จากกรณีที่อนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน สภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติ 5 ต่อ 4 เห็นชอบโครงการจัดหาเรือดำน้ำ 2 ลำ ของกองทัพเรือ มูลค่ารวม 22,500 ล้านบาท ส่งผลให้เกิดกระแสวิจารณ์การลงมติครั้งนี้ จากฝ่ายการเมืองโดยมีการขอให้เลื่อนการจัดซื้อในปีงบประมาณนี้ออกไปก่อน นำงบประมาณที่จะจ่ายค่างวดในปีนี้ไปจ่ายในส่วนอื่นที่จำเป็น นำไปพื้นฟูเยียวยาให้ประชาชน หากเศรษฐกิจดี ค่อยกลับมาพิจารณากันอีกครั้ง
ในส่วนของประชาชนนอกจากมีการแสดงความไม่เห็นด้วยกับการจัดซื้อเรือดำน้ำตามโซเชียมีเดีย และมีการนำป้ายคัดค้านไปแสดงตามที่ชุมนุมต่างๆ แล้ว ในวันนี้ (31 สค.)เวลา 16.00น. ที่ สกายวอล์ค หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ องค์กรปลดเผด็จการเพื่อเสรีภาพ ได้นัดประชาชนรวมตัวกันแสดงจุดยืนคัดค้านการจัดซื้อเรือดำน้ำในการชุมนุมที่ชื่อว่า”ภาษีที่โบยบิน”โดยภายในการชุมนุมมีการปราศรัยจากกลุ่มนักศึกษาถึงความคุ้มค่าในการจัดซื้อเรือดำน้ำและอาวุธต่างๆ ที่กองทัพพยายามจะผลักดัน ทางผู้จัดได้นำกระดาษมาให้ผู้ร่วมชุมนุมเขียนข้อความแล้วนำไปติดที่ลูกโป่งที่จะถูกปล่อยในช่วงหลังเคารพธงชาติ นอกจากนี้ยังมีการฉีกภาพพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมีตำรวจทั้งในและนอกเครืองแบบหลายสิบนายยืนสังเกตการณ์อยู่รอบๆ บริเวณจัดการชุมนุม
ทั้งนี้มีการรายงานในช่วงบ่ายของวันนี้ว่า อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงที่ทำเนียบรัฐบาลว่าจากการจัดซื้อเรือดำน้ำจำนวน 2 ลำ ของกองทัพเรือ ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องนั้น รัฐบาลโดยกระทรวงกลาโหมได้ตัดสินใจแจ้งไปยังอนุกรรมการวิสามัญพิจารณาร่าง พรบ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 สภาผู้แทนราษฎรว่า จะขอชะลอการจัดซื้อออกไปอีก 1 ปี โดยมอบหมายให้กองทัพเรือเป็นผู้เจรจากับทางการจีนถึงความจำเป็นในการชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำ
สำหรับการจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการในกองทัพเรือไทย ได้อนุมัติจัดซื้อเรือดำน้ำ Yuan Class S26T จากประเทศจีน มีการลงนามตกลงกับทางการจีนไว้ทั้งหมดสามลำ โดยเป็นการซื้อแบบจีทูจี (รัฐบาลต่อรัฐบาล)มีมูลค่าลำละ 1.2 หมื่นล้านบาท รวมสามลำ 3.6 หมื่นล้านบาท ลำแรกได้จัดซื้อไปแล้วใช้งบประมาณปี 2560 โดยเป็นงบฯ ผูกพัน 7 ปี ใช้เวลาต่อเรือเป็นเวลา 6 ปี ส่วนลำที่สองและสามจะทยอยจัดซื้อให้แล้วเสร็จภายใน 11 ปี