สวิตเซอร์แลนด์มีระบบเก็บอาหารบางชนิดไว้ในคลัง เช่น น้ำตาล ข้าว น้ำมัน และกาแฟเพื่อรับมือในยามฉุกเฉินหากอาจเกิดสงคราม ภัยพิบัติ หรือโรคระบาด ตั้งแต่ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2

แต่อยู่ๆ รัฐบาลเพิ่งบอกว่า กาแฟไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อชีวิต โดยเมื่อวันที่ 10 เมษายน รัฐบาลเปิดเผยว่าเตรียมการจะตัดกาแฟออกจากคลังอาหารสำรองของประเทศภายในปี 2022 ด้วยเหตุผลว่า กาแฟแทบจะไม่ให้พลังงานต่อร่างกายและไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ บริษัทต่างๆ ไม่ต้องสำรองกาแฟไว้อีกแล้ว

ทุกวันนี้ สวิตเซอร์แลนด์ต้องจ่ายเงินอุดหนุนให้กับการเก็บกาแฟไว้ในคลังอาหาร 3.75 ฟรังก์ต่อกาแฟ 100 กิโลกรัม ทำให้แต่ละปีต้องจ่ายเงินประมาณ 2.7 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นค่าชดเชยสำหรับการเก็บกาแฟของบริษัทต่างๆ จนถึงตอนนี้มีกาแฟเก็บอยู่ในคลังประมาณ 15,300 ตัน ที่ใช้บริโภคในประเทศได้ประมาณ 3 เดือน โดยเก็บมาจากผู้ผลิตกาแฟ 15 บริษัท

จากข้อมูลขององค์การกาแฟระหว่างประเทศ ชาวสวิส 8.5 ล้านคน บริโภคกาแฟประมาณ 9 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ถือว่ามากเมื่อเทียบกับชาติอื่นๆ ชาวอังกฤษบริโภคกาแฟ 3.3 กิโลกรัม ส่วนชาวอเมริกันบริโภค 4.5 กิโลกรัมต่อคนต่อปีเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมองว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจกาแฟ  เมื่อปีที่แล้ว Reservesuisse องค์กรที่ตรวจสอบคลังอาหารของสวิตเซอร์แลนด์เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนแผนการนี้ โดยบอกว่ามี 12 บริษัทจาก 15 บริษัทต้องการให้เก็บกาแฟไว้ต่อไปเพราะระบบที่มีอยู่ช่วยค้ำจุนห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งมองว่ารัฐบาลได้รับข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของกาแฟด้านเดียว

ทั้งนี้ จะมีการตัดสินใจเรื่องนี้อีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน

ที่มา:

 

Tags: , ,