Tag: ธนาคารแห่งประเทศไทย

ที่ประชุมคณะกรรมการคัดเลือกประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย โดยในที่ประชุมมีมติเลือกให้ กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง สั่งให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายเหลือเพียงร้อยละ 2.25 ต่อปี

อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนมิถุนายน 2567 ที่เพิ่มขึ้น 0.62% เทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลกระทบจากค่าพลังงานทั้งไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิง รวมไปถึงราคาผักผลไม้สดที่ปรับลดลง

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ร้อยละ 2.5 ต่อปี โดยให้ความเห็นว่าเป็นอัตราที่สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจและเป็นการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน

ปิติ ดิษยทัต เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยว่าที่ประชุม กนง. ครั้งที่ 2/2567 มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.50 ต่อปี โดยอีก 2 เสียงเห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25 ต่อปี โดยมติเสียงข้างมากเหตุผลว่า อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวสอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน และมองว่านโยบายการเงินมีผลจำกัดในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างได้

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงผลการประชุม กนง.โดยคณะกรรมการฯ มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 2.50 ต่อปี โดย 2 เสียงเห็นควรที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.25 ต่อปี

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี (ttb analytics) ประเมินว่าภายในสิ้นปี 2567 หนี้ครัวเรือนของไทยจะเพิ่มสูงขึ้นไปอยู่ที่ 16.9 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 91.4% ของ GDP เป็นผลจากการที่เศรษฐกิจเติบโต้ช้าและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบของลูกหนี้ที่มีปัญหา ทำให้ต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบ

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เชิญ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ มาพูดคุยเพื่อหาทางออกเศรษฐกิจของประเทศ หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้สูงถึงร้อยละ 2.50 ทำให้ธนาคารพาณิชย์ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเป็นจริง สิ่งที่อยู่เบื้องหลังลึกไปกว่า ‘วิวาทะ’ ว่าด้วยกำไรธนาคารสูงเกินจริง และดอกเบี้ยเงินฝาก-ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่างกันมาก คือการพุ่งเป้าไปที่ธนาคารแห่งประเทศไทยพร้อมๆ กัน และพุ่งเป้าตั้งคำถามมากกว่าตัว ‘ธนาคารพาณิชย์’ ที่กำไรด้วยซ้ำ

การเปิดประเด็นของ ‘หนุ่มเมืองจันทร์’ สรกล อดุลยานนท์ นักเขียนและคอลัมนิสต์ ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดียถึงกรณีผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย 10 แห่ง ที่มีกำไรสุทธิรวมกันกว่า 2.2 แสนล้านบาท ว่า ตนไม่รู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ รู้สึกตะหงิดใจบ้างหรือไม่

ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แถลงข่าวที่กระทรวงดีอีเอส ถึงกระแสข่าวที่ลูกค้าธนาคารหลายแห่งถูกตัดเงินจากบัญชีโดยไม่ทราบสาเหตุ

‘เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ’  ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้แสดงความเห็นต่อเสถียรภาพทางการเงินของประเทศไทย ณ เวลานี้ไว้ว่าประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงแห่ง ‘ความท้าทาย’ ด้วยพิษเศรษฐกิจโควิด -19 รวมถึงยังเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เมื่อต้องเร่งปรับตัวให้ทันกับบริบทโลก ไม่ว่าจะด้านเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด, การเข้าสู่ยุคสังคมสูงวัย, การปรับเปลี่ยนของภูมิรัฐศาสตร์โลก และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)  ซึ่งปัญหาต่างๆดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วรุนแรงพร้อมซ้ำเติมความเปราะบางของเศรษฐกิจ และสังคมไทยที่สะสมมาอย่างยาวนาน ฉะนั้นแล้วเศรษฐกิจไทยจะเดินหน้าต่ออย่างมั่นคง ยั่งยืน ได้ภายใต้ความไม่แน่นอนจำเป็นต้องมี ‘ภูมิคุ้มกันทางการเงิน’