ทันทีที่สมาชิกทั้ง 4 แห่ง ‘The Darkest Romance’ คณะดนตรีร็อกขวัญใจคนหูเหล็ก ประกอบด้วย แม็ก-ธิติวัฒน์ รองทอง (ร้องนำ, เบส), ซีเกม-ธณัตชัย เหลือรักษ์ (กลอง), ก้อง-ก้องอุดม ใจทัศน์กุล (กีตาร์) และเต้-ปัฏฐสิทธิ์ ห้วยห้อง (กีตาร์) ปรากฏกายในมาดชุดดำสนิท บรรยากาศรอบข้างก็นิ่งสนิทชอบกล แม้จะเป็นช่วงเวลายามบ่ายที่มีผู้คนคราคร่ำก็ตาม
ฉันกล่าวทักทายก่อนจะเริ่มพูดคุยกับพวกเขา ไม่ใช่ในฐานะ ‘นักเขียน’ แต่เป็น ‘แฟนเพลง’ ที่ติดตามผลงานมาเนิ่นนาน จึงไม่น่าแปลกใจสักเท่าไรที่ฉันจะออกอาการประหม่าเล็กน้อย แน่นอนว่า ฉันเตรียมคำถามพกใส่กระเป๋ามามากมาย เช่น ความสัมพันธ์ในวงเกือบ 1 ทศวรรษ วิธีการทำเพลงได้หนักแน่นและนุ่มนวลในคราเดียวกัน และที่สำคัญคือการเปลี่ยนผ่านจากวงดนตรีอันเดอร์กราวนด์ (Underground) พันธุ์ดุ สู่วงดนตรีออนเดอะกราวนด์ (On the Ground) ภายใต้ชายคา Gene Lab
ชั่วอึดใจ แม็ก ฟรอนต์แมนของวงกล่าวขอบคุณด้วยท่าทีนอบน้อม ขณะที่สีหน้าฉาบด้วยรอยยิ้มก่อนจะเกริ่นเข้าบทสนทนาว่า ถึง The Darkest Romance จะเผชิญการเปลี่ยนแปลงนับไม่ถ้วน ทว่าใน ‘วิถี’ การทำเพลงยังแน่วแน่ มีบ้างที่ปรับลดหรือเพิ่มเติมรายละเอียดเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย
ย้อนวันวานในฐานะวงดนตรีเลือดใหม่แห่งโลกใต้ดิน
‘ความเยาว์’ บทเพลงที่บอกว่า เราต่างไร้เดียงสาด้วยกันทั้งนั้น และต้องอาศัยการเรียนรู้ตลอดไป ‘ความรู้สึกผิด’ อีกหนึ่งบทเพลงความยาว 10 นาที บอกเล่ามุมมองความเจ็บปวดจากความรู้สึกผิด ‘ความโดดเดี่ยว’ เพลงที่สื่อว่าเมื่อถึงเวลา เราจะรู้ว่าความจริงมนุษย์โดดเดี่ยวเพียงใด บทเพลงส่วนใหญ่ของ The Darkest Romance คล้ายหนังสือจิตวิทยาเล่มหนึ่ง ที่พร้อมพาทุกคนออกไปสำรวจจิตใจตัวเอง
แม็ก: เริ่มแรกเราพูดเรื่องที่มันหนัก เรื่องสงคราม เรื่องความสูญเสีย สิ่งที่เปลี่ยนไปคือการปรับดีเทลเล็กๆ น้อยๆ เช่น หันมาพูดเชิงเปรียบเทียบมากขึ้น พูดไปถึงจิตใจที่ลงลึกกว่าที่เคย เราไม่ได้มองแค่เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน อาจจะมองว่าคนคนนั้นจะรู้สึกอย่างไรได้บ้าง เราทดลองเอาบางอย่างออกแล้วก็ใส่บางอย่างเข้าไป หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนวิธีคิดในการที่จะสร้างงานในแต่ละเพลงให้มันไม่ซ้ำเดิม
อย่างไรก็ดี กว่าจะถึงจุดที่มีแฟนเพลงรู้จักเป็นวงกว้าง ย้อนกลับไปในอดีตราว 15 ปีก่อน The Darkest Romance คือวงดนตรีคลื่นลูกใหม่ฝีมือฉกาจแห่งวงการ อันเดอร์กราวนด์ ด้วยความใคร่รู้ ฉันจึงขอให้พวกเขาเล่าถึงบรรยากาศ ณ ขณะนั้น ว่าการเล่นดนตรีในพื้นที่ที่ถูกเรียกว่า ‘โลกใต้ดิน’ เป็นอย่างไร ลึกลับ น่ากลัว หรือป่าเถื่อนตามจินตนาการของคนนอกอย่างเรา จริงแท้แค่ไหน
ซีเกม: เมื่อก่อนถ้าไม่ได้เป็นวงดนตรีในสังกัดค่ายเพลง จะมีกลุ่มคล้ายคอมมูนิตี้ที่มีการทำเพลง โปรโมต และจัดงานแสดงดนตรีกันเอง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่ดนตรีในกระแสหลัก เรียกว่าอันเดอร์กราวนด์ ณ ช่วงเวลานั้น การจะเข้าถึงสื่อโซเชียลมีเดียเป็นเรื่องยาก การจัดงานดนตรีอันเดอร์กราวนด์จึงถูกโปรโมตแบบปากต่อปาก ดังนั้น คนที่เข้ามาฟังเพลงจะค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม ไม่ได้เปิดกว้างเหมือนตอนนี้
เต้: ยุคนั้นมันมีแค่นั้นจริงๆ เราทำเพลงแล้วก็ไปหาเพื่อนตามงานต่างๆ ที่ทำเพลงคล้ายๆ กัน พอเรารู้จักกับเพื่อนกลุ่มอื่นๆ ก็ชวนกันมาเล่นดนตรี มันจะมีหลายกลุ่มมาก บางทีเวลาเจอผู้ใหญ่ก็จะฝากเพลงให้เขาฟัง พี่ครับฝากวงหน่อยครับ ผมฝากเดโมไปลองฟังหน่อยครับ เพราะถ้าเขาชอบบางทีเขาก็อาจชวนไปเล่นงานดนตรีที่เขาเอาหลายวงมาเล่นบนเวทีเดียวกัน แล้วถ้าเราสามารถสร้างความนิยมให้กับแฟนเพลงได้เรื่อยๆ ก็จะมีโอกาสได้ไปบนเวทีที่ใหญ่ขึ้น เวลามีคอนเสิร์ตก็จะเอาโปสเตอร์ไปติดตามจตุจักรบ้าง ร้านเสื้อแถวนั้นบ้าง เพื่อให้คนที่เขาฟังเพลงแนวนี้รู้ว่าจะตามเราได้ที่ไหน
อันเดอร์กราวนด์ไม่ได้มีความหมายแค่ในเชิงของแนวเพลง แต่รวมถึงสังคมด้วย อันเดอร์กราวนด์ก็เหมือนกับดนตรีทั่วไปที่มีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ถ้าคุณแต่งกายผิดขนบ ใช้เครื่องดนตรีแบรนด์ที่ไม่เจ๋ง หรือคุณฟังเพลงไม่ลึกพอ ก็อาจจะไม่ถูกยอมรับในสังคมอันเดอร์กราวนด์ บางครั้งถ้าทำเพลงออกมาไม่หนัก เพลงฟังง่ายไป ก็จะถูกด่า ถูกบูลลี่ในทำนองว่า ‘ไม่เรียล ไม่ใช่ของจริง’ ซึ่งเมื่อก่อนเรื่องพวกนี้เขาจริงจังกันมาก แต่ทุกวันนี้เบาบางจนถึงขั้นไม่มีแล้ว
แม็ก: สำหรับผม ผมว่ามีสิทธิเป็นได้ทั้งในสิ่งที่เพื่อนสองคนพูดมาก่อนหน้านี้ หรืออาจจะไม่เป็นเลยก็ได้ อันเดอร์กราวนด์ค่อนข้างเฉพาะกลุ่มมากๆ ถ้าแปลตามศัพท์มันคือใต้ดิน มันคือสถานที่ที่ไม่ถูกรับแสง มันเหมือนกับถูกซุกซ่อนในพื้นที่เล็กๆ แล้วมันจะไม่อยู่เฉพาะดนตรีหนักๆ ไม่ใช่แค่วงการเพลงร็อก แนวดีเจอิเล็กทรอนิกส์มิวสิก หรือฮิปฮอปก็มี
ก้อง: อันเดอร์กราวนด์ที่เราพูดกันมีหลายแขนงมาก อย่างคำว่า ‘ไอดอล’ จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้มีแค่แบบที่เราเห็นในกระแสหลัก มันจะมีพวกที่ทำเองในหลายวง เขาก็จะถูกเรียกว่า อันเดอร์กราวนด์ไอดอลหรือแม้กระทั่งวงอื่นๆ ที่ทำเพลงเองลงทุนเอง แต่อาจจะไม่ได้ใช้คำว่าอันเดอร์กราวนด์ได้แพร่หลายมากเท่ากับพวกวงร็อกที่ผลักดันตัวตนจนเด่นสุด
จากวงดนตรีโลก Underground สู่การเฉิดฉายบนเวที On the Ground
จากวันที่ทำเพลงกันเอง โปรโมตกันเอง กระทั่งวันหนึ่งฝีมือของพวกเขาไปเตะตา ปัณฑพล ประสารราชกิจ หรือ ‘โอม-Cocktail’ จนถูกชักชวนให้ย้ายชายคาสู่ Gene Lab ค่ายเพลงร็อกน้องใหม่แกะกล่อง
เมื่อมีค่ายเพลงมาซัพพอร์ต คำว่าอันเดอร์กราวนด์ที่แปะป้ายบนชื่อ The Darkest Romance ถูกถอดออก แต่คำถามคือ ความเป็นค่ายลดทอน ‘อิสระ’ หรือ ‘ตัวตน’ ของพวกเขามากน้อยแค่ไหน ดังที่แฟนเพลงขาจรและขาประจำมักเหน็บแนมบ่อยครั้งว่า พอย้ายสู่ค่ายเพลงระดับประเทศ ก็คงไม่รอดถูกผู้บริหารชี้นิ้วสั่งให้เปลี่ยนแนวการทำเพลงไปตามความต้องการของตลาด
แม็ก: ถ้าถามว่าต่างไปจากเดิมไหม รู้สึกว่าไม่น่าต่างไปจากเดิมหรอก เพราะว่าถ้าต่างไปจากเดิม อัลบั้ม 10 นาที ใน 5 เพลง (อัลบั้ม Words) ก็น่าจะถูกปัดตกไปแล้ว (หัวเราะ) ผมรู้สึกว่า ค่ายอยากให้ศิลปินได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ที่สุดและชัดเจนที่สุด ในการสร้างงาน ศิลปินถือเป็นเจ้าของผลงาน เป็นเจ้าของจิตวิญญาณ แต่ในแง่มาร์เก็ตติ้งคือสิ่งที่ค่ายเป็นคนซัพพอร์ต
ซีเกม: ค่ายเพลงสำหรับผมเหมือน ‘ครูที่ปรึกษา’ ที่ช่วยซัพพอร์ตในสิ่งที่ขาด แต่คนทำงานยังคงเป็นเราอยู่ดี ในการพูดคุยงาน วงมีหน้าที่นำเสนอภาพในหัวให้ค่ายเห็น ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แล้วค่ายจะช่วยทำให้ภาพในหัวของวงชัดเจนขึ้น อีกส่วนเรื่องหนึ่งคือเรื่องเงินทุน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีงานดีๆ สักชิ้น ต้องใช้เงินทุน ซึ่งค่ายก็จะเข้ามาจัดการเรื่องนี้ ในตอนที่ยังทำเพลงกันเอง แล้วต้องใช้เงินตัวเอง เรื่องของการเงิน จึงมีส่วนต่อการสร้างผลงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้ามีไอเดีย แต่ไม่มีเงินทุน ก็อัดเพลงลำบาก
เมื่อได้ฟังคำตอบเช่นนั้น ฉันรู้สึกว่า นี่คือหนึ่งในความโชคดีของ The Darkest Romance ที่ค่าย Gene Lab ปรารถนาให้ศิลปินในสังกัดได้แสดงตัวตนชนิดถึง ‘แก่น’ ที่สุด โดยมีค่ายเข้ามาซัพพอร์ตในสิ่งที่พวกเขาไม่เชี่ยวชาญ เช่น เรื่องการตลาดและแผนการโปรโมตวงบนสื่อโซเชียลมีเดีย ดังนั้น ตัวตนหรือวิถีการทำเพลงของพวกเขาที่ได้เห็นและได้ฟังอยู่ทุกวันนี้ ย่อมไม่ต่างจากอดีตที่เป็นวงร็อกใต้ดินสักเท่าไรนัก
บทเพลงสะท้อนสังคมที่มาพร้อมกับความคาดหวังของผู้ฟัง
วงดนตรีเพลงร็อกมีเป็นร้อยเป็นพัน แต่ไฉนผลงานของ The Darkest Romance จึงมีเนื้อหาน่าติดตามและชวนขบคิด อย่างไรก็ตาม คำตอบที่ฉันได้กลับเรียบง่ายเสียจนน่าประหลาดใจ พวกเขาทั้ง 4 คน ตอบตรงกันว่า แนวทางของวงมักหยิบบาดแผลหลากแง่มุมจากผู้คนในสังคมขึ้นมาสำรวจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากกว่าเรื่องรักๆ ใคร่ๆ
ไม่ช้า ฟรอนต์แมน The Darkest Romance เล่าว่า เรื่องที่วงหยิบยกขึ้นมาพูดส่วนใหญ่เกิดจากความสนใจของตัวเขาเอง จึงอยากลองเล่าเรื่องในมุมที่มันต่าง เพื่อหลีกหนีสิ่งที่เคยมีอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความตั้งใจในการทำงาน
แม็ก: มันอาจจะเริ่มมาจากตรงนี้ก็ได้ ผมรู้สึกว่า เหมือนเรามองไปที่ดีเทลอะไรสักอย่าง ที่คนไม่ค่อยเลือกที่จะมองหรือไม่ค่อยเลือกที่จะพูด เราไม่ได้มองว่าเราเขียนเพลงเพื่อทำร้ายใคร แต่เรามองว่ามันมีคนที่ผิดหวังกับสิ่งที่ตัวเองเชื่อมาตลอด มีคนที่บาดเจ็บจากอะไรสักอย่างหนึ่งอยู่ทุกวัน และมีคนที่ต้องการให้รับฟังความรู้สึก จุดนี้เป็นสารตั้งต้นในเพลงต่างๆ ที่เขียนมา ทั้งในเนื้อหาที่เล่าถึงการท้าสู้ การปลุกใจตัวเองว่าเราจะรอดไปให้ได้ แม้แต่การเป็นคนที่ถูกนินทาเหมือนเทน้ำ แต่พอตะโกนความจริงก็ไม่มีใครเข้าใจอะไรแบบนี้
เต้: พูดง่ายๆ เราเป็นวงดนตรีที่บรรจุคนอายุ 30 ปี ที่ขี้เอาแต่ใจ ไม่ว่ายุคสมัยจะพาพวกเราไปจุดไหน เราก็ยังยืนยันที่จะทำแบบเดิม
เมื่อทำงานอยู่ในวงการดนตรีที่เป็นสื่อบันเทิง ฉันก็อดที่จะถามไม่ได้ ว่าในฐานะนักดนตรีคิดเห็นอย่างไรกับวลีที่ว่า ‘ดังง่าย ดับง่าย’ ชื่อเสียงเป็นสิ่งฉาบฉวย เมื่อสายธารที่เรียกว่า ‘กระแสนิยม’ ไหลเร็ว แรง และไม่มีวันหวนกลับ โดยเฉพาะงานดนตรีที่ยึดโยงกับความคาดหวังของผู้คน
ซีเกม: เราไม่ได้ทำเพื่อความดัง เราทำเพื่อตัวเอง เพื่อบำบัดตัวเอง เป้าหมายเราชัดเจนตั้งแต่แรก
แม็ก: เรามองว่า สุดท้ายแล้วเราไม่มีทางทําอะไรให้คนพอใจได้หมดทั้งโลก เพราะความคาดหวังใดๆ ของแฟนเพลงคือสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ ในอีกแง่มุมหนึ่ง เราจึงกลายเป็นเพียงผู้รับชมที่ทำอะไรไม่ได้
ก้อง: อันเดอร์กราวนด์เป็นเพลงที่ไม่ติดหู คนฟังไม่ได้มาก ไม่ใช่แหล่งทำเงินมาตั้งแต่แรก เราจึงเล่นด้วยความคิดที่ว่า อยากทำงานออกมาให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง
เต้: ความกดดันมันจะไม่ได้มาจากคนอื่น แต่มาจากตัวเองมากกว่า ว่าเราทำงานนี้ได้ดีหรือยัง เรามีความสุขกับมันจริงๆ หรือยัง
ทิศทางในอนาคตของวงการร็อกไทย ณ วันที่ ‘แสงสว่าง’ ส่องถึง ‘ใต้ดิน’
ขณะที่สายธารแห่งกระแสนิยมไหลเชี่ยว และความคาดหวังของผู้ฟังสูงเสียดฟ้า ทว่าข้อดีของยุคสมัยแห่งความรวดเร็วนี้คือ ‘การเปิดกว้าง’ หากย้อนกลับไปสัก 10 ปีที่แล้ว ในยุคที่การเข้าถึงข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตไม่แพร่หลายและช่องทางสตรีมมิงที่มีไม่มาก แนวเพลงอันเดอร์กราวนด์ยังคงถูกฝังกลบอยู่เพียงใต้ดิน แต่ในยุคนี้ที่รสนิยมการฟังเพลงของคนส่วนใหญ่เปิดกว้างมากขึ้น เพราะการเข้าถึงข้อมูลที่ครอบคลุมต่อคนทั้งโลกด้วยสมาร์ตโฟนเครื่องเดียว ทำหน้าที่เป็นค้อนปอนด์ทุบทลายกำแพงนิยามคำว่า ‘ใต้ดิน’ ลง แต่คำถามสำคัญคือ ทิศทางของเพลงร็อกไทยจะมีเส้นทางเป็นอย่างไรในอนาคต
ก้อง: ผมใช้คํานี้แล้วกันครับ ว่ามันดีขึ้นกว่าสมัยก่อนเยอะ ดีขึ้นกว่าเมื่อ 5-10 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพลงกระแสหลักหรือเพลงอันเดอร์กราวนด์ ทุกวันนี้ก็ได้รับการยอมรับมากขึ้นเพราะยุคสมัยเปลี่ยน แม้กระทั่งการทำเพลงก็สะดวกสบายขึ้น สมัยก่อนเราต้องเสียเงินเข้าห้องอัดเพลงในราคาสูงลิบลิ่ว เราถึงจะได้งานที่มีคุณภาพสักชิ้น แต่เดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีที่สามารถอัดเพลงด้วยตนเองได้ ทุกคนสามารถมีเพลงเป็นของตัวเองได้ แล้วก็ไม่จําเป็นว่าจะต้องปล่อยผ่านสถานีวิทยุหรือค่ายเพลงอย่างเดียว ทุกคนสามารถอัปผลงานผ่านยูทูบ หรือมีช่องทางที่กว้างขึ้นมากกว่าเดิม
ทุกอย่างมันมีช่วงเวลาของมัน ทุกแนวจะหมุนมาหมุนไป แต่ร็อกมันก็อยู่ของมัน ก็แค่รอวันเฉิดฉายขึ้นมา แค่ตอนนี้เหมือนว่า วิถีความเป็นร็อกกำลังเวียนกลับมาทำให้กระแสดูคึกคักขึ้น
ซีเกม: สมัยนี้คนฟังเปิดรับมากขึ้นด้วยครับ หากย้อนกลับเมื่อ 10 ปีก่อนที่ผมยังเป็นครู นักเรียนผมจะไม่รู้จักแนวเพลงที่หนักกว่าร็อกเมทัลหรือร็อกทั่วไป เพราะถ้าเขาเห็นมีเนื้อเพลงที่ความหยาบคาย มีเมโลดีเพลงหนักหน่วงเขาอาจจะปิดกั้นทันที แต่ถ้ายุคสมัยนี้ ถ้าลองเปิดเพลงเมโลดีหนักๆ ให้เขาฟัง เขาจะตาโตมากว่า เฮ้ย! มีแบบนี้ด้วย โอ้โห!
จากเพลงสู่ภาพ เอ็มวีที่ถือเป็นหนึ่งอัตลักษณ์ของ TDR
นอกเหนือจากบทเพลงที่หนักหน่วง เอ็มวีของ The Darkest Romance ก็หนักหน่วงไม่แพ้กัน เมื่อเพลงดี ภาพดี จึงทำให้เราได้ลิ้มรสงานที่มีคุณภาพมากขึ้นไปอีก เอ็มวีเน้นย้ำทำให้เห็นภาพ ดนตรีสร้างและขยายส่วนที่ภาพเล่าไม่ได้ ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ที่ลงตัวของ The Darkest Romance มาโดยตลอด
แม็ก: ผมกังวลว่า ทุกคนจะได้คำตอบที่น่าผิดหวัง เพราะพวกเราแทบไม่ได้ทำอะไรเลยกับ MV
The Darkest Romance: (หัวเราะพร้อมกันเสียงดัง)
แม็กและเพื่อนๆ ระเบิดเสียงฮา ก่อนที่เขาจะอธิบายเสริมว่า วงมีเพียงคอนเซปต์คร่าวๆ ก่อนจะนำไปคุยกับผู้กำกับ MV เพื่อตั้งโจทย์ขึ้นมา โดยทางวงให้อิสระกับผู้กำกับในการดีไซน์งานอย่างเต็มที่ เพราะเหตุผล 2 ข้อ คือ 1. วงไม่ค่อยมีความรู้ด้านวิดีโอ แต่สุดท้ายแล้วผลงานก็ออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ และ 2. เรื่องราวเหล่านั้นก็สนับสนุนบทเพลงได้เป็นอย่างดี
ก้อง: ข้อดีของการให้อิสระกับผู้กำกับในการคิด คือเราจะได้เห็นงานภาพในบางมุมเราไม่เคยนึก เคยเห็นมาก่อน เช่น เพลงความโดดเดี่ยวที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับนักแสดงละครใบ้ เป็นการถ่ายทอดความโดดเดี่ยวในลักษณะของการแสดงคนเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราทั้งสี่คนคิดไม่ถึง
ซีเกม: ทุกเพลงเราจะมีการคุยกันเองก่อน แล้วค่อยไปคุยกับค่ายว่าจริงๆ แล้ววงเห็นภาพอะไรกับเพลงๆ นี้ มันไม่ใช่แค่บรีฟคําสองคําแล้วได้เลยทันที เราจะโยนคอนเซปต์คร่าวๆ ไปให้เขาว่าเราเห็นภาพแบบนี้ แต่ไม่ได้บังคับว่าจะต้องเอาเรื่องนี้ไปทําเอ็มวีนะ
เต้: มันมีขั้นตอนที่วงจะต้องไปคุยกันเองก่อนว่าเห็นภาพอะไรแล้วไปเขียนเป็นเรื่องมา เป็นชอร์ตสตอรีว่าควรมีอะไรบ้าง แต่บางเพลงก็ต้องยอมรับว่าไม่มีเลย
ทลายกรอบความคิดเก่า เพื่อผลักดันวงการดนตรีไทยในฐานะซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลก
สนทนากันนานพอสมควร อยู่ๆ แม็กจุดประกายหัวข้อสนทนาที่น่าสนใจเกี่ยวกับการผลักดัน ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ของไทยว่า ศิลปวัฒธรรมของไทยมีเสน่ห์และน่าสนใจมาก มันควรถูกนำมาใช้มากกว่าถูกแช่แข็งไว้บนหิ้ง เราจะนำพาศิลปะอันน่าหลงใหลให้ก้าวเดินต่อไปได้อย่างไร หากมันถูกห่อหุ้มไว้ด้วยกรอบคิดหรือมายาคติที่ล้าหลัง นอกเหนือจากสิ่งที่สงวนไว้ออกมาปัดฝุ่นและปรับใช้ ก็คือการสนับสนุนพื้นที่ให้สิ่งเหล่านี้ได้โลดแล่น เพิ่มพื้นที่การแสดงงานศิลปะในแขนงต่างๆ เพื่อขัดเกลาและผลักดันทรัพยากรที่มีอยู่
แม็ก: เรารู้สึกว่ามันสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการรักษาหรือนําเสนอได้ ดนตรีโดยทั่วไปหรือแม้กระทั่งงานศิลปะแขนงอื่นๆ เรารู้สึกว่าถ้าได้รับการเปิดกว้างและมีพื้นที่แสดงให้มากขึ้น เรามีพื้นที่โชว์แกลเลอรีมากขึ้น เรามีพื้นที่เปิดแสดงดนตรีมากขึ้น มันจะบ่มเพาะให้ศิลปะงอกงาม
ซีเกม: สิ่งที่ประเทศเรายังขาดก็คือพื้นที่ให้ผู้คนหรือเยาวชนแสดงความสามารถนี่แหละ
ซิงเกิลใหม่ ‘มาก’ เพลงเสียดสีคนพูด ‘มาก’ แต่รู้ ‘น้อย’
หลายเพลงก่อนหน้านี้ของ The Darkest Romance มักบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความคิดและความรู้สึก ในรูปแบบลุ่มลึก สงบนิ่ง แต่ผลงานล่าสุดของพวกเขาอย่าง ‘มาก’ กลับจะเป็นการบอกเล่าความรู้สึกในบริบทที่ต่างออกไป และถือเป็นรสชาติใหม่ที่วงนำเสนอให้นักฟังได้ลิ้มลอง
แม็ก: เราพูดเรื่องความรู้สึกรําคาญ เวลาเราเจอคนที่รู้ไม่จริง แล้วเขาพูดมาก มันคือความรู้สึกที่ว่า “เฮ้ย แกอ่ะ รู้ไม่จริงแล้วเงียบๆ ไปบ้างเหอะ เออ โชว์อะไรขนาดนั้น เงียบไปบ้าง เงียบบ้างก็ดี ไม่ตายหรอก อือ พูดเยอะ น้ําท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง อะไรทำนองนี้
แม็กเอ่ยออกพร้อมแววตาที่เปล่งประกาย ฉันรับรู้ได้ทันว่า เขาเขียนเพลงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกของเขา ตามที่เขาได้อธิบายในช่วงต้นการสนทนาว่า บทเพลงของเขานำเสนอชีวิตในรูปแบบที่ไม่จำเป็นต้องพูดแค่เรื่องรักแสนหวานดังนิยาย
บทสนทนากับ The Darkest Romance ในระยะเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง ทำให้เรารู้ว่าต่อให้พวกเขาถูกแปะป้ายว่าเป็นวงร็อกสไตล์ดุดันหนักหน่วง แต่ขณะเดียวกันก็มีเสน่ห์และความคิดที่น่าสนใจไม่ต่างจากคนทำงานศิลปะในแขนงอื่นๆ พวกเขาตั้งมั่นในวิธีการและอุดมการณ์เพื่อผลิตผลงานเพลงร็อก นำเสนอแง่มุมความรัก ความสูญเสีย และความกล้า คล้ายหนังสือบันทึกเรื่องราว ที่ทุกตัวอักษรกล่อมเกลาเราในคราบบทเพลง
Fact Box
- The Darkest Romance เป็นวงดนตรีร็อกแนวอัลเทอร์เนทีฟเมทัล (Alternative Metal) โด่งดังมาจากการทำเพลงอันเดอร์กราวนด์ที่มีเนื้อหาเป็นการบอกเล่าความรู้สึกในแต่ละพาร์ตของมนุษย์ ก่อนจะย้ายเข้ามาทำงานในฐานะศิลปินกับค่าย Gene Lab
- แม็ก-ธิติวัฒน์ รองทอง นอกจากจะเป็นฟรอนต์แมนแล้ว ยังมีส่วนเป็นโปรดิวเซอร์เพลงให้กับศิลปินหลายคน เช่น เก่ง-ธชย และกอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่
- The Darkest Romance มีอัลบั้มแล้ว 4 ชุด คือ 1. 70,000,000-1=0 2. คู่ 3. LESSONS 4. WORDS