ผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาสล่าสุดของบริษัท Tesla ส่งผลให้ราคาหุ้นทะยานแตะระดับสูงสุดที่ 1,208.66 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ทำให้มูลค่ากิจการสูงถึง 210 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แซงหน้าบริษัท Toyota คว้าตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าราว 3.5 เท่าของบริษัท General Motors และ Ford รวมกัน

หากย้อนกลับไปเมื่อต้นปี พ.ศ. 2561 ภาพในปัจจุบันอาจเป็นสิ่งที่เกินฝัน เพราะราคาหุ้นของ Tesla อยู่ที่ราว 200 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แถมอีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร Tesla ยังหาเรื่องทะเลาะกับหน่วยงานกำกับดูแลบนโซเชียลมีเดียอยู่เนืองๆ นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley เคยเตือนนักลงทุนว่าราคาหุ้น Tesla อาจตกฮวบเหลือเพียง 10 ดอลลาร์สหรัฐ หากกลยุทธ์ของบริษัทไม่สำเร็จดังใจหวัง 

ผลประกอบการสามไตรมาสล่าสุดของ Tesla เป็นเครื่องพิสูจน์ศักยภาพของกิจการ พลิกสถานะขาดทุนยาวนานตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเป็นผลกำไรต่อเนื่อง อีกทั้งยังไม่เจ็บตัวมากนักจากการระบาดของโควิด-19 โดยคงระดับยอดขายไว้ได้ ในขณะที่ผู้ผลิตรายอื่นยอดขายตกอย่างน้อยราว 30 เปอร์เซ็นต์ สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนว่า Tesla คืออนาคตของโลกยานยนต์

แม้ Tesla จะได้รับผลกระทบอย่างมากต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการถูกสั่งปิดโรงงานหลักในสหรัฐอเมริกา แต่รายได้ที่หดหายไปก็ได้รับการชดเชยจากโรงงานใหม่เอี่ยมในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ฐานการผลิตใหม่แห่งนี้ยังเปิดทางให้ Tesla จำหน่ายรถยนต์โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า

นอกจากนี้ Tesla ยังมีแผนจะสร้างโรงงานแห่งที่สาม ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี พร้อมทั้งเตรียมส่งมอบ Model Y รถยนต์ไฟฟ้า SUV ขนาดกลาง 7 ที่นั่งที่คาดว่าจะตีตลาดได้ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 53,000 ดอลลาร์สหรัฐ เทียบเท่ากับรถยนต์หรูแบรนด์อื่นที่ยังคงใช้น้ำมัน

ถึงแม้มูลค่าของ Tesla จะแซงหน้าบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota ก็จริง แต่หากเทียบในมิติของรายได้ และปริมาณรถยนต์ที่จำหน่ายได้ Tesla ก็ยังถือว่าห่างไกล โดยปี พ.ศ. 2562 Toyota จำหน่ายรถยนต์ทั้งสิ้น 10.46 ล้านคัน สร้างรายได้ราว 281 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วน Tesla จำหน่ายรถยนต์ได้ 367,200 คัน สร้างรายได้ 24.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีเดียวกัน

นอกจากนี้ Tesla ยังคงเผชิญความท้าทายด้านคุณภาพการผลิต จากการสำรวจประจำปีโดย J.D. Power พบว่าลูกค้าที่ซื้อรถยนต์จาก Tesla พบปัญหาเฉลี่ย 250 ปัญหาต่อรถยนต์ที่จำหน่าย 100 คัน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 166 ปัญหาต่อรถยนต์ที่จำหน่าย 100 คัน นอกจากนี้ รายได้ส่วนหนึ่งของ Tesla ยังไม่ได้มาจากการจำหน่ายรถยนต์ แต่เป็นการขายเครดิตทางสิ่งแวดล้อมให้กับบริษัทผลิตรถยนต์รายอื่นๆ

การที่ Tesla คว้าตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อศักยภาพในการเติบโตของบริษัท โดยนักวิเคราะห์มองว่าหาก Tesla สามารถครอง 70 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของตลาดยานพาหนะไฟฟ้า มูลค่าของบริษัทก็ยังเพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต

ที่มา:

https://www.nytimes.com/2020/07/02/business/tesla-sales-second-quarter.html

https://www.marketwatch.com/story/tesla-stock-rockets-higher-as-deliveries-crush-expectations-2020-07-02

https://www.ft.com/content/6338fbc7-fbb6-4512-a323-0cbb2a9165a9

https://www.nytimes.com/reuters/2020/07/01/business/01reuters-tesla-shares.html

ภาพ: REUTERS/Fabrizio Bensch

Tags: ,