เมื่อวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2018 ไต้หวันมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและการลงประชามติในประเด็นสำคัญอีก 10 เรื่อง สองเรื่องในนั้นคือประเด็นการแต่งงานของคนรักเพศเดียวกัน และอีกเรื่องคือชื่อของประเทศในการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬานานาชาติ

ปธน. ไช่ อิงเหวิน คู่กัดจีน ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค

ผลปรากฏว่า พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (Democratic Progressive Party) พ่ายแพ้การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีในหลายเมือง โดยชนะเลือกตั้งใน 6 เมือง ขณะที่พรรคก๊กมินตั๋งคว้าชัยชนะใน 15 เมือง ทั้งที่อีกเพียงแค่ปีกว่าๆ ก็จะถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ ทำให้ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของไต้หวัน ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อแสดงความรับผิดชอบ อย่างไรก็ตามเธอจะยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไปจนครบวาระในเดือนมกราคม 2020

รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ที่ยืนยันนโยบาย ‘จีนเดียว’ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับไช่ออกมาแสดงความเห็นทันทีว่า ผลการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่าประชาชนต้องการความสัมพันธ์อย่างสันติกับรัฐบาลปักกิ่ง โดยแถลงการณ์ของสำนักงานกิจการนโยบายไต้หวันของจีน (China’s policy-making Taiwan Affairs Office) กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมาสะท้อนเจตจำนงของไต้หวันในการรักษาความสัมพันธ์อย่างสันติกับจีน รวมทั้งความหวังในการพัฒนาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน

 

ชาวไต้หวันส่วนใหญ่ยังไม่ยอมรับการแต่งงานของเพศเดียวกัน

อีกประเด็นหนึ่งซึ่งเป็นที่จับตามองคือ ประชามติเรื่องการอนุญาตให้เพศเดียวกันแต่งงานกันถูกต้องตามกฎหมาย เพราะไต้หวันเป็นประเทศแรกในเอเชียซึ่งศาลรัฐธรรมนูญประกาศเมื่อพฤษภาคมปี 2017 ว่า คู่รักเพศเดียวกันมีสิทธิในการแต่งงานได้ตามกฎหมาย โดยกำหนดระยะเวลา 2 ปีในการทำให้ถูกกฎหมาย แต่รัฐบาลรีบดำเนินการท่ามกลางเสียงคัดค้านของกลุ่มอนุรักษนิยม

ผลการลงประชามติชี้ว่า ชาวไต้หวันยังยืนยันว่า การแต่งงานหมายถึงการแต่งงานระหว่างเพศชายและเพศหญิง ซึ่งได้คะแนนเสียงกว่า 7 ล้านเสียง นอกจากนี้ยังมีการลงประชามติเรียกร้องให้การแต่งงานของคนเพศเดียวกันต้องถูกกำกับด้วยกฎหมายที่แยกต่างหาก ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนกว่า 6 ล้านเสียง ขณะที่กฎหมายที่เสนอให้คนรักเพศเดียวกันได้รับสิทธิในการแต่งงานเหมือนกับคนต่างเพศได้รับเสียงสนับสนุน 3 ล้านเสียง

จากเรื่องสิทธิการแต่งงานแล้ว ยังมีการลงประชามติว่า ประเด็น LGBT ควรจะถูกใส่ลงไปในหลักสูตรการเรียนการสอนภาคบังคับหรือไม่ ผลปรากฏว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย

กลุ่ม Coalition for the Happiness of our Next Generation ซึ่งเป็นกลุ่มนักอนุรักษนิยมที่ต่อต้านการแต่งงานของคนเพศเดียวกันออกแถลงการณ์ต่อผลการลงประชามติว่า นี่เป็นชัยชนะของประชาชนที่เห็นคุณค่าของค่านิยมครอบครัว

ด้านตัวแทนกลุ่ม Marriage Equality Coalition Taiwan ซึ่งสนับสนุนความเท่าเทียมกันในการแต่งงานตำหนิรัฐบาลว่าไร้ความสามารถ และระบุว่าการถอยหลังของความเท่าเทียมทางเพศจะเป็นอันตรายมากต่อค่านิยมประชาธิปไตยของไต้หวัน

แม้รัฐบาลจะกล่าวว่าผลการลงประชามติ ไม่ส่งผลกระทบต่อคำตัดสินของศาลก่อนหน้านี้ แต่กลุ่มรณรงค์เพื่อสิทธิของคนรักเพศเดียวกันกังวลว่าจะทำให้ประเด็นสิทธิอ่อนแอลง ศาลไม่ได้ระบุชัดเจนว่าต้องการให้การแต่งงานของคนรักเพศเดียวกันได้รับการรับรองทางกฎหมายเท่ากับคนต่างเพศ จึงมีช่องว่างให้กับกลุ่มอนุรักษนิยมเรียกร้องกฎหมายที่แยกออกมา

เมื่อเดือนที่แล้ว เพิ่งมีการเดินขบวนของกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน (gay pride parade) ในกรุงไทเป ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเกือบ 130,000 คน และถือว่ามากที่สุดในเอเชีย

ส่วนการตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2020 ที่กรุงโตเกียวในนาม ‘ไต้หวัน’ หรือ ‘ไชนีส ไทเป’ ที่ถามว่า “คุณเห็นด้วยหรือไม่ที่ไต้หวันจะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬานานาชาติและโอลิมปิก 2020 ในโตเกียวโดยใช้ชื่อ ‘ไต้หวัน’? คนส่วนใหญ่ตอบ “ไม่” ทำให้ไต้หวันยังเข้าร่วมการแข่งขันด้วยชื่อ ‘ไชนีส ไทเป’ ตามข้อตกลง 1981โลซานน์

 

ที่มาภาพ: REUTERS/Ann Wang

ที่มา:

Tags: , , , , ,