อเรียกยอดวิว และหากเป็นคนขาวที่ทำเอ็มวีนี้ เรื่องอาจกลายเป็นอีกแบบก็ได้

อย่างไรก็ตาม ไอบรา เอค (Ibra Ake) ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของ This Is America บอกแค่ว่าเขาต้องการทำให้ผิวดำกลายเป็นเรื่องสามัญ (normalize blackness) ส่วนแกมบิโนเผยออกมาเพียงว่ามันเกี่ยวกับเหตุการณ์กราดยิงในเมืองชิคาโก เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ปี 2017 ซึ่งตรงกับวันชาติอเมริกาด้วย นอกจากนี้แล้วเขาไม่ต้องการเล่าความคิดเบื้องหลังอะไรอีก ไม่ว่าจะเรื่องคนขี่ม้าขาวผ่านซีน หรือการวิ่งในตอนจบหรืออื่นๆ อีกมากมายที่ถูกจับโยงและตีความ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องการที่สุด ให้ผู้ชมได้ตีความจากความคิดและประสบการณ์ของตนเอง

สำหรับ This Is America นี่คือการใช้มิวสิกวิดีโอสื่อสารจุดยืนทางการเมืองที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง และหากคำถามต่อมาคือ เพลงเพลงหนึ่งจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากสักแค่ไหน คำตอบอาจเป็นอย่างที่ด็อกเตอร์ทานิชาบอกกับผู้สื่อข่าว

“เพลงเพลงเดียวอาจไม่ได้ช่วยเปลี่ยนเรื่องปืนในอเมริกาหรอก แต่มันช่วยให้เราเห็นว่าเราเป็นอย่างไร บางครั้งเราก็ต้องการกระจกแบบนี้ ที่จะบอกว่าเราน่าเกลียดกันแค่ไหนหรือเราจะไปได้ถึงขั้นไหน เพื่อให้สุดท้ายแล้ว เรารู้สึกว่าเราควรเปลี่ยนตัวเองเสียที”

 

ที่มา:

Tags: , , , ,