กึนโดไลน์ โรม ไวเรย์ โกเมซ (Guendoline Rome Viray Gomez) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ No Rome คือศิลปินชาวฟิลิปปินส์วัย 24 ปี ที่ออกเดินตามความฝันในการเป็นศิลปินที่ลอนดอน สหราชอาณาจักร เขาเริ่มต้นเส้นทางนักดนตรีบนอินเทอร์เน็ต หรือกลุ่มนักดนตรีช่างฝันที่ถูกเรียกว่า ‘SoundCloud Artist’ 

ผลงานของ No Rome ได้แรงบันดาลใจจากอัลบั้ม Loveless ของวงดนตรีแนวชูเกซ (Shoegaze) ต้นตำรับอย่าง My Bloody Valentine, Björk ไปจนถึง New Order ที่เขาได้ฟังมาตั้งแต่เด็ก กระทั่ง No Rome เริ่มสร้างแรงกระเพื่อมในกลุ่มดนตรีอินดี้อังกฤษ บวกกับการฟูมฟักโดยตรงจากวงรุ่นใหญ่อย่าง The 1975 ทำให้ No Rome ได้ไปเปิดตัวในเทศกาลดนตรีต่างๆ รวมถึงได้ร่วมงานกับศิลปินชื่อดังทั้ง Charli XCX, beabadoobee, Jay Som

ก่อนที่โรคระบาดจะทำให้ทุกอย่างต้องชะงัก ทำให้เขาต้องเดินทางกลับบ้านเกิด ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์

ที่บ้านเกิด No Rome ตัดสินใจเช่าอพาร์ตเมนต์ขนาดสองห้องนอน แปลงโฉมให้กลายเป็นโฮมสตูดิโอส่วนตัว และทุ่มเวลาทำเพลงจนกลายมาเป็นอัลบั้ม It’s All Smiles อัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกในชีวิตของเขา 

The Momentum ได้โอกาสสุดพิเศษในการพูดคุยกับ No Rome ถึงเส้นทางสายดนตรีของเขา ตั้งแต่การเป็น SoundCloud Artist การออกตามความฝันที่ลอนดอน การค้นหาตัวตนในฐานะนักดนตรี ไปจนถึงมุมมองเกี่ยวกับความเคยชินของ ‘โลกออนไลน์’ ที่นักดนตรีส่วนใหญ่กำลังพยายามทำความเข้าใจ

ภาพ: Aya Cabauatan

หลังจากที่ปล่อย EP ออกมาสองเพลงก่อนหน้านี้ อัลบั้มใหม่ของคุณต่อจากนี้จะมีความแตกต่างจากเดิมอย่างไรบ้าง

อย่างแรกคือความแตกต่างในแง่ของดนตรี ผมว่าอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ใช้เสียงกีตาร์ในการนำมากที่สุดเท่าที่ผมเคยทำเพลงมา แม้ว่าก่อนหน้านี้ผมจะเคยทำแต่ EP ตอนนี้ผมเริ่มยอมรับกีตาร์มากขึ้นแล้ว (หัวเราะ) รวมถึงเสียงต่างๆ ที่มากับมันด้วย เพราะฉะนั้น ผมแฮปปี้กับสิ่งที่ผมทำออกมา

เป้าหมายของผมคือการทำอะไรที่แตกต่างออกไปจากทุกโปรเจ็กต์ที่เคยทำมา หรือการทำอะไรบางอย่างที่ผู้คนยังไม่เคยได้ยินมาก่อน ซึ่งผมคิดว่าทำสำเร็จนะ และสนุกมากด้วย

อะไรคือแรงบันดาลใจเบื้องหลังอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของคุณ

ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงที่ผมฟังในช่วงที่ผมกำลังทำอัลบั้มนี้ รวมถึงคนสำคัญต่างๆ ที่ผมอยากจะบอกว่ามีส่วนสำคัญในการประกอบร่างอัลบั้มนี้ขึ้นมา แต่พูดตามตรง ตอนนี้มันไม่ได้มีความหมายอะไรเท่าไรแล้ว เพราะมันพัฒนามานานมากแล้ว 

ถ้าจะให้ยกตัวอย่างอัลบั้มที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมจริงๆ ก็คงเป็น Barter 6 ของ Young Thug เพราะจำได้ว่าผมฟังในช่วงที่เริ่มอัดอัลบั้มของผมแรกๆ ซึ่งมันไม่ได้มีเพลงหรืออะไรที่ให้แรงบันดาลใจผมเป็นพิเศษ เพียงแต่ว่าอัลบั้มโดยรวมของ Young Thug ให้ความรู้สึกที่ไม่สามารถหาฟังที่อื่นได้เลย 

ความจริงการถูกล็อกดาวน์และกักตัวอยู่แต่ในห้องก็เป็นแรงบันดาลใจเหมือนกัน ผมเริ่มทำอัลบั้มนี้อย่างจริงจังตอนที่มีมาตรการล็อกดาวน์กักตัวช่วงแรกๆ เป็นความรู้สึกที่ว่าทั่วทั้งโลกถูกล็อกดาวน์จนหยุดนิ่ง มันเลยกลายเป็นเหมือนแรงบันดาลใจเล็กๆ ว่าผมต้องทำอัลบั้มนี้ให้เสร็จ เพราะคงไม่มีเวลาไหนเหมาะไปกว่านี้แล้วสำหรับผม ผมอยากทำอัลบั้มนี้ให้เสร็จตั้งนานแล้ว พอไม่มีอะไรมากวนใจผมจึงมุ่งมั่นทำมันจนเสร็จสิ้นได้

คุณมีวิธีพัฒนากระบวนการสร้างสรรค์เพลงอย่างไรบ้างระหว่างช่วงกักตัว มันยากขนาดไหนที่ต้องแต่งเพลงโดยที่ไม่สามารถออกไปหาแรงบันดาลใจหรือไอเดียข้างนอกได้เลย

ยากจัง (หัวเราะ) ผมพยายามที่จะห้อมล้อมตัวเองด้วยหลายสิ่งที่สามารถกระตุ้นผมได้ หรือการกลับไปฟังเพลงเก่าๆ ที่ได้ยินตั้งแต่เด็ก ผมจำได้ว่าชอบเพลงของ SadiQ มาก เลยได้กลับไปฟังเพลงของเขาเยอะ หรือบางสิ่งที่ผมเติบโตมาพร้อมกับมัน เช่น หนังเรื่องโปรด หรือการคุยกับเพื่อนที่เคยทำเพลงด้วยกันสมัยก่อน มันก็ช่วยเป็นแรงผลักดัน รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้ผมได้ 

 

อัลบั้ม It’s All Smiles

อะไรคืออุปสรรคที่ท้าทายที่สุดในการทำอัลบั้มนี้ของคุณ

สำหรับผม การหา ‘เสียง’ ที่เหมาะสมกับอัลบั้มแรกของผมให้เจอก็ถือว่ายากพอตัวในระดับหนึ่งแล้ว 

อีกอย่างคือการที่ผมต้องตามหาตัวตนและสิ่งที่ผมต้องการในฐานะศิลปิน เพราะมันมีคำพูดในวงการดนตรีว่า อัลบั้มแรกจะเป็นเหมือนการประกาศกร้าวว่าตัวตนของศิลปินว่าคือใคร และอยากจะสื่อสารอะไรออกไป ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันคืออุปสรรคที่ยากที่สุดสำหรับผม

แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นความท้าทาย ในการค้นหาว่าที่จริงแล้วผมต้องการอะไรกันแน่ ทั้งในแง่มุมของชีวิตและศิลปิน เพราะผมสามารถที่จะปล่อยอัลบั้มนี้ออกมาได้ตั้งแต่ปี 2018 แล้ว แต่สุดท้ายมันก็เดินทางมาจนถึงตอนนี้ มีกระบวนการทำงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเขียนเพลงใหม่ การคัดว่าเพลงไหนจะอยู่หรือไม่อยู่ในอัลบั้ม ไหนจะเรื่องที่ต้องทำงานแบบทางไกล

สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องดีที่ผมมีเวลาเยอะขนาดนี้ ผมได้มีโอกาสในการ ‘ฟัง’ ดนตรีจริงๆ และมีเวลาให้มันพักหายใจ แทนที่จะเป็นการเร่งทำทุกอย่างให้เสร็จภายใน 2 เดือน

การทำงานกับ จอร์จ แดเนียล (George Daniel) จากวง The 1975 ในฐานะโปรเดิวเซอร์เพลง ช่วยขัดเกลาคุณและอัลบั้มนี้อย่างไรบ้าง

ผมเริ่มทำดนตรีกับจอร์จตั้งแต่ผมเซ็นสัญญากับ Dirty Hit โดยรวมแล้วเขาคือคนดีมากๆ คนหนึ่ง เขาโคตรเจ๋ง เราเหมือนคนที่พูดภาษาดนตรีเป็นภาษาเดียวกัน เรามีแรงบันดาลใจและหาไอเดียจากอะไรที่คล้ายกัน อารมณ์เหมือนกับเวลาที่เรานั่งอยู่ในห้องเดียวกัน นั่งโยนไอเดียกันไปมาแล้วเผอิญใจตรงกันพอดีอยู่บ่อยๆ เพราะว่าเขาจะชอบเติมอะไรบางอย่างลงไปในเพลง ซึ่งตรงใจผมพอดี การทำดนตรีกับเขามีความเป็นธรรมชาติสูงมาก และเป็นกรณีที่หาได้ยากมากในการทำงานสร้างสรรค์ โดยเฉพาะกับการทำเพลง

เรียกได้ว่าอัลบั้มนี้เติบโตไปพร้อมๆ กับคุณใช่ไหม 

ใช่ เพราะว่าผมรู้สึกว่าผมพร้อมแล้ว ช่วงปี 2017-2019 คือช่วงเวลาที่ผมกำลังค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการอยู่ในหลายแง่มุม ตอนนั้นผมเพิ่งอายุครบ 19 ปี ผมมีทางเลือกที่จะไหลไปตามกระแสเรื่อยๆ หรือมานั่งคิดกับตัวเองว่าสิ่งที่ผมต้องการจริงๆ คืออะไร แล้วผมก็เลือกอย่างหลัง 

ผมเลยเริ่มทำ EP บ้าง เริ่มปล่อยซิงเกิลเพลงออกมาเรื่อยๆ อย่างละนิดอย่างละหน่อย เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ พบเจอคนในอุตสาหกรรมดนตรีมากมาย จนผมเริ่มแน่ใจแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่ผมอยากทำ อะไรคือสิ่งที่ผมอยากฟัง พอถึงจุดนั้นผมก็เริ่มทำเลย แต่ถ้าจะตอบคำถามคือ เหมือนอัลบั้มร่วม ‘เดินทาง’ มากับผมมากกว่า

อะไรคือบทเรียนที่สำคัญที่สุดที่คุณได้รับจากการทำงานที่ผ่านมา และนำมาปรับใช้ในการทำอัลบั้มนี้

มีหลายอย่างที่ผมเรียนรู้ตลอดการเดินทางของผม ทั้งในเรื่องการทำงานสร้างสรรค์ที่ผมไม่เคยได้ลองทำจริงๆ มาก่อน เพราะตั้งแต่ประกอบอาชีพนักดนตรี ผมก็ต้องย้ายออกจากบ้านเพื่อมาโฟกัสกับการทำเพลง ผมจึงได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากการออกมาใช้ชีวิตคนเดียว เริ่มมีค่าใช้จ่ายของตัวเอง จ่ายค่าเช่าห้อง เรียกว่าผมเรียนรู้ทุกอย่างผ่านการใช้ชีวิตน่าจะเหมาะกว่า 

ตอนนี้ผมอายุ 24 แล้ว ชีวิตส่วนใหญ่ของผมยังเป็นการค้นหาตัวตนและสิ่งที่ตัวเองอยากที่จะทำ ผมอยากจะสร้างอะไรให้กับอุตสาหกรรมดนตรีบ้าง เมื่อถึงตอนที่ผมเดินจากไป 

เรื่องการแสดงคอนเสิร์ตต่อหน้าผู้คนก็เช่นกัน ผมไม่เคยแสดงคอนเสิร์ตหรือออกทัวร์ตามสถานที่ต่างๆ มาก่อน จนกระทั่งปี 2019 (No Rome ออกทัวร์รอบโลกกับ The 1975 ในฐานะโชว์เปิด) ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไป มันคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลย ตอนแรกผมตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นสุดๆ ทุกครั้งที่จะต้องขึ้นแสดง แต่พอเริ่มชินกับมัน ความตื่นเต้นก็กลายเป็นความตื้นตันแทน ผมได้เรียนรู้ที่จะมีความสุขกับการแสดงคอนเสิร์ตต่อหน้าผู้คน

คุณมีความคิดเห็นอย่างไรกับคอนเสิร์ตแบบออนไลน์ที่เริ่มได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก 

มันน่าสนใจมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่เรากำลังคุยกันอยู่ ด้วยโรคระบาดและอะไรต่างๆ ผมเป็นคนที่โตมากับการแสดงคอนเสิร์ตแบบออนไลน์อยู่แล้ว ในปี 2015 มีโชว์หนึ่งที่เรียกว่า SPF 420 ซึ่งผมชอบเข้าไปดูมาก พวกเขาจะมีการแสดงโชว์จากทั่วอินเทอร์เน็ต แล้วผมกับคนอีก 100 กว่าคนก็จะมารวมตัวกันอยู่ในห้องแชตห้องเดียวกัน สลับกันเปิดเพลงของตัวเอง แต่ว่าตอนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการเปิดเพลงของตัวเองมากกว่าแสดงสด ช่วงเวลานั้นทำให้ผมคุ้นชินกับการทำเพลงบนโลกออนไลน์ และดนตรีของผมควรเป็นแบบไหน หากต้องฟังบนอินเทอร์เน็ต รวมถึงวิธีการไลฟ์สตรีมมิง

ขณะเดียวกัน นี่ก็เป็นช่วงเวลาที่แปลกประหลาดของนักดนตรีจำนวนมาก ซึ่งผมมองว่าผมอาจจะมีความได้เปรียบอยู่บ้าง เพราะผมรู้จักกับสิ่งเหล่านี้มานานพอสมควร ผมเคยดูโชว์ต่างๆ ผ่านทางออนไลน์มาก่อน แต่สำหรับคนอื่นๆ พวกเขาอาจจะยังไม่รู้ว่าสามารถทำให้การแสดงของตนเองออกมาน่าสนใจได้อย่างไรบ้าง 

สำหรับมันไม่ใช่เรื่องใหม่ ผมไม่เคยต้องมาคิดว่า ‘จากนี้ต้องทำอะไรต่อ’ เพราะความจริงแล้วมันมีเรื่องของผลประโยชน์ของศิลปินที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในการแสดงแต่ละครั้ง อย่างการขายสินค้า หรือของที่ระลึกต่างๆ

มันคือเรื่องแปลกประหลาดในช่วงเวลานี้ แต่ก็คือช่องทางเดียวของพวกเราเหล่านักดนตรีที่จะแสดงงานของเราออกมา ฉะนั้นเราก็ต้องทำสิ่งนี้ให้ออกมาดีที่สุด

ภาพ: Aya Cabauatan

คุณคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้สำหรับศิลปินคือต้องแสดงให้กล้องหรือให้คนดูสดๆ

ตอนนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจ แต่อย่างไรก็ตาม การแสดงดนตรีสดต่อหน้าผู้คนคือสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว เพราะว่าคุณได้เจอกับกลุ่มคนที่ฟังดนตรีของคุณจริงๆ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก จนบางทีมันก็สะเทือนอารมณ์เหมือนกัน ในทางกลับกัน เราแสดงสดผ่านกล้องแล้วเห็นตัวเลขคนที่เข้ามาฟังในช่องแชต การมีคนส่งข้อความมาหาทันทีหลังจากแสดงจบทำให้ผมใจฟู แต่ถ้าเทียบกับการเห็นว่าคนดูรู้เนื้อเพลง เห็นเขาร้องเพลงไปกับเรา เห็นท่าทางของพวกเขา มันคืออะดรีนาลีนคนละแบบกัน 

อย่างไรเสียการแสดงสดก็ดีกว่า แต่ตอนนี้เราไม่ได้มีทางเลือกมากเท่าไร และผมก็ยังชื่นชมคนที่พยายามแสดงดนตรีผ่านทางออนไลน์อยู่เหมือนเดิม แต่ว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ต่างกันและไม่สามารถทดแทนกันได้ 

แล้วคุณต้องมีลูกเล่นอะไรใหม่ๆ หรือมีวิธีการนำเสนอใหม่ๆ ในการแสดงออนไลน์บ้างไหม

ผมกับทีมพยายามหาลูกเล่นใหม่ๆ ในการแสดงอยู่ตลอด เพราะแม้ว่าจะเป็นโชว์ออนไลน์ คนที่เข้ามาดูก็ยังจ่ายเงินเข้ามาดูอยู่ดี ผมก็ไม่อยากละเลยในจุดนี้ไป เราก็ต้องพยายามหาวิธีต่างๆ ในการมอบประสบการณ์ที่ดีให้พวกเขา ผมยังอยากให้แสดงโชว์ที่ดีให้กับคนที่เข้ามาดูเหมือนเดิม

เรียกได้ว่าตอนนี้คุณรู้สึกสบายใจกับการแสดงออนไลน์มากกว่าแสดงสดหรือเปล่า

ผมเป็นมนุษย์อินโทรเวิร์ตนิดหน่อย แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน แต่ก็ยังมีความอินโทรเวิร์ตอยู่ ผมเลยรู้สึกสบายใจในการแสดงผ่านทางออนไลน์มากกว่า เพราะหลังจากคุณทำการแสดงเสร็จก็คือจบวันเลย คุณก็แค่ไปนอนอ่านคอมเมนต์หรืออะไรก็ว่าไป แต่ถ้าแสดงสดบนเวทีเสร็จ คุณยังจำเป็นที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนอยู่ ไม่ได้แปลว่าไม่ใช่เรื่องดีนะ แต่ผมเป็นคนขี้อาย 

ภาพ: Aya Cabauatan

ท้ายที่สุด คุณเริ่มต้นเส้นทางด้วยการเป็น SoundCloud Artist และย้ายมาอยู่ที่ลอนดอน คุณคิดว่าจะสามารถประสบความสำเร็จในระดับเดียวกันได้ไหม หากคุณไม่ได้ย้ายออกจากประเทศบ้านเกิด

ไม่ได้แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลานั้นที่ค่อนข้างแปลกประหลาดในฟิลิปปินส์ ตอนที่ผมเริ่มจริงจังกับอาชีพนักดนตรีและย้ายออกมา เหมือนกับว่ามันเป็นช่วงที่เปลี่ยนผ่านมากกว่า 

ผมรู้สึกว่าคงไม่สามารถทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ได้ ถ้าผมไม่ออกจากบ้านมา ผมเป็นมนุษย์ประเภทที่ชอบผจญภัยไปกับความไม่รู้ของตัวเอง การย้ายมาอยู่ลอนดอนด้วยความไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่ากระบวนการหรือวิธีการทำงานของที่นี่จะเป็นอย่างไร ผมต้องเรียนรู้ทุกอย่างเองใหม่หมด แต่มันก็ผลักดันให้ผมทำดนตรีของผมออกมา จนมันนำทางให้ผมมาถึงจุดนี้ได้ 

ถ้าลองคิดดู จากการที่ผมเป็นแค่ศิลปินซาวนด์คลาวด์ (SoundCloud Artist) ในห้องนอนของตัวเอง จนมาถึงจุดที่ผมอยู่ในสตูดิโอ ทำดนตรีกับเหล่าศิลปินที่ผมเคยชื่นชม มันบ่งบอกได้ว่าถ้าผมไม่ตัดสินใจออกเดินทาง ผมก็จะไม่มีวันได้พบกับเพื่อนๆ หรือคนที่ทำดนตรีกับผมในทุกวันนี้ได้เลย

สุดท้ายแล้วมันคือความตั้งใจของผมมาตลอด ในการทำสิ่งนี้ แต่ไม่ได้แปลว่าวิธีนี้คือวิธีที่ถูกต้องเสมอไป เพียงแค่หากถามผม ณ ตอนนั้น (ปี 2017) การได้มาทำในสิ่งที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้มันก็ดูเป็นสิ่งที่เรียกว่าอุดมคติอยู่เหมือนกัน

 

ภาพ: Aya Cabauatan

Fact Box

ทุกคนสามารถฟัง It’s All Smile อัลบั้มเต็มตัวแรกของ No Rome ได้ผ่านทางแพลตฟอร์มฟังเพลงชั้นนำอย่าง Apple Music, Spotify และอื่นๆ

ประกอบไปด้วย 10 เพลงด้วยกัน

1. Space-Cowboy

2. How Are You Feeling?

3. I Want U

4. IT'S *N0T* L0V33 (Winter In London)

5. When She Comes Around

6. Secret Beach

7. Issues (After Dark)

8. Remember November / Bitcrush*Yr*Life

9. A Place Where Nobody Knows

10. Everything

Tags: , , , , ,