เมื่อ 100 ปีที่แล้ว เขาเคยได้รับ ‘ปรีซ์ กองคูร์ต’ อันเป็นรางวัลสำคัญสูงส่งด้านวรรณกรรมของฝรั่งเศสบ้านเกิดของเขา และเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปีนี้เอง Éditions de Fallois-สำนักพิมพ์เล็กๆ ในกรุงปารีส ได้ตีพิมพ์ผลงานนวนิยายสั้น บันทึก และเรื่องสั้นฉบับภาษาฝรั่งเศส ที่ไม่เคยได้รับการเผยแพร่มาก่อนของนักเขียนมีชื่อเสียงผู้นี้

ความจริงแล้ว ต้นฉบับส่วนนี้ของมาร์เซล พรูสต์ (Marcel Proust) ไม่ใด้เพิ่งถูกค้นพบ หากมันถูกเก็บรวบรวมไว้ที่แบร์นารด์ เดอ ฟัลลัวส์ (Bernard de Fallois) ผู้เชี่ยวชาญงานเขียนของพรูสต์และผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์ กระทั่งเมื่อเดือนมกราคม 2018 เขาเสียชีวิต และได้แจ้งไว้ในพินัยกรรมว่า มีต้นฉบับของพรูสต์จำนวนเจ็ดลังในคลังของเขา พร้อมทั้งมอบหมายให้ลุค แฟร์สสฺ (Luc Fraisse) นักวิจารณ์วรรณกรรม เป็นคนจัดการกับต้นฉบับเหล่านั้น

วันพุธที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ปรากฏผลงานต้นฉบับที่สูญหายไปของมาร์เซล พรูสต์ ชื่อปก Le Mystérieux Correspondant et autres nouvelles inédites (จดหมายโต้ตอบที่ลึกลับ และนิยายขนาดสั้นอื่นที่ยังไม่เคยตีพิมพ์)

เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่า ผลงานนวนิยายสั้นและเรื่องสั้นชุดนี้มาร์เซล พรูสต์เคยเขียนไว้ใน Les Plaisirs et les Jours (Pleasures and Days) นวนิยายเรื่องแรกของเขาเมื่อปี 1896 ซึ่งตอนนั้นเขาเพิ่งอายุ 25 ปี ทว่านักเขียนหนุ่มกลับตัดทอนต้นฉบับส่วนนี้ออกจากเรื่องดังกล่าว

ลุค แฟร์สสฺมองว่าน่าจะมีเหตุผลสองประการ หนึ่ง-พรูสต์อาจรู้สึกไม่พอใจกับเนื้อหาส่วนนี้ เหมือนเช่นงานเขียนอีกหลายชิ้นที่เขาเขียนไม่จบ อีกเหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะว่า เนื้อหาหลายส่วนเกี่ยวข้องกับการรักเพศเดียวกัน อันเป็นเรื่องน่าละอายสำหรับพรูสต์ เนื่องจากในสังคมชั้นสูงที่พรูสต์ใช้ชีวิตอยู่นั้นค่อนข้างเคร่งในเรื่องศีลธรรมจรรยา

ในช่วงที่แบร์นารด์ เดอ ฟัลลัวส์ยังมีชีวิต เขาเองก็เชื่อว่า เนื้อหาส่วนที่พรูสต์ตัดทอนออกจากเล่ม Les Plaisirs et les Jours น่าจะเป็นเพราะประเด็นรักเพศเดียวกัน ที่พรูสต์อาจเกรงว่าจะทำให้ภาพรวมหนังสือรวมเรื่องสั้นของเขาเปลี่ยนไปทิศทางอื่น

มาร์เซล พรูสต์ไม่เคยปกปิดความรู้สึกรักใคร่ลุ่มหลงในเพศเดียวกันเป็นความลับ เรื่องราวเหล่านี้ปรากฏเป็นหลักฐานในจดหมายที่เขาเขียนโต้ตอบกับนักประพันธ์เพลงชื่อเรย์นัลโด ฮาห์น (Reynaldo Hahn) แต่ต้นฉบับที่ถูกเก็บซ่อนมานานนี้ สำนักพิมพ์ฟัลลัวส์ชี้แจงว่าเป็นเสมือนบันทึกประจำวันของนักเขียน ที่อำพรางด้วยรูปแบบเรื่องแต่ง แตกต่างกับงานเขียนเล่ม À la recherche du temps perdu (In Search of Lost Time) ผลงานเจ็ดเล่มระหว่างปี 1913-1927 ที่โด่งดังที่สุดของพรูสต์ ที่มีช่วงเวลาพิลึกพิลั่นของการรับรู้เรื่องรักร่วมเพศว่าเป็น ‘ประสบการณ์น่าเศร้าที่คล้ายเป็นคำสาป’

นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้นิยายสั้นมีความพิเศษมากขึ้นคือ ความจริงที่มันสะท้อนให้เห็นถึงที่มาและตัวตนของมาร์เซล พรูสต์ จากการที่เขาทดลองเล่าเรื่องด้วยรูปแบบต่างๆ อุทิศตัวเองเพื่อหัวข้อที่เขาหยิบฉวยขึ้นมาในภายหลัง และยึดมั่นในรูปแบบของงานจนกลายเป็นสไตล์การเขียนของตนเองในเวลาต่อมา เหมือนเช่นที่สำนักพิมพ์กล่าวถึงผลงานนิยายสั้นเล่มล่าสุดของพรูสต์ที่ยังไม่เคยเปิดเผยมาก่อน ว่า มันนำเรากลับไปสู่ต้นกำเนิดของเล่ม À la recherche du temps perdu

ผลงานของมาร์เซล พรูสต์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นงานเขียนสำคัญแห่งวรรณกรรมฝรั่งเศสยุคศตวรรษที่ 20 ผลงานทั้งหมดของเขาประกอบด้วยนวนิยาย เรื่องสั้น และจดหมาย ที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าตลอดช่วงชีวิตเขาเขียนไว้ราว 90,000 ฉบับ จากที่เขาเริ่มเขียนมาตั้งแต่อายุ 17 ปี หากคิดเฉลี่ยแล้วเท่ากับว่า เขาเขียนมันเจ็ดฉบับต่อวัน

และพรูสต์ใช้เวลาส่วนใหญ่เขียนระหว่างที่เขานอนอยู่บนเตียง “สิบห้าปีมาแล้วที่ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่บนเตียงนอน” เขาเขียนเล่าในจดหมายเมื่อปี 1919 ขณะอายุ 48 ปี และยังเหลือเวลาประคองชีวิตอยู่ต่ออีกสามปี สาเหตุเพราะโรคหอบหืดที่เขาเริ่มเป็นครั้งแรกตอนอายุเก้าขวบ

ระหว่างป่วยไข้ เขาขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง รอรับมือกับอาการหอบหืดที่เกิดขึ้นในตอนค่ำทุกๆ สิบสี่วัน เมื่อการโจมตีของมันสงบลง เขาถึงลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก

พรูสต์นอนติดเตียง และเขียนหนังสือระหว่างที่เอนตัวนอน เขามีโต๊ะเขียนหนังสือแต่ไม่เคยได้ใช้ เขาเขียนบรรยายในจดหมาย “ข้าพเจ้าต้องนอนเขียน ใช้ข้อศอกยันฟูก เขียนได้สักสิบบรรทัดก็ต้องหยุด” เนื่องจากเขาต้องตื่นในช่วงค่ำและเข้านอนตอนเจ็ดโมงเช้า เขาจึงใช้เวลาในช่วงกลางคืนเขียนจดหมาย ระหว่างที่เพื่อนๆ ที่เขาเขียนถึงนั้นกำลังหลับใหล

งานเขียนหลายชิ้นที่เขาเขียนในเวลากลางคืนไม่ได้เป็นเครื่องช่วยชีวิตของเขา แต่นั่นคือชีวิตของเขา ที่พร้อมบอกกล่าวเล่าขาน อ้อนวอน รำพัน ไปจนถึงตัดพ้อ ว่าเขาเจ็บป่วยเกินกว่าจะเขียนอะไรได้ และอาจต้องตายในเร็ววัน กระทั่งถึงปี 1917 ซึ่งคล้ายเป็นช่วงปีที่ดีที่สุดสำหรับการเขียนของเขา จดหมายกลายเป็นบทสนทนาในชีวิตที่เชื่อมโยงเขากับเพื่อนๆ ที่นานๆ ครั้งกว่าที่เขาจะได้พบเจอ จดหมายเป็นเสมือนสิ่งแลกเปลี่ยนและการยอมรับ ‘ความโดดเดี่ยว’ ที่เขาต้องเผชิญ

ปี 1919 ที่มาร์เซล พรูสต์ได้รับรางวัลกองคูร์ต เป็นปีที่เขาย้ายที่อยู่ครั้งสุดท้าย ไปยังบ้านเลขที่ 44 ถนนลามิรัล อาเมอแลง กระทั่งเสียชีวิตในวันที่ 18 พฤศจิกายน 1922 ขณะอายุ 51 ปี

 

อ้างอิง:

Tags: , ,