เสียงเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ ขนาดความจุกระบอกสูบ 2.0 ลิตร ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 252 แรงม้า ช่างเร้าใจและดึงดูดให้เราอยากจะขึ้นไปขับเจ้าปอร์เช่ มาคันน์ใหม่ (The New Porsche Macan) โดยเร็ว

เรามีโอกาสได้ทำความรู้จักปอร์เช่ มาคันน์ใหม่ ตามคำชวนของบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอ์รวิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ร่วมกับสื่อมวลชนอีกจำนวนหนึ่งในกิจกรรมวันเดย์ทริปที่ทดลองขับปอร์เช่ มาคันน์ใหม่ ไปกลับ กรุงเทพฯ-ปากช่อง

แม้จะเป็นสปอร์ตคอมแพคเอสยูวี แต่ถ้ามองจากภายนอกจะรู้สึกได้ถึงความกว้างขวาง เป็นผลจากการออกแบบเส้นสายด้านข้างตัวถัง ขณะที่ไฟหน้าและไฟท้ายก็ยกระดับให้เป็นแอลอีดีด้วยรูปแบบแผงไฟ 3 มิติ (Three-Dimensional LED Light Panel) ช่วยการกระจายของลำแสงให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและแม่นยำมากขึ้น ที่สำคัญสวยงามแลดูโดดเด่นสะดุดตา 

ส่วนภายในรถก็ให้อารมณ์เหมือนขับรถสปอร์ต เนื่องจากชุดพวงมาลัยเป็น GT Sport ซึ่งยกมาจากปอร์เช่ 911 โดยมีหน้าจอสัมผัสขนาด 10.9 นิ้วสำหรับควบคุมและสั่งการผ่านระบบ Porsche Communucation Management (PCM) ซึ่งหน้าจอที่ใหญ่ขนาดนี้ทำให้เรากดสั่งการฟีเจอร์ต่างๆ ที่มีอยู่ในรถได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นระบบนำทาง หรือความบันเทิงต่างๆ โดยมีระบบอื่นๆ ที่มากับตัวรถเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนขับ ไม่ว่าจะเป็น ระบบฟอกอากาศ และระบบไล่ฝ้ากระจกบังลมหน้า เป็นต้น

การขับปอร์เช่ มาคันน์ใหม่ไปปากช่องกันในวันธรรมดา ทำให้เราสามารถทดสอบสมรรถนะของรถได้อย่างเต็มที่ การจราจรบนถนนวิภาวดี-พหลโยธิน เชื่อมต่อถนนมิตรภาพเป็นไปอย่างไหลลื่น ส่งผลให้การเร่งแซงในบางจังหวะทำได้อย่างเต็มที่

เราชอบตรงคอนโซลเกียร์ที่ออกแบบมาให้ลาดชัน เพื่อช่วยในการควบคุมการเร่งแซงสำหรับคนขับเป็นไปอย่างง่ายดาย ด้วยขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ก็เหลือเฟือในการขับขี่ จะแซงทางตรงหรือทางโค้งก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าอยากสนุกมากขึ้นลองปรับเป็นโหมดสปอร์ตที่จะทำให้การแซงสนุกเร้าใจมากขึ้นกว่าเดิม

เราใช้เวลามาถึงร้านอาหารริบส์แมน (Ribs Mann) ที่ปากช่องในช่วงเที่ยงวัน แวะเติมพลังกินข้าว สารพัดเมนูทั้งสเต็กเนื้อและเมนูไส้กรอกรมควันเลื่องชื่อ หลังจากนั้นเราเดินทางต่อไปที่ภิรมย์ คาเฟ่ (Pirom Cafe) ร้านกาแฟที่อยู่ในโครงการ Pirom at Vineyard เขาใหญ่ 

โดยเส้นทางที่เราใช้เดินทางไปภิรมย์ คาเฟ่ เราเลือกเส้นทางรองที่ลัดเลาะไปตามหมู่บ้านต่างๆ ผ่านถนนขรุขระและมีลูกรังในบางจุด เพื่อทดสอบสมรรถนะของรถในช่วงเส้นทางกึ่งๆ ออฟโรด ซึ่งต้องบอกว่าความเป็นสปอร์ตคอมแพคเอสยูวีในแบบปอร์เช่ มาคันน์ใหม่ เราว่าขับสนุกไม่แพ้ทางเรียบแน่นอน

หลังจากชิลๆ ดื่มกาแฟท่ามกลางทิวทัศน์ในสไตล์วินยาร์ดและทะเลสาบที่ภิรมย์ คาเฟ่ เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในช่วงบ่ายๆ ของวัน ซึ่งระหว่างทางกลับ พายุฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เป็นอีกหนึ่งบททดสอบของการขับขี่ยามถนนลื่นได้เป็นอย่างดี

โชคดีว่าปอร์เช่ มาคันน์ใหม่ มีระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ซึ่งระบบปัดน้ำมันจะทำงานสอดคล้องกับปริมาณน้ำมันที่ตกลงมา ทำให้เรามีสมาธิในการขับขี่มากขึ้น ไม่ต้องกังวลกับการปรับระดับการปัดน้ำมันอยู่ตลอดเวลา

สำหรับทริปนี้เราได้ทดสอบปอร์เช่ มาคันน์ใหม่ ทั้งทางเรียบโล่ง เพื่อดูอัตราเร่งแซง การขับขี่ในช่วงที่เป็นเนินเขา และถนนลูกรัง รวมทั้งในยามฝนตก

สรุปแล้วปอร์เช่ มาคันน์ใหม่ เป็นรถสปอร์ตคอมแพคเอสยูวี ที่มีส่วนผสมลงตัวระหว่างความเป็นรถสปอร์ตและความเอนกประสงค์แบบเอสยูวี เหมาะกับคนที่ชอบความแรงความสปอร์ต แต่ก็อยากได้รถที่ใช้งานได้ทุกสถานการณ์ จะขับในเมืองหรือต่างจังหวัดก็ดี ในราคาเริ่มต้นที่ 4.9 ล้านบาท