ถึงหน้าที่การงานจะวนเวียนอยู่แต่กับเสียงหัวเราะ (และเสียงของถาดที่กระทบลงบนกระหม่อม) หากก็เป็นเรื่องขำขื่นอยู่ไม่น้อยที่ว่าชีวิตจริงของนักแสดงตลกส่วนใหญ่ในประเทศนี้ไม่ค่อยจะราบรื่นเหมือนมุกตลกที่พวกเขาเล่นนัก ไม่รื่นรมย์แถมยังไม่ตลก
เพราะแม้ ‘ตลก’ (โดยเฉพาะตลกคาเฟ่ที่เคยรุ่งเรืองจนถึงขนาดมีการอัดวิดีโอบันทึกการแสดงจำหน่ายเป็นล่ำเป็นสันเมื่อหลายปีก่อน) คือความบันเทิงของคนทุกชนชั้น หากเมื่อมองกลับกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นคนดูที่อยู่ระดับชั้นไหนในสังคม น้อยเหลือเกินที่คุณจะให้เกียรติศิลปะแขนงนี้อยู่ในระดับเดียวกับคุณ หรือแทบไม่มีเลยที่จะเทิดทูนเป็นไอดอลที่อยู่เหนือกว่า
เด๋อ ดอกสะเดา แก่คราวพ่อหรือแก่กว่าพ่อของคุณแค่ไหน แต่ก็ยังมีคนเรียกเขาด้วยความสนิทชิดเชื้อด้วยสรรพนามนำหน้าว่า ‘ไอ้’ ซึ่งแน่นอน คุณจะไม่ใช้สรรพนามเช่นนี้กับพระเอกละครโทรทัศน์ นักดนตรี ลิเก หรือจิตรกร ที่ระยะห่างและการให้เกียรติจะถูกรักษาไว้เสมอ
คุณไม่เรียนปริญญานิเทศศาสตร์เพื่อหวังจบออกมาเป็นนักแสดงอยู่ตามคาเฟ่ นักแสดงตลกชื่อดังที่เรารู้จักเกือบทั้งหมดมาจากคนทำงานหาเช้ากินค่ำที่ไม่ได้มีฐานะหรือโอกาสทางการศึกษาเท่าใด หม่ำ จ๊กมก เคยเป็นเด็กยกของหลังเวที เทพ โพธิ์งาม เคยเป็นกรรมกรในโรงถ่าน ดอน จมูกบาน เป็นโฆษกประจำวงลูกทุ่ง ส่วนหนู คลองเตย เคยเป็นเด็กติดยาอยู่ในสลัม เป็นอาทิ
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนดูที่อยู่ระดับชั้นไหนในสังคม น้อยเหลือเกินที่คุณจะให้เกียรติศิลปะแขนงนี้อยู่ในระดับเดียวกับคุณ หรือแทบไม่มีเลยที่จะเทิดทูนเป็นไอดอลที่อยู่เหนือกว่า
และแน่นอน ไม่มีอาชีพไหนที่คำว่า ‘ตกอับ’ จะต่อท้ายแล้วให้น้ำหนักชัดเจน (หรือพูดกันแบบกันเองคือ ฟังแล้วสะใจ) เท่านักแสดงตลก คุณแทบไม่ใส่ใจหรอกว่านักแสดงตลกคนใดที่ผลพวงจากการแสดงและชื่อเสียงของพวกเขาจะทำให้เขาร่ำรวยมากขนาดไหน แต่ทันใดที่เมื่อพวกเขางานลดลง ถูกเลิกจ้าง หรือมีปัญหาส่วนตัว สปอตไลท์จากสื่อมวลชนจะสาดส่องพวกเขาให้คุณสนใจขึ้นมาทันที
แม้จะไม่ได้สะท้อนชีวิตที่ไม่ตลกของนักแสดงตลกออกมาอย่างตรงไปตรงมา หรือฉายภาพวงจรชีวิตจากสูงสุดคืนสู่ตกอับอันเป็นสามัญของเหล่านักแสดงตลก หาก ‘มรดกตกผลึก’ นวนิยายเล่มใหม่ของ จักรพันธุ์ ขวัญมงคล ก็เป็นคล้ายบทบันทึกชีวิตของนักแสดงตลกอาชีพสัญชาติไทยกลุ่มหนึ่งได้อย่างเปี่ยมสีสันและน่าติดตาม และถึงนิยายเล่มนี้จะขับเคลื่อนด้วยมุกห้าบาท สิบบาท และมุกตลกคาเฟ่ ‘ตึกโป๊ะ!!’ สุดคลาสสิค เรียกเสียงฮาเป็นระยะ (ทั้งฮาจริงๆ และขำขันในความฝืด) แต่นี่ก็ไม่ใช่นิยายตลก
‘ตกผลึก’ คือชื่อลูกชายคนเดียวของหัวหน้าคณะ ‘ตลกพิลึก’ พ่อของเขาตั้งใจจะตั้งชื่อให้เขาว่า ‘ตลกพิลึก’ เช่นชื่อของคณะ แต่แม่ก็มาทัดทานเพราะไม่อยากให้ลูกชายชื่อพิลึกเช่นนั้น พ่อยอมตามจึงพบกันครึ่งทางด้วยชื่อดังกล่าว ตกผลึกโตมาได้ไม่กี่ปี แม่ก็จากไป และไม่นานจากนั้นพ่อของเขาก็จากไปอีกคน มรดกชิ้นเดียวที่เขาได้รับจากพ่อคือวิชาชีพในรูปแบบของหัวหน้าคณะตลกพิลึก เล่นร่วมกับเพื่อนของพ่อเขาประจำอยู่ร้านหมูกระทะเฮียแอ็ด ที่มีเจ้าของเคยเป็นตลกชื่อดังแห่งยุค แต่ภายหลังกลับตกอับ จึงมาเปิดร้านหมูกระทะ
จักรพันธุ์เล่าเรื่องได้อย่างกระชับ ลื่นไหล และพุ่งทะยานเป็นเส้นตรง ราวกับการเขียนแก็กตลกที่ทุกอย่างถูกออกแบบไว้ให้รับ-ส่งกันอย่างเข้าจังหวะเพื่อให้เรื่องเดินไปสู่ไคลแมกซ์ เขาใช้พื้นที่่อยู่ไม่กี่หน้ากระดาษปูพื้นเพตัวละครหลักและอาณาจักรเล็กๆ ของคณะตลกพิลึก (สอดแทรกด้วยมุกตลกคาเฟ่จำพวก มุกพูดผิด มุกพูดไม่ชัด มุกเลียนเสียงนักร้อง หรือมุกสารพัดอาการป่วย ฯลฯ) ก่อนจะนำเราเข้าสู่ conflict หลักของเรื่อง เมื่ออยู่มาวันหนึ่ง คณะของเขาถูกจ้างให้ไปแสดงในปาร์ตี้วันเกิดของเศรษฐินีวัยใกล้ฝั่งคนหนึ่ง เพื่อที่ต่อมาเขาจึงได้รับรู้ว่าแม่ที่เสียไปของเขาคือลูกสาวคนเดียวของเศรษฐินีคนดังกล่าว โดยมีพ่อของเขาที่เคยเป็นลูกคนใช้ในคฤหาสน์พาแม่หนีออกมากัดก้อนเกลือตั้งคณะตลก กระนั้นคำสารภาพของเศรษฐินียังไม่ถูกทำให้กระจ่างดี เธอก็กลับสิ้นใจไปอีกคน
อยู่มาวันหนึ่ง คณะของเขาถูกจ้างให้ไปแสดงในปาร์ตี้วันเกิดของเศรษฐินีวัยใกล้ฝั่งคนหนึ่ง เพื่อที่ต่อมาเขาจึงได้รับรู้ว่าแม่ที่เสียไปของเขาคือลูกสาวคนเดียวของเศรษฐินีคนดังกล่าว
เศรษฐินีรู้สึกผิดกับการกระทำของเธอในอดีตที่ไม่เหลียวแลชะตากรรมของลูกสาวและหลานชาย จึงเขียนพินัยกรรมเอาไว้ โดยทนายความประจำตระกูลก็มาแจ้งกับตกผลึกว่าเขาจะได้รับมรดกเป็นจำนวนเงิน 5 ล้านบาท หากมีเงื่อนไขอยู่ที่ว่าเขาจำเป็นต้องกลับไปแก้ไขเรื่องอะไรก็ได้ที่เขามองว่าเป็นข้อผิดพลาดในชีวิต 5 ข้อ และนำหลักฐานการแก้ไขเหล่านั้นมายืนยัน
นักแสดงตลกหนุ่มผู้หาเช้ากินค่ำ ไร้ความทะเยอทะยาน ถนัดแต่การหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่อยมา จู่ๆ ก็มีคนเอาเงินล้านมาประเคนให้ หากต้องเล่นเกมที่เศรษฐินีผู้เป็นยายวางไว้ก่อนตาย… ทั้งหมดนี้คือการรวมร่างกันของ cliche ละครหลังข่าว มุขตลกคาเฟ่แบบที่เราคุ้นเคย และวรรณกรรมแนว coming of age เจือกลิ่นเพื่อชีวิต
เขาจะได้รับมรดกเป็นจำนวนเงิน 5 ล้านบาท หากมีเงื่อนไขอยู่ที่ว่าเขาจำเป็นต้องกลับไปแก้ไขเรื่องอะไรก็ได้ที่เขามองว่าเป็นข้อผิดพลาดในชีวิต 5 ข้อ
แม้พล็อตเรื่องจะไม่ได้ใหม่ล้ำ หากองค์ประกอบที่ผู้เขียนปรุงเข้าด้วยกันอย่างกลมกล่อม รวมทั้งบรรยากาศแบบหวนรำลึกถึงอดีตในยุคสมัยที่ตลกคาเฟ่เป็นหนึ่งในความบันเทิงหลักแทบทุกครัวเรือน (ในนิยายบอกเล่าถึงตลกคาเฟ่สองรุ่น คือรุ่นพ่อที่เป็นยุคเฟื่องฟูสุดๆ และรุ่นลูกซึ่งน่าจะเป็นยุคใกล้เคียงกับปัจจุบัน) ‘มรดกตกผลึก’ จึงเป็นนิยาย feel good ที่น่าจดจำไม่น้อย
แต่นั่นล่ะ อย่างที่บอกไปว่านี่ไม่ใช่นิยายตลก เพราะถึงแม้จะเป็นนิยายจบสุข หากการเลือกเล่าชีวิตของผู้คนที่อยู่ในแวดวงตลกคาเฟ่แห่งประเทศที่ความเหลื่อมล้ำทางสังคมและความล่มสลายของเหตุและผลยังคงเป็นเฟืองจักรสำคัญในการขับเคลื่อนหลากชีวิต เรื่องตลกของจักรพันธุ์จึงมาพร้อมกับข้อเท็จจริงอันขำขื่นอีกพะเรอเกวียนที่นิยายเล่มนี้แฝงไว้ในรายละเอียด
ไม่ว่าจะเป็นความเพิกเฉยต่อมนุษยธรรมที่คนในครอบครัวมีให้กันเพียงเพราะกลัวเสียชื่อวงศ์ตระกูล ระบบอุปถัมภ์แบบดั้งเดิมที่ทำให้ผู้อยู่ใต้การอุปการะไม่กล้าขัดคำสั่งผู้อุปถัมภ์ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด การเลือกใช้ความรุนแรงหาทางออกให้ชีวิต และอีกหลากหลายปัจจัยที่ผลักดันให้คนตัวเล็กๆ ในสังคมฉกฉวย แย่งชิง หรือเมินเฉยกับความถูกต้องเพื่อให้ชีวิตต้องเคลื่อนต่อไป
‘มรดกตกผลึก’ ขับเน้นให้เราตระหนักว่า ต่อให้เราจะรื่นเริงกับมุกตลกราคาห้าบาทสิบบาท หรือมุกฮาน้ำตาเล็ดมากแค่ไหน มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราหลุดพ้นจากความจริงอันน่าเศร้าที่ใครหลายคนรวมทั้งเรายังคงต้องเผชิญ ภายใต้โครงสร้างของสังคมการเมืองอันบิดเบี้ยว และชะตากรรมส่วนบุคคล
ประหนึ่งคุณเป็นนักแสดงบนเวทีที่ถูกเพื่อนเอาถาดตีหัวจากการเล่นมุกพูดผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถามว่าเจ็บไหม ก็ไม่ แต่พอถูกตีบ่อยเข้าก็รู้สึกรำคาญ และได้แต่เฝ้ารอให้มุกนี้มันผ่านไป แต่นั่นล่ะเพื่อนร่วมวงของคุณก็ยังคงไม่หยุดตี ทั้งที่ต่อให้เล่นซ้ำอีกกี่ที มุกนี้ก็ไม่ตลก
Fact Box
มรดกตกผลึก นวนิยายผลงานของ จักรพันธุ์ ขวัญมงคล ตีพิมพ์เมื่อปี 2018 กับสำนักพิมพ์แซลมอน