ย้อนกลับเมื่อ 5 ปีก่อน (2560) สมัยยังเป็นนักศึกษา ผมจำได้ว่ามีข่าวอึกทึกคึกโครมในวงการบันเทิงไทย หลังมีมือดีปล่อยภาพโปสเตอร์ภาพยนตร์ใบหนึ่ง ที่รายละเอียดในภาพมีตัวประหลาดคล้ายจระเข้กำลังกกไข่ฟองยักษ์ ส่งสายตาจ้องเขม็งรอขย้ำเหยื่อ ด้านบนมีหัวเรื่องโปรยกำกับไว้ชัดเจนว่า ‘The Lake – บึงกาฬ’
นั่นทำให้ผมตาลุกวาว ใจเต้นตึกตักรับรู้ได้ทันทีว่า ประเทศไทยกำลังจะมีหนังอสุรกายเป็นของตัวเองอีกครั้งในรอบเกือบ 20 ปี นับจากเรื่องสุดท้ายคือ ปักษาวายุ (2547) แต่ขณะเดียวกันก็เกิดความรู้สึกสงสัยตามมาว่า ใครช่างหาญกล้ารับโปรเจกต์ที่เต็มไปด้วยความท้าทายนี้ เพราะถ้าไม่ใช่หนังผี หนังตลกคอมเมดี หรือหนังรักโรแมนติก Feel Good ก็ยากจะประสบความสำเร็จ และได้รับความสนใจจากคนดู
ด้วยความสงสัยผมจึงเข้าเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลของผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ก่อนจะทราบว่าเขาชื่อ ‘ลี ทองคำ’ ชายชาวไทยเลือดอีสาน จากอำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ที่ไปเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกา และคลุกคลีอยู่เบื้องหลังกองถ่ายระดับฮอลลีวูด แต่ผลงานการกำกับส่วนตัวยังไม่ประจักษ์เด่นชัดเท่าไรนัก ทว่าก็ไม่ได้ทำให้ความน่าสนใจในโปรเจกต์ The Lake – บึงกาฬ น้อยลงสักนิด
อย่างไรก็ดี จู่ๆ ชื่อของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวกลับเงียบหายเข้ากลีบเมฆ ไร้วี่แววตารางกำหนดฉาย ทั้งมีข่าวลือซุบซิบตามมา บ้างก็ว่าเพราะถูกระงับการสร้าง บ้างก็ว่างบไม่พอทำต่อ หนำซ้ำยังไม่มีคำเฉลยจากปากผู้สร้างว่าสาเหตุแท้จริงเป็นเพราะอะไร
จนกระทั่งปี 2565 เพจเฟซบุ๊ก The Lake – บึงกาฬ ได้อัปเดตความเคลื่อนไหวอีกครั้ง ด้วยการปล่อยตัวอย่างหนังความยาว 2.17 นาที ที่เผยให้เห็นตัวสัตว์ประหลาดบึงกาฬ และมูดแอนด์โทนของหนังที่มาในแนวจริงจังคล้ายเรื่อง Godzilla ปี 1998 พร้อมประกาศถึงวันฉายอย่างเป็นทางการ
ตัวผมเองไม่รอช้า รีบหาช่องทางนัดแนะ ลี ทองคำ มาพูดคุยหาคำตอบ ว่าเพราะอะไรทำให้เจ้าตัวอยากปลุกชีพหนังสัตว์ประหลาดยักษ์ขึ้นจอ ซึ่งเป็นโจทย์ยากชวนขยาดของบรรดาผู้กำกับหนังไทย ตลอดจนที่มาและเบื้องหลังอันน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ ก่อนได้คิวสั้นๆ เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง วันเดียวกันกับที่เจ้าตัวและทีมงานเตรียมแถลงความพร้อมของหนังก่อนวันฉายจริง
จุดเริ่มต้นของเด็กชายจากภาคอีสาน ที่ฝันอยากทำหนังสัตว์ประหลาดสักเรื่อง
“ผมเกิดประเทศไทย แต่ไปโตอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็ก พอช่วงมหาวิทยาลัยก็ตัดสินใจเรียนการทำหนังตามฝัน”
ลี ทองคำ ในลุคสบายๆ หยิบตุ๊กตาสัตว์ประหลาดบึงกาฬวางไว้บนตัก พลางเล่าย้อนความทรงจำถึงชีวิตตนเอง เด็กชายวัยกระเตาะจากอำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ต้องติดสอยห้อยตามแม่ที่แต่งงานกับพ่อใหม่ บินลัดฟ้าไปใช้ชีวิตยังสหรัฐอเมริกา
ในวัยเด็กเขาเหมือนเด็กผู้ชายทั่วๆ ไป ชอบเล่นซุกซน สนุกสนานไปกับชีวิตประจำวัน กระทั่งคืนหนึ่ง พ่อเลี้ยงของเขาจูงมือพาเข้าโรงหนังไปดูเรื่อง Jurassic Park ด้วยเวลาราว 2 ชั่วโมง เหล่าไดโนเสาร์ของพ่อมดแห่งโลกภาพยนตร์ สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) สามารถตรึงให้เขานั่งจดจ่ออยู่กับที่ดั่งต้องมนตร์สะกด และยังจุดประกายความฝันว่าสักวันจะต้องทำหนังสัตว์ยักษ์แบบนี้ให้ได้สักเรื่อง
“ครั้งแรกที่ผมได้ดูเรื่อง Jurassic Park คือตอนอายุ 6 ขวบ สำหรับเด็กตัวเล็กๆ อยู่ท่ามกลางไร่นา พอมาเจออะไรแบบนี้มันชวนว้าวมาก เป็นประสบการณ์สุดวิเศษลืมไม่ลง นั่นเลยทำให้ผมอยากรู้ว่าเขา (สปีลเบิร์ก) ทำแบบนั้นได้อย่างไร และอยากให้คนอื่นๆ ได้สัมผัสประสบการณ์แบบนี้บ้าง
“พอช่วงเข้ามหาวิทยาลัย ผมเลยเลือกเดินตามความฝันมาเรียนสายฟิล์ม โปรดักชัน ที่มหาวิทยาลัยฟูลเซล รัฐฟลอริดา (Full Sail University, Florida) พอเรียนจบก็เก็บกระเป๋าตรงดิ่งไปทำงานที่ไพรม์ วูด สตูดิโอ (Prime Wood Studios) ในฮอลลีวูด คอยทำงานอยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ดังเรื่องต่างๆ เช่น The Fate of the Furious, The Avengers, Doctor Strange ฯลฯ”
“การทำงานของคนกองในฮอลลีวูดเต็มไปด้วยความจริงจัง ทุกคนมีหน้าที่ ไม่มีใครนั่งเล่นโทรศัพท์ ต้องย้ายนักแสดงจากจุด A ไป จุด B ถ่ายแก้กันไปกันมาอย่างงี้ทั้งวัน ผมสัมผัสได้นะว่าทุกคนล้วนมีแพสชันแบบเดียวกันหมด จุดนี้ยิ่งทำให้ผมอยากลองทำหนังของตัวเองบ้าง (ยิ้ม)”
หวนกลับสู่บึงกาฬบ้านเกิด เพื่อเริ่มโปรเจกต์ The Lake
“ทำไมคุณถึงเลือกบึงกาฬเป็นสถานที่เกิดเหตุในหนังของคุณ ทั้งที่ประเทศไทยมีตั้ง 77 จังหวัด?” ผมถามลีต่อด้วยความสงสัย เพราะหากเอ่ยถึงจังหวัดบึงกาฬในหัวผมแทบนึกไม่ออกเลยว่าจะเล่าออกมาอย่างไรให้ดูน่าสนใจดี นอกหนือจากธรรมชาติ ทิวเขาสูง วัดป่า หรือแม่น้ำโขง
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ลีจึงตอบกลับทันที โดยเขาอธิบายว่าบึงกาฬมีสภาพภูมิทัศน์สวยงาม แต่ขณะเดียวกันก็ซ่อนความเร้นลับน่าค้นหา ทั้งต้องการให้ทั่วโลกรู้จักจังหวัดบ้านเกิดของตนผ่านหนังที่เขาใช้หัวจิตหัวใจกำกับเอง
“ตอนที่ผมกำลังพัฒนาบทและตัดสินใจว่าจะให้หนังสัตว์ประหลาดของผมเกิดขึ้นที่ไหน ผมเดินทางไปหลายที่มากในประเทศไทย จนสุดท้ายวกกลับมาที่บึงกาฬบ้านเกิด เพราะรู้สึกว่าโลเคชันของที่นี่มีความน่าสนใจ ธรรมชาติสวยงาม แต่ก็มีความลึกลับด้วยในตัว
“บางคนอาจจะเถียงว่าทำไมคุณถึงไม่เลือกกรุงเทพฯ เมืองหลวงที่มีคนรู้จักเยอะๆ ล่ะ อย่างเรื่องก็อตซิลล่าหรือคิงคองยังเลือกถล่มเมืองนิวยอร์กเลย แต่ถ้าหากคุณเป็นคนดูหนังไทยจะเห็นว่าหลายๆ เรื่องทั้งแอ็กชัน ตลก สยองขวัญ แทบจะเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ เสียหมด ซึ่งตัวผมตั้งใจอยากให้ทั่วโลกรู้จักจังหวัดอื่นของประเทศไทยบ้าง จุดนี้อาจส่งเสริมให้เศรษฐกิจท่องเที่ยวบ้านเราดีขึ้นอีก”
อีกประเด็นหนึ่งที่ผมสงสัยเหลือเกินว่าเหตุใด The Lake – บึงกาฬ ถึงต้องเลื่อนฉายนานถึง 5 ปี ความจริงเกิดอะไรขึ้น เป็นดั่งที่ใครหลายคนว่าไหม เพราะทุนสร้างมีปัญหา มีปัญหาในกองถ่าย หรือหนังไม่ดึงดูดพอจะถูกซื้อไปฉาย ทว่าคำตอบจากลีดูจะไม่ใกล้เคียงกับข่าวลือเลยสักนิด
“ไม่ ไม่เลย (หัวเราะร่า) จริงๆ แล้วเป็นเพราะเทคนิคการถ่ายทำที่เราต้องการเก็บรายละเอียดให้สมบูรณ์มากที่สุด ผมอาจปล่อยหนังออกมาเร็วกว่านี้ก็ได้ ถ้าใช้ CG ช่วยทั้งหมด แต่ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ผมต้องการความสมจริงเพื่อให้คนดูได้รับประสบการณ์แบบ Cinematic Experience เพราะคนดูเดี๋ยวนี้เขาไม่โง่ จะทำอะไรชุ่ยๆ แบบนั้นไม่ได้
“ส่วนอีกเหตุผลเพราะเราต้องรอน้องวันใหม่ (วันใหม่ ฉัตรบริรักษ์) ที่เป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญโตขึ้นกว่านี้ เราเลยต้องค่อยๆ เก็บฟุตเทจกันทีละนิด ซึ่งคุณจะเห็นว่าทำไมผมต้องรอให้น้องโตขึ้นในช่วงองก์ 3 ตอน 20 นาทีสุดท้ายที่เป็นบทสรุปของหนัง
“เรื่องทุนสร้างตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรนะ แต่พอคนเริ่มพูดกันบ่อยก็มีแอบกดดันบ้าง (หัวเราะ)”
หนังสัตว์ประหลาดไทยที่มีคาแรกเตอร์พิเศษและสมจริงยิ่งกว่าที่ผ่านมา
หากใครได้เห็นรูปร่างสัตว์ประหลาดยักษ์บึงกาฬ คงจะสัมผัสถึงความน่าเกรงขามได้ไม่น้อย ด้วยลำตัวยาวใหญ่ หัวคล้ายปลาดุก มีผิวหนังหยาบกร้านคล้ายจระเข้ ดีไซน์มีความทันสมัยคล้ายหนังสัตว์ประหลาดระดับโลกเรื่องอื่นๆ ที่เป็นเช่นนั้นต้องยกความดีความชอบให้กับ จอร์ดู เชลล์ (Jordu Schell) ประติมากรชาวอเมริกัน ผู้อยู่เบื้องหลังคาแรกเตอร์อสูรกายเรื่องดัง อาทิ Aliens vs. Predator: Requiem, The Mist, Avatar ฯลฯ ที่ลีรวบรวมความกล้าชวนมาทำงานร่วมกัน
“ผมโทรไปหาเขา (จอร์ดู เชลล์) เพื่ออธิบายว่า เราเป็นคนไทยที่กำลังทำโปรเจกต์หนังสัตว์ประหลาดกันอยู่ อยากจะขอนัดคุณโชว์คอนเซปต์ เผื่อคุณสนใจอยากช่วยออกแบบคาแรกเตอร์ให้เรา แต่ลึกๆ ก็กังวลว่าเขาอยากทำงานกับเราไหม เพราะเขาถือเป็นรุ่นใหญ่มากๆ ในวงการ
“พอบินไปถึงแคลิฟอร์เนีย ผมก็นำเสนอคอนเซปต์ไอเดียว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ผมเล่าว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้มาจากแม่น้ำในบึงกาฬนะ และในน้ำที่นั่นก็มีปลิง งู ปลาดุก จระเข้ ซึ่งถ้าพวกมันเกิดโดนสารพิษแล้วกลายพันธุ์จะเป็นอย่างไร
“เล่าให้ฟังเสร็จเรียบร้อยเขาก็ตอบตกลง เขาให้เหตุผลว่าชอบแพชชันและไอเดียที่ผมต้องการให้สัตว์ประหลาดตัวนี้เป็นไปในทิศทางไหน จากนั้นเขาก็ส่งภาพสเกตช์ดีไซน์มาให้ผมกลับไปกลับมาแบบนี้ทางอีเมล์ รวมๆ แล้วก็ทั้งหมด 5 เดือน จนมาลงเอยแบบที่เห็นในหนัง”
นอกจากเรื่องของดีไซน์ ด้านเทคนิคพิเศษยังถือว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยม เห็นได้จากหนังตัวอย่างความยาว 2.17 นาที ที่สัตว์ประหลาดบึงกาฬดูเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติ ส่วนหนึ่งเพราะได้ทีมบริษัท ฉายา พิกเจอร์ (Chaya Pictures) ที่เคยผ่านงานกับทางมาร์เวล สตูดิโอ (Marvel Studios) มาเป็นผู้ดูแลงานภาพคอมพิวเตอร์กราฟิก
ทว่ายังมีอีกเทคนิคหนึ่งที่น่าสนใจ ซึ่งลี ทองคำ เลือกนำมาใช้ในเรื่อง นั่นคือ ‘หุ่นกล’ หรือ ‘Animatronic’ เทคนิคพิเศษเดียวกับที่สตีเวน สปีลเบิร์ก ใช้กับบรรดาไดโนเสาร์ในเรื่อง Jurassic Park โดยสัตว์ประหลาดบึงกาฬถูกสร้างให้มีขนาดความสูง 9 เมตร ยาว 13 เมตร น้ำหนักราว 2 ตันครึ่ง ใกล้เคียงกับขนาดตึก 3 ชั้น
“อย่างที่บอกว่าผมต้องการความสมจริงให้มากที่สุด ผมเลยนึกถึงเทคนิค Animatronic ที่สปีลเบิร์กเคยใช้ เพื่อให้ตัวนักแสดงมีอากัปกริยาโต้ตอบกับสัตว์ประหลาดเหมือนว่ามันมีชีวิตจริงๆ เดินได้ อยู่ตรงหน้า และกำลังจะกินคุณ แต่เทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟิกก็มีส่วนทำให้มันมีชีวิตชีวามากขึ้น เช่น เวลาขยับปาก ขยับมือ ส่งสายตา ใช้จมูกหายใจ
“ตัวหุ่น Animatronic ผมไปสั่งทำกับช่างที่ประเทศจีน โดยมีต้นแบบเป็นหุ่นกลในสวนสนุกให้เขาดู ผมใช้เวลาอยู่ที่นั่นเกือบ 1 ปี คอยคุมทุกขั้นตอนจนเสร็จ สร้างไปสร้างมามีความยาวตั้ง 9 เมตร ผมเลยนึกในใจว่ากูจะเอากลับไงดีวะ (หัวเราะ) สุดท้ายเลยต้องแยกชิ้นส่วน แล้วขนขึ้นเรือส่งกลับมาประกอบที่ไทย
“อีกเทคนิคหนึ่งที่ผมอยากนำเสนอมากๆ เลยคือ Foley และ Sound Score ที่ได้ทางบริษัทกันตนามาช่วยให้สมบูรณ์ โดยเฉพาะกับเสียงคำรามของสัตว์ประหลาดที่ไม่เหมือนใคร เป็นเทคนิค Apex Score แบบเดียวกับที่สปีลเบิร์กชอบใช้ในหนัง คล้ายเสียงของที. เรกซ์ ที่เอาเสียงของวัว ควาย เป็ด ต่างๆ นานามาผสมกัน แต่สัตว์ประหลาดบึงกาฬใช้เสียงของจระเข้ งู ปลาดุก ในบึงน้ำมาใช้”
ตัวอย่างภาพยนตร์ The Lake – บึงกาฬ https://youtu.be/i8AJ4M_YC0U
กว่าที่สัตว์ประหลาดบึงกาฬจะได้ขึ้นฝั่งถล่มเมือง
ด้วยงบประมาณสร้างกว่า 88 ล้านบาท อาจฟังดูเหมือนง่าย ทว่าเส้นทางที่ผ่านมาของลี ทองคำ กับการผลักดันโปรเจกต์ The Lake – บึงกาฬ ล้วนเต็มไปด้วยอุปสรรค แม้แต่ช่วงที่หนังใกล้ถึงกำหนดฉายก็มีเสียงค่อนขอดว่าตัวเขาจะทำออกมาได้ดีสักแค่ไหน เพราะผลงานที่แล้วมาล้วนมีแต่หนังอินดี้นอกกระแสและหนังสั้นที่ใช้ทุนส่วนตัวทำเอง
“ผมไม่ได้สนใจเท่าไรหรอกว่าใครจะรู้จักผลงานของผมมาก่อนหรือเปล่า ผมแค่อยากสนุกไปกับการทำหนัง และผมก็ไม่ได้ทำโปรเจกต์นี้คนเดียว มีทีมงานคนไทยในกองช่วยผมเยอะแยะไปหมด
“5 ปีที่แล้ว ผมเอาโปรเจกต์บึงกาฬไปเร่เสนอกับหลายบริษัททำหนังในไทย รวมๆ แล้วเกือบ 99 บริษัท (หัวเราะ) แต่ก็ไม่มีใครอยากทำด้วย ทุกที่ให้เหตุผลเหมือนกันหมดว่าโปรเจกต์ของคุณเสี่ยงเกินไป กระทั่งผมมาเจอกับพี่บอย (วสันต์ หอมแสงประดิษฐ์ – ซีอีโอ บริษัท ฮอลลีวูด ไทยแลนด์) ประจวบเหมาะที่เขาเองก็อยากลองอะไรใหม่ๆ ให้กับวงการหนังไทย เราเลยจับมือร่วมงานกัน
“ทางฮอลลีวูด ไทยแลนด์ เขาก็ให้โอกาสผมเต็มที่นะ ผมยืนยันเขาหนักแน่นเลยว่าจะไม่ทำหนังออกมาชุ่ยๆ ทุกๆ รายละเอียดต้องพิถีพิถัน เปิดเรื่องอย่างไร จบอย่างไร มี Symbolic หรือปรัชญาสอดแทรกระหว่างเรื่องอย่างไร เพราะถ้าทำง่ายๆ ไม่ต้องเป็นผมหรอก คนอื่นก็ทำได้
“ส่วนตอนผมเอาบทไปเสนอกับนักแสดงเองก็รู้สึกเก้ๆ กังๆ เหมือนกัน ว่าเขาจะตอบรับเล่นให้เราไหม บางคนเขาก็ตอบผมมาว่าคุณจะบ้าเหรอ นี่มันยากมากเลยนะ แต่สุดท้ายเขาก็มาลุยกับผม ทุกคนเต็มที่มาก และผมว่าหลังคนดูเดินออกจากโรงจะชื่นชมพวกเขา”
ก่อนจากกัน ผู้กำกับหนุ่มจากอำเภอเซกายังแย้มให้เราฟังว่า หมัดเด็ดของเรื่องนี้อยู่ที่องก์ 3 ซึ่งเจ้าตัวพยายามจะทำให้แตกต่างจากหนังอสูรกายยักษ์ทั่วไป
“โอเคละ เราทำหนังสัตว์ประหลาดหลักๆ ต้องมีฉากแอ็กชันวิ่งหนี แต่พอถึงช่วงองก์สุดท้ายของหนังทุกอย่างจะกลับตาลปัตร วิทยาศาสตร์ ความเชื่อศาสนา ขนบธรรมเนียมความเป็นไทย ทั้ง 3 เส้นเรื่องจะเดินทางมาขมวดรวมกัน ผมอยากให้คนดูได้สนุกไปกับการตีความ ดังนั้น ผมเลยไม่กังวลกับตัวอย่างที่ปล่อยออกไปแล้วเผยให้เห็นสัตว์ประหลาดทั้งตัว ว่าจะมีส่วนไปลดทอนความสนุกของหนัง”
ขณะที่ผมกำลังเขียนบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ The Lake – บึงกาฬ มีโปรแกรมฉายล่วงเลยเข้าสู่วันที่ 4 ภาพรวมรายได้ทั่วประเทศยังไม่น่าประทับใจเท่าไรนัก มีแววตามรอยอกหักเหมือนเรื่องไลโอ โครตแย้ยักษ์ อีกหนึ่งหนังสัตว์ประหลาดไทย จากค่ายเนรมิตร หนังฟิล์ม
และหลังเขียนบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้เสร็จ ผมตัดสินใจจะเดินทางไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ให้เห็นกับตาว่าดีจริงอย่างที่ลีกล่าวไว้แค่ไหน แต่ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ผมพร้อมปรบมือแสดงความชื่นชมให้แก่ความกล้าของเขา ที่มีส่วนผลักดันวงการหนังไทย ให้มีทางเลือกมากกว่าแค่แนวตลก ผี หรือรักๆ ใคร่ๆ และเป็นตัวอย่างมาตรฐานงานโปรดักชันแก่หนังไทยเรื่องอื่นๆ ในอนาคต
Fact Box
- ลี ทองคำ เริ่มต้นอาชีพผู้กำกับภาพยนตร์ในปี 2553 ด้วยผลงานหนังสั้นเรื่อง Shoot Her ที่คว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม จากเวทีเทศกาลหนังฟลอริดา ก่อนจะมาเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายจากการกำกับภาพยนตร์แนวสยองขวัญเรื่อง The Maid-สาวลับใช้
- The Lake - บึงกาฬ ถือเป็นภาพยนตร์ที่มีส่วนผสมของนักแสดงหน้าใหม่และหน้าเก่าเข้าด้วยกัน อาทิ ออม-สุชาร์ มานะยิ่ง, ตุ้ย-ธีรภัทร์ สัจจกุล, สุพรรณษา เวชกามา (ลำไย ไหทองคำ), อาร์ตี้-ธนฉัตร ตุลยฉัตร และวันใหม่ ฉัตรบริรักษ์
- The Lake - บึงกาฬ เป็นการร่วมทุนสร้างระหว่าง 2 ประเทศ คือไทย (บริษัท ฮอลลีวูด ไทยแลนด์ - Hollywood Thailand) กับจีน (บริษัท แอร์สปีด พิคเจอร์ส - Airspeed Pictures) ด้วยเงินจำนวน 88 ล้านบาท ดังนั้นจะมีการตัดต่อหนังเป็นอีกเวอร์ชันสำหรับฉายเฉพาะที่ประเทศจีน รวมถึงส่งออกฉายอีก 69 ประเทศทั่วโลก