ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วกับ เทศกาลภาพยนตร์สารคดีไต้หวันประเทศไทย 2019’  ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมไต้หวัน ร่วมกับ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย, ด็อกคิวเมนทารี่ คลับ, กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์  และ บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกันจัด ประสานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศไต้หวัน พร้อมสร้างการเรียนรู้แลกเปลี่ยนด้านศิลปะ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ การดำรงชีพของชาวไต้หวันผ่านทางแผ่นฟิล์ม

โดยในปีนี้ คัดสรรภาพยนตร์สารคดีคุณภาพที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความหลากหลายของวัฒนธรรมจากประเทศไต้หวัน พร้อมบทบรรยายภาษาไทย-อังกฤษ มาให้คอภาพยนตร์ได้ชมมากถึง 9 โปรแกรมฉาย และโปรแกรมภาพยนตร์สารคดีสั้นอีก 2 ชุด รวมกว่า 24 เรื่อง

เริ่มต้นที่ภาพยนตร์เปิดเทศกาล ‘Blood Amber’ ผลงานกำกับของ LEE Yong-chao ที่เคยได้รับการฉายมาแล้วที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโลการ์โนในปี 2017 และที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน 

เรื่องราวเกิดขึ้นในประเทศพม่า ที่มีป่าที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอำพัน และถูกควบคุมโดยกองกำลังอิสระคะฉิ่น เหล่าผู้อยู่อาศัยหาเลี้ยงชีพด้วยการขุดเหมืองแร่อำพันที่เป็นเหมือนความหวังหนึ่งเดียวที่จะพาพวกเขาออกจากความยากจน ท่ามกลางสภาพแวดล้อมในการทำงานที่แสนยากลำบาก การหลับใหลด้วยความหวาดกลัวการโจมตีจากกองกำลังของรัฐบาล ชีวิตที่นี่สิ้นหวังประหนึ่งปลายอุโมงค์เหมืองอันแสนมืดมิด

‘14 Apples’ ภาพยนตร์ที่ชนะรางวัลในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติมอสโก เรื่องราวของหวัง ชิน-ฮง นักธุรกิจใหญ่จากมัณฑะเลย์ที่กำลังประสบปัญหาจากการนอนไม่หลับ หมอดูแนะนำให้เขาซื้อแอปเปิล 14 ลูกและเดินทางไปยังอารามหนึ่งในชนบทของพม่าเป็นเวลาสองอาทิตย์ และให้ใช้ชีวิตเยี่ยงพระสงฆ์ ในแต่ละวันให้กินแอปเปิลลูกเดียวเป็นอาหาร เขาโกนหัว ดื่มด่ำกับชีวิตสงฆ์ และพยายามปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธศาสนา อย่างไรก็ตามในไม่ช้า เขาได้ประสบกับอีกมุมของความเป็นจริงว่าการปฏิบัตินี้ดูเหมือนจะอยู่ห่างไกลทฤษฎีจริงของมันเหลือเกิน

   

‘Our Youth In Taiwan’ ภาพยนตร์สารคดีที่ชนะรางวัลจากเวทีเทศกาลภาพยนตร์ม้าทองคำ หรือ Golden Horse Film Festival ปี 2018 ในสาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม ซึ่งเป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่ใหญ่เป็นลำดับต้นๆ ของเอเชีย เรื่องราวของคน 3 คน คนหนึ่งคือ นักเคลื่อนไหว ดาวเด่นในขบวนการนักศึกษาไต้หวันผู้ยืนหยัดต่อต้านจีน อีกคนคือ นักศึกษาชาวจีนผู้หลงรักไต้หวัน และสุดท้ายคือ ‘ฉัน’ ผู้กำกับหนังสารคดีไต้หวันผู้หลงใหลในการเมือง

พวกเขาสามคนอยู่ในหนังเรื่องนี้ ที่มีทั้งการจากลาและการเติบโตของวัยรุ่นที่เราพบเห็นได้ทั่วไป พวกเขามีความฝันร่วมกันว่า อยากสร้างประเทศให้ดีกว่าที่มันเคยเป็น พวกเขาต่อต้าน กระด้างกระเดื่องต่อรัฐบาล และหลังจากหนึ่งในเหตุการณ์การประท้วงที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวันในรอบ 24 ปีเกิดขึ้น

พวกเขาได้เข้าใกล้จุดที่จะเข้าใจได้ว่าต่อสู้ไปเพื่ออะไร แต่ด้วยอะไรบางอย่าง ทำให้พวกเขาค่อยๆ พานพบกับความผิดหวังที่เพิ่มขึ้นทีละน้อย มันจะเป็นไปได้ไหมที่พวกเขาจะยังคงต่อสู้ต่อไปเพื่ออุดมคติที่เขาตามหา อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ครั้งนั้นก็ได้ถูกบันทึกอยู่ในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ระหว่างจีนและไต้หวันเรียบร้อยแล้ว

‘Turning 18’ เรื่องราวของฮุยเฉิน หญิงสาวที่เกิดในครอบครัวชนพื้นเมืองที่บ้านแตกสาแหรกขาด ตลอดชีวิตเธอตามหาบ้านในอุดมคติมาโดยตลอด หลังจากอายุครบ 18 ปี เธอต้องตัดสินใจว่าเธอควรจะออกมาจากบ้านหรือไม่ และแม้ว่านั่นคือสิ่งที่เธอเลือก เธอจะสามารถทำมันได้จริงๆ หรือเปล่า เพราะเด็กสาวที่ตัดสินใจเช่นนั้น ถือเป็นตราบาปในสังคมเสมอ อย่างไรก็ตาม เมื่อสิ่งเดียวที่ครอบครัวมอบให้เธอคือ ภัยอันตรายที่ไม่รู้จบ เช่นนี้แล้วการออกจากบ้านจะเป็นเพียงการหลีกหนีที่ไร้ความรับผิดชอบ หรือเป็นการกระทำที่ถือว่าเป็นการรับผิดชอบต่อตัวเองกันแน่   

Turning 18

   

‘The Shepherds’ เล่าเรื่องของนักบวชหญิงผู้หนึ่ง ที่ได้ก่อตั้งโบสถ์สำหรับกลุ่มเพศทางเลือกขึ้นเป็นแห่งแรกในไต้หวัน นี่คือโบสถ์ที่มอบความปลอดภัยให้กับกลุ่มคนผู้ถูกปฏิเสธจากสังคมและศาสนามาโดยตลอด และแม้ว่าผู้ก่อตั้งจะเสียชีวิตแล้ว แต่สมาชิกของโบสถ์ก็ยังพยายามทุกวิถีทางให้เสียงและเรื่องราวของพวกเขาถูกได้ยิน

ในขณะที่ต้องเผชิญหน้ากับความไม่เป็นธรรม พวกเขาก็ต้องต่อสู้กับความขัดแย้งในศาสนาพร้อมกันไปด้วย แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พวกเขามุ่งมั่นที่จะสู้ต่อไป เพื่อหวังว่าสักวันความรักจะมีชัยเหนือความเกลียดชัง และความเข้าใจผิดทั้งหลายจะถูกแก้ไขได้ในที่สุด

นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์สารคดีมาให้เลือกชม อาทิ Your Face, Swimming on the Highway, Opening Closing Forgetting และภาพยนตร์สารคดีสั้นอีกกว่า 24 เรื่อง

เทศกาลภาพยนตร์สารคดีไต้หวันประเทศไทย 2019 จะจัดขึ้น ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม  – 3 พฤศจิกายน 2562 ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในราคาเริ่มต้นที่นั่งละ 200 บาท

และพิเศษในปีนี้เพื่อเปิดโอกาสให้คอหนังได้รับชมภาพยนตร์ในเทศกาลอย่างทั่วถึง จึงได้ไปจัดฉายอีก 2 ภาค 2 จังหวัด ทั้ง ภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ ที่โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า เม-ญ่า ไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดขอนแก่น ที่ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ ซีเนม่า เซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น ระหว่างวันที่ 9-10 พฤศจิกายน 2562 ในราคาเริ่มต้นที่นั่งละ 150 บาท

ผู้สนใจสามารถตรวจสอบรอบฉายและซื้อบัตรชมภาพยนตร์ล่วงหน้าได้ผ่านทางแอปพลิเคชั่น SF Cinema และ sfcinemacity.com ได้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านโซเชียลมีเดีย WeLoveSF หรือ #SFcinema และเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่หน้าโรงภาพยนตร์

Tags: ,