5 เหตุผลที่ทำให้ Wonder Girls กลายเป็นที่รักของคนทั่วโลก

หากเอ่ยชื่อเกิร์ลกรุ๊ปจากฝั่งเกาหลี น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก ‘วันเดอร์เกิร์ลส์’ (Wonder Girls)

ด้วยเสน่ห์เหลือร้าย ความน่ารักของท่าเต้น ผสมผสานกับสไตล์เพลงที่เป็นเอกลักษณ์ วันเดอร์เกิร์ลส์จึงเป็นหนึ่งในเกิร์ลกรุ๊ปที่บุกเบิกกระแส Korean Wave และประสบความสำเร็จมากที่สุดในเกาหลี ข้อมูลจากเว็บไซต์ k-pendium.com ระบุว่าในปี 2009 เพลงฮิตติดหูตลอดกาลอย่าง Nobody ขายได้มากกว่า 300,000 ก๊อปปี้ในอเมริกา (ไม่นับยอดขายแบบดิจิทัล) และเป็นเพลงที่ขายดีที่สุดในจีนด้วยจำนวนดิจิทัลดาวน์โหลดกว่า 5 ล้านครั้ง

แม้ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2017 ‘JYP’ ค่ายเพลงต้นสังกัดจะประกาศยุบวงวันเดอร์เกิร์ลส์อย่างเป็นทางการ ปิดฉากตำนานหนึ่งทศวรรษของเหล่าสาวมหัศจรรย์พร้อมคราบน้ำตาของ Wonderful (ชื่อแฟนคลับวง) และแฟนเคป็อปทั่วโลก

The Momentum รวบรวมเคล็ดลับที่ทำให้ศิลปินกลุ่มนี้ประสบความสำเร็จ พร้อมร่วมหาคำตอบว่า เหตุใดพวกเธอจึงเป็นที่รักของคนทั่วโลกมากว่า 10 ปี และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

1. มีเพลงฮิตติดหูมากมาย

นับตั้งแต่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในวงการเคป็อปเมื่อปี 2007 พวกเธอก็เดินหน้าประสบความสำเร็จและสั่งสมชื่อเสียงในด้านบวกมาโดยตลอด พร้อมฝากบทเพลงชื่อดังประดับไว้ในวงการเป็นจำนวนมาก เช่น Irony (2007), Tell Me (2008), So Hot (2008), Be my Baby (2011) หรือ Nobody (2009)

โดยเฉพาะเพลงหลังสุด หนึ่งในเพลงยอดฮิตตลอดกาลที่ทำให้โลกเริ่มรู้จักเหล่าสาวมหัศจรรย์ และวงการเคป็อปมากขึ้น ทั้งยังได้รับการทำขึ้นใหม่ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ ครั้งหนึ่งในปี 2009 Nobody ยังเคยไต่ขึ้นอันดับที่ 76 ในผัง Billboard Hot 100 ของสหรัฐมอเมริกาอีกด้วย

เชื่อกันว่าสาเหตุที่ทำให้เพลงของพวกเธอฮิตติดหูคนฟังเป็นเพราะเทคนิคการใช้ท่อนฮุกเป็นคำภาษาอังกฤษสั้นๆ ตามชื่อเพลง แล้วร้องย้ำวนซ้ำหลายๆ ครั้ง เช่น Irony, Tell me และ Nobody

2. การเปลี่ยนแปลงในวงที่ไม่เคยทำให้เหล่าสาวมหัศจรรย์รักกันน้อยลง

ในช่วงแรกของการฟอร์มวง ฮยอนอา (HyunA) อดีตแรปเปอร์เคยขอถอนตัวไปเมื่อปี 2007 ด้วยปัญหาด้านสุขภาพ การตัดสินใจในครั้งนั้นทำให้เกิดเสียงวิพากษ์ในทางลบ จนมีคำกล่าวที่ว่า “หากไม่มีฮยอนอา ก็ไม่ใช่วันเดอร์เกิร์ลส์” ภายหลัง JYP เลือก คิมยูบิน (Kim Yoo-bin) มาแทนในตำแหน่งแรปเปอร์ และสาวผิวสีน้ำผึ้งรายนี้ก็ใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองไม่นาน ก่อนกลายมาเป็นที่รักของเพื่อนในวง และบรรดาแฟนคลับ

ซอนมี (Sunmi) สมาชิกอีกคนก็เคยลาออกจากวงในปี 2010 ด้วยเหตุผลเรื่องการศึกษาต่อ ก่อนจะกลับมาร่วมวงอีกครั้งในปี 2015 โดยช่วงที่เธอออกจากวง JYP ได้เลือก ฮเยริม (Hye-rim) เด็กฝึกหัดในค่ายเข้ามาแทน ในช่วงแรกเธอโดนกระแสต่อต้านจากแฟนคลับมากมาย แต่เธอก็ใช้ความสามารถและความอดทนพิสูจน์ตัวเองจนแฟนคลับใจอ่อนและเปิดใจยอมรับเธอในที่สุด

โซฮี (So-hee) สมาชิกน้องเล็กของวงก็ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาในปี 2013 เพื่อเน้นการทำงานด้านการแสดงภาพยนตร์ที่ตนชอบ ดังที่เราได้เห็นเธอใน Train to Busan หัวหน้าวงอย่าง ซอนเย (Sun-ye) ก็ตัดสินใจออกจากวงในปี 2014 เพื่อเข้าสู่พิธีแต่งงานและเริ่มต้นชีวิตครอบครัวที่แคนาดา

ครั้งหนึ่งวันเดอร์เกิร์ลส์เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร THE STAR ว่าพวกเธออยากหนีจากการฝึกฝนทุกครั้งที่เหน็ดเหนื่อย แต่ เยอึน (Ye-eun) ก็คอยทำหน้าที่พี่ใหญ่ให้กำลังใจ และอดทนกับสมาชิกในวงมาโดยตลอด

แม้ช่วงที่ผ่านมาวันเดอร์เกิร์ลส์จะต้องรับมือและฝ่าฟันกับอุปสรรคของการเปลี่ยนแปลงสมาชิก แต่สมาชิกทุกคนต่างก็เข้าใจและยอมรับการตัดสินใจของเพื่อน ขณะเดียวกันก็พร้อมโอบรับและช่วยเหลือสมาชิกใหม่ในการปรับตัวมาตลอด

3. ไม่หันหลังให้กับความล้มเหลว

หลังประสบความสำเร็จจากเพลง Nobody ในปี 2008 ค่ายเพลง JYP พยายามผลักดันส่งพวกเธอสู่อุตสาหกรรมเพลงสหรัฐอเมริกา เมื่อเพลง Nobody ของ 5 สาว กลายเป็นซิงเกิลขายดีอันดับ 1 ประจำปี 2009 ของ Billboard และเป็นศิลปินเกาหลีใต้รายแรกที่มีเพลงติดอันดับชาร์ต Billboard Hot 100

แต่สุดท้าย 5 สาววันเดอร์เกิร์ลส์กลับไม่สามารถปักธงในตลาดเพลงที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ ทั้งยังเสียความนิยมในตลาดเพลงบ้านเกิดให้กับศิลปินรุ่นน้อง ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นการเสียโอกาส และนับเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของวงและ พัคจินยอง (Park Jin-young) โปรดิวเซอร์ของค่าย

แต่พัคจินยองกลับเขียนข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขาว่า “การส่งวันเดอร์เกิร์ลส์ไปอเมริกาตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา คือการที่เราได้ใช้เวลาในตลาดเพลงที่ดีที่สุดในโลก และรับประสบการณ์ความรู้ที่มีค่ามากกว่าเงินพันล้านวอน”

หลังจากนั้นวันเดอร์เกิร์ลส์กลับมาเน้นผลิตผลงานในเกาหลีมากขึ้น พวกเธอยังคงมีแฟนคลับคอยให้กำลังใจอยู่เสมอ แม้จำนวนอาจไม่มากเท่าเดิม แต่ก็ถือเป็นความน่าประทับใจที่สมาชิกทุกคนไม่หันหลังให้กับความล้มเหลว

4. จากเกิร์ลกรุ๊ปสู่วงดนตรีสาวสุดเปรี้ยว: การปรับตัวเพื่อความอยู่รอด

หลังห่างหายจากตลาดเพลงเกาหลี 3 ปี วันเดอร์เกิร์ลส์ (เหลือสมาชิก 4 คน) กลับมามีผลงานเพลงใหม่ในปี 2015 กับอัลบั้ม REBOOT พร้อมสลัดภาพลักษณ์จากเกิร์ลกรุ๊ปสู่วงดนตรีหญิงสไตล์เรโทรป็อปผสมอิเล็กโทรนิกยุค 80s จากความกล้าในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้พวกเธอได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก

สาวมหัศจรรย์มาพร้อมกับเครื่องดนตรีคู่กาย โดยมีฮเยริมเล่นในตำแหน่งกีตาร์ ยูบินในตำแหน่งมือกลอง เยอึนเล่นในตำแหน่งมือคีย์บอร์ด และซอนมีในตำแหน่งมือเบส โดยที่ทุกคนใช้ความพยายามในการฝึกฝนอย่างจริงจังกว่า 1 ปี ถึงแม้อัลบั้ม REBOOT จะไม่ประสบความสำเร็จด้านยอดขาย แต่ก็ได้รับเสียงวิจารณ์ไปในทางบวก และได้รับการยกย่องให้เป็นอัลบั้ม K-Pop ที่ดีที่สุดประจำปี 2015

การปรับรูปแบบของวงครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความกระหายในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และไม่มีเรื่องใดที่ยากเกินความพยายามของพวกเธอ

5. ความสามารถรอบด้าน

นอกจากจะเป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่มีความสามารถด้านการร้องและเต้น วันเดอร์เกิร์ลส์ยังถนัดการร้องเพลงสากล พิสูจน์จากการขึ้นโชว์ตามรายการเพลงต่างๆ