หลังจากที่ใช้เวลาพิจารณามากกว่า 5 ปี ในที่สุดเมื่อวันอังคารที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมาศาลฎีกาเกาหลีใต้ก็มีคำวินิจฉัยออกมาว่า บริษัท นิปปอนสตีล แอนด์ ซูมิโตโม คอร์เปอร์เรชั่น (Nippon Steel & Sumitomo Metal Corp) ของญี่ปุ่นควรจะจ่ายเงินชดเชย 100 ล้านวอน หรือประมาณ 87,680 เหรียญสหรัฐให้กับโจทก์ทั้งสี่คน ซึ่งยื่นฟ้องในกรณีที่พวกเขาถูกบังคับให้ทำงานในโรงเหล็กระหว่างปี 1941-1943
โดยโจทก์ทั้งสี่คนยื่นฟ้องบริษัท นิปปอนสตีลฯ ต่อศาลแขวงกลางตั้งแต่ปี 2005 ต่อมาในปี 2012 ศาลวินิจฉัยว่าทางบริษัทไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับโจทก์ แต่หลังจากนั้นได้มีการกลับคำตัดสินในปี 2013 กลายเป็นให้บริษัทจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์คนละ 100 ล้านวอน ทำให้บริษัทยื่นอุทธรณ์ และเมื่อผ่านไป 5 ปี ผลการตัดสินก็ออกมาว่าฝ่ายโจทก์ผู้เรียกร้องสิทธิเป็นผู้ชนะ
แต่ในทั้งหมด 4 คนที่ยื่นฟ้อง ในปัจจุบันมีเพียงลี ชุน-ซิค (Lee Chun-sik) อายุ 94 ปีที่ยังคงมีชีวิตอยู่ระหว่างการต่อสู้ทางกฎหมายซึ่งกินเวลาเกือบ 14 ปี “ผมชนะคดีนี้ แต่ผมอยู่ที่นี่คนเดียว ผมเศร้า น้ำตากำลังไหลออกมา” เขาบอกกับผู้สื่อข่าวหลังจากทราบคำวินิจฉัย “มันคงจะดีถ้าเราอยู่ที่นี่ด้วยกัน” เขากล่าว
เหตุที่ฝ่ายโจทก์เป็นผู้ชนะในคดีความนี้ เนื่องจากศาลปฏิเสธข้อโต้แย้งของบริษัทที่ว่า นิปปอนสตีล แอนด์ ซูมิโตโม คอร์เปอร์เรชั่น ในปัจจุบันเป็นคนละบริษัทกับที่กดขี่แรงงานทาสในครั้งนั้น เนื่องจากนิปปอนสตีลฯ ในปัจจุบันเกิดจากการรวมตัวกันของหลายๆ บริษัทหลังผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 และบริษัทที่ควรต้องรับผิดชอบเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่มารวมอยู่ในนิปปอนสตีลฯ
ฝ่ายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นกล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะตอบโต้ “อย่างเด็ดขาด” ต่อคำพิพากษาซึ่งเขาอธิบายว่า “เป็นไปไม่ได้ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ” เขากล่าวว่าคำพิพากษานี้ละเมิดข้อตกลงในสนธิสัญญาพื้นฐานว่าด้วยการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลี ที่ลงนามร่วมกันในปี 1965 ซึ่งให้ญี่ปุ่นชำระหนี้เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตไปแล้ว ส่วน ทาโระ โกโนะ (Taro Kono) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นกล่าวว่า ญี่ปุ่นควรจะใช้โอกาสนี้ในการนำคดีดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
ส่วนบริษัทบอกว่าคำตัดสินนี้ “น่าสลดใจอย่างยิ่ง” และบริษัทจะทบทวนคำตัดสินด้วยความระมัดระวัง เพื่อพิจารณาการดำเนินการขั้นต่อไป โดยจะพิจารณาจาก “การตอบโต้ของรัฐบาลญี่ปุ่นในเรื่องนี้และปัจจัยอื่นด้วย”
ด้านประธานาธิบดีมุนแจอินแห่งเกาหลีใต้ ยังไม่แสดงท่าทีใดๆ ต่อคำพิพากษานี้ ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้กล่าวว่า ญี่ปุ่นและเกาหลีควรรวบรวมสติปัญญา เพื่อป้องกันไม่ให้คำตัดสินส่งผลกระทบทางลบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ
ประธานาธิบดีมุนแจอิน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นตัวแทนของแรงงานทาสชาวเกาหลีใต้ในฐานะทนายความ ช่วงปี 2000 กล่าวหลังจากดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้วว่า สนธิสัญญาในปี 1965 ไม่สามารถปิดกั้นปัจเจกบุคคลจากการใช้สิทธิเพื่อให้ได้รับเงินชดเชยความเสียหายได้ เพราะถึงญี่ปุ่นจะจ่ายเงิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐแก่เกาหลีใต้ตามสนธิสัญญา 1965 ซึ่งถือว่าเป็นการชำระหนี้ปฏิกรรมสงครามครบถ้วนแล้ว แต่ศาลฎีกาเกาหลีใต้กล่าวว่า สนธิสัญญานี้ไม่รวมถึงสิทธิของบุคคลในการเรียกร้องค่าชดเชยจากประสบการณ์ไร้มนุษยธรรมที่พวกเขาได้รับ
จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเกาหลีใต้และญี่ปุ่นมีข้อพิพาทกันโดยตลอด ทั้งประเด็นที่ผู้หญิงเกาหลีใต้ถูกบังคับให้บริการทางเพศแก่ทหารญี่ปุ่นในช่วงสงคราม ความซับซ้อนจากการร่วมมือกันระหว่างสามประเทศกับสหรัฐอเมริกาเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ และอิทธิพลของจีนที่กำลังเติบโตในภูมิภาคนี้
คำพิพากษาของศาลสูงเมื่อวันอังคารที่ 30 ต.ค. ยังอาจถูกนำไปใช้กับคดีที่คล้ายกันที่ค้างอยู่ในเกาหลีใต้ และอาจจะเป็นประเด็นที่นำไปสู่การถกเถียงกันทางการทูตระหว่างประเทศในเอเชียที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาด้วย
คิม จิน ยัง (Kim Jin-young) นักเคลื่อนไหวจากกลุ่มที่เป็นตัวแทนของเหยื่อแรงงานทาสชาวเกาหลีใต้กล่าวว่า คำตัดสินจะส่งผลต่อคดีอื่นๆ ที่ค้างอยู่ในศาลท้องถิ่นจำนวนหนึ่ง รวมถึงคดีกับบริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่อินดัสตรี่ส์ (Mitsubishi Heavy Industries) ที่อยู่ในศาลฎีกา คำตัดสินจะทำให้เหยื่อชาวเกาหลีใต้อีกหลายคนหรือครอบครัวของพวกเขายื่นฟ้องต่อบริษัทญี่ปุ่นที่กดขี่แรงงานทาส
“มีอุปสรรคอีกมากมายที่เหลืออยู่ก่อนที่เหยื่อจะได้รับค่าชดเชย การต่อสู้ทางกฎหมายอาจไปถึงประเทศโลกที่สาม การยึดทรัพย์สินของบริษัทในเกาหลีใต้ (ในกรณีที่บริษัทไม่ยอมจ่ายค่าชดเชย) อาจเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานานและยาก ถ้าพวกเขายังคงปฏิเสธที่จะจ่ายเงินแก่เหยื่อ” คิมกล่าว
ที่มา:
https://www.nbcnews.com/news/world/south-korea-orders-japanese-firm-pay-wwii-forced-labor-n926051
http://time.com/5438709/korea-japan-court-forced-labor-compensation/
เครดิตภาพ: JUNG YEON-JE / AFP
หมายเหตุ: ภาพดังกล่าวเป็นภาพการประท้วงของชาวเกาหลีใต้ เมื่อปี 2015 ที่มีต่อท่าทีของญี่ปุ่นที่ไม่แสดงความรับผิดชอบในกรณีสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเฉพาะกรณี comfort woman
Tags: ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สงครามโลกครั้งที่ 2, แรงงานทาส