สิ่งซึ่งเธอต้องการมาตลอดทั้งชีวิตก็คือ การได้ร้องเพลง และการได้พบคนที่ ‘ใช่’ ในชีวิต

เอมี ไวน์เฮาส์ (Amy Winehouse) เป็นลูกสาวของคนขับแท็กซี่และเภสัชกร เกิดและเติบโตขึ้นในเซาธ์เกต ย่านชานเมืองของลอนดอน ใช้ชีวิตในสถานศึกษาด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย บางคราวก็สร้างวีรกรรมกบฏเอากับครูผู้สอน นั่นเพราะเธอมีความสนใจจดจ่ออยู่กับสิ่งเดียว คือ ดนตรี

“ฉันอยากมีชื่อเสียงโด่งดัง”

ตอนอายุ 12 เอมีพกพาความมั่นใจไปสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนซิลเวีย ยัง เธียเตอร์ เธอเขียนแนะนำตัวในใบสมัคร “ฉันอยากเรียนร้องเพลง และไม่อยากฟังครูที่พูดตลอดเวลาว่า ฉันควรจะหุบปาก ฉันอยากมีชื่อเสียงโด่งดัง ฉันอยากให้ผู้คนได้ยินเสียงร้องของฉัน และคลายความทุกข์กังวลของตนเองไปสักห้านาที ฉันอยากให้ผู้คนจดจำฉันได้”

ผู้อำนวยการโรงเรียนรู้สึกทึ่งในความสามารถของเอมี “เธอมีเสียงที่หนักแน่นและไพเราะ ฉันคิดว่าเธอน่าจะเป็นจูดี การ์แลนด์ หรือเอลลา ฟิตซ์เจอรัลด์คนถัดไปได้เลย” ซิลเวีย ยัง (Sylvia Young) ทวนความจำในหลายปีถัดมา ส่วนเอมีนั้นแสดงอาการลิงโลดเมื่อได้รู้ว่า สถาบันปั้นศิลปินที่มีชื่อเสียงที่สุดของลอนดอนอ้าแขนรับเธอเข้าเรียนแล้ว

ความสำเร็จมาเร็ว

เอมี ไวน์เฮาส์เพิ่งอายุได้ 19 ปีตอนที่เธอเซ็นสัญญากับค่ายเพลง ปีถัดมาเธอมีผลงานอัลบั้มแรก ‘Frank’ ออกมา และมันสามารถไต่ชาร์ตเพลงฮิตของอังกฤษได้ถึงอันดับ 3 เอมีไม่เพียงแต่เปล่งเสียงร้อง แต่เธอยังแต่งเพลงเองด้วย ‘Frank’ เพลงหนึ่งในอัลบั้มเป็นบทเพลงที่เธอเขียนเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของเธอกับแฟนเก่า

นักวิจารณ์พากันชื่นชมว่า เอมีเป็นนักร้องผิวขาวที่มีสุ้มเสียงแบบคนผิวสี ส่วนตัวเธอเองนั้นกลับรู้สึกว่าตนได้รับแรงบันดาลใจจากนักร้องยุคทศวรรษ 1960s มากกว่า เธอมีนักร้องต้นแบบอย่างซาราห์ วอห์น ดินาห์ วอชิงตัน และเอลลา ฟิตซ์เจอรัลด์ อีกทั้งภาพลักษณ์ของเธอก็ยังเป็นแนวเดียวกับนักร้องในยุคสมัยนั้น ไม่ว่าทรงผมรังผึ้งหรือการเขียนอายไลเนอร์ที่คมชัดซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของเธอ แต่ทว่ายิ่งเธอประสบความสำเร็จมากขึ้นเท่าใด เธอยิ่งหาความสุขจากการปรากฏตัวบนเวทีได้น้อยลงเท่านั้น เวลาแสดงคอนเสิร์ตต่อหน้าฝูงชนเธอรับรู้ได้ถึงความกลัว บ่อยครั้งหลังจากงานแสดงเธอมักเตร็ดเตร่ไปตามคลับหรือบาร์ เธอจมดิ่งไปกับแอลกอฮอล์เพื่อดับความทุกข์กังวลในใจตนเอง

ความรักนำพาไปสู่ความสำเร็จ

ระหว่างตระเวนไปตามคลับบาร์ เอมีได้รู้จักกับหนุ่มขี้ยาชื่อ เบลก ฟีลเดอร์-ซิวิล (Blake Fielder-Civil) และเริ่มตกหลุมรักเขา แต่แฟนหนุ่มคนใหม่ยิ่งทำให้เธอดิ่งลึกลงในโลกของยาเสพติดและแอลกอฮอล์หนักขึ้น กระทั่งไม่กี่เดือนถัดมาเขาสลัดรักเธอไปหาผู้หญิงคนใหม่ เอมีผู้โหยหาความรักถึงกับใจสลาย อัลบั้ม ‘Back To Black’ ในปี 2006 เธอเขียนบทเพลงเศร้าที่กลั่นกรองมาจากความปวดร้าวของจิตใจ แต่ก็ส่งให้เธอได้รับรางวัลแกรมมีคราวเดียวถึงห้ารางวัล และทำให้เธอกลายเป็นศิลปินดังระดับโลก

โดยเฉพาะเพลง ‘Rehab’ นั้นสามารถไต่ขึ้นติดอันดับเพลงฮิต เป็นบทเพลงที่บรรยายถึงความพยายามอย่างสิ้นหวังของมิตช์ (Mitch) พ่อและผู้จัดการของเธอ ที่ต้องการจะนำตัวลูกสาวของตนเข้ารับการบำบัดในคลินิก เอมีใช้เวลาเขียนเพลงนี้เพียงสองชั่วโมง และได้กลายเป็นเพลงประจำชาติของบรรดากบฏรุ่นใหม่ที่เป็นคนชายขอบของสังคม

บทอวสานที่แสนเศร้า

18 เดือนหลังจากตัดขาดความสัมพันธ์ วันหนึ่งเบลก ฟีลเดอร์-ซิวิลก็กลับเข้ามาในชีวิตของเอมีอีกครั้ง ทั้งสองแต่งงานกัน แต่เอมีกลับไม่พบความสุขเหมือนเก่า ปี 2009-เวลาผ่านไปยังไม่ครบสองปี การหย่าร้างก็เดินทางมาถึง เรื่องงานของเธอก็คล้ายถึงทางตัน บ่อยครั้งเธอมักขึ้นเวทีพร้อมความเมามาย สุ้มเสียงที่ก่อนเคยมีพลังก็กลับแหบพร่า ไม่น่าฟัง จนผู้ชมต้องโห่ไล่ เอมีจำเป็นต้องยุติคอนเสิร์ต และฝ่ายจัดการต้องออกมาชี้แจงถึงสาเหตุของการระงับทัวร์การแสดงเพราะ ‘เหตุผลด้านสุขภาพ’ แต่ความจริงแล้วทุกคนต่างรู้ดีว่า เอมี ไวน์เฮาส์มีปัญหาเรื่องติดสุรา ภายในห้องพักอพาร์ตเมนต์ของเธอมีสภาพไม่ต่างอะไรกับกองขยะ ทุกซอกมุมมีแต่ขวดเหล้า ส่วนตัวเธอนั้นร่างกายผ่ายผอม และหลงเหลือเพียงเงาของ ‘ตัวตน’ ในอดีตเท่านั้น

วันที่ 23 กรกฎาคม 2011 บอดีการ์ดเข้าไปพบร่างไร้วิญญาณของเอมีภายในห้องพัก ในกรุงลอนดอน ผลชันสูตรศพระบุว่าระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

“เธอสามารถร้องเพลงปลุกชีวิตได้อย่างไม่มีใครเหมือน” นักข่าวสายดนตรีของซันเดย์ ไทม์สเขียนถึงเอมีหลังจากเธอเสียชีวิต “แต่เธอกลับไม่สามารถใช้ชีวิตของตัวเองได้”

เอมี ไวน์เฮาส์เสียชีวิตในวัย 27 ปี

สมาชิก Club 27

ตราบถึงทุกวันนี้ยังไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมร็อกสตาร์หลายคนจึงเสียชีวิตที่วัย 27 บางทีมันอาจเป็นเรื่องบังเอิญที่น่าเศร้า เหมือนเช่น เอมี ไวน์เฮาส์ ที่เมื่อแปดปีที่แล้ว เธอเพิ่งกลายเป็นสมาชิกคนล่าสุดของ Club 27…

เคิร์ต โคเบน (Kurt Cobain) ทำอัตวินิบาตกรรมเมื่อเดือนเมษายน 1994 ด้วยปืนลูกซอง งานอาชีพ ยาเสพติด และกระเพาะอาหารที่ป่วยไข้นั้นดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าครอบครัวของเขา ความตายของโคเบนไม่เพียงเป็นจุดจบของวง Nirvana หากมันยังเป็นบทอวสานของยุคกรันจ์ เพลงต่อต้านการปรับตัว และโลกแห่งเทคโนที่มีสีสันแห่งยุค 1990s ไปด้วย

จิม มอร์ริสัน (Jim Morrison) คือตัวตนของจิตวิญญาณแห่งยุค 1960s ตอนปลาย เขาเป็นนักร้อง กวี และหัวหน้าวง The Doors ที่มักมองเห็นด้านมืดของคนส่วนใหญ่ในสังคม และเขามักสะท้อนภาพเหล่านั้นออกมาเป็นบทเพลง แต่เมื่อทุกอย่างไม่ตอบสนองอย่างที่เขาต้องการจะให้เป็น ท้ายที่สุดแล้วเขาจึงเป็นฝ่ายเลือกเองที่จะไป มอร์ริสันเสียชีวิตในตอนเช้าของวันที่ 3 กรกฎาคม 1971 ในกรุงปารีส ผลชันสูตรศพระบุสาเหตุการตายคือ หัวใจหยุดเต้น

ไบรอัน โจนส์ (Brian Jones) มือกีตาร์และผู้ร่วมก่อตั้งวงเดอะ โรลลิง สโตนส์ ระหว่างที่เพื่อนในวงคนอื่นๆ พยายามปรับภาพลักษณ์ของตนเองและวง พยายามไม่หมกมุ่นกับสังคมปาร์ตี้เป็นหลัก แต่โจนส์กลับฝังตัวเองอยู่กับยาเสพติดแบบถอนตัวไม่ขึ้น อีกทั้งยังสร้างปัญหาให้กับคนรอบข้าง จนเพื่อนๆ ถึงกับผลักไสออกจากวง โจนส์เสียชีวิตในสระว่ายน้ำของตนเองเมื่อเดือนกรกฎาคม 1969 

จิมี เฮนดริกซ์ (Jimi Hendrix) ไอคอนร็อก และไอดอลแห่งยุคยาเสพติด เขาคือสัญลักษณ์แห่งการเคลื่อนไหวของมวลบุปผาชน รวมถึงเทพกีตาร์ เขาสร้างชื่อและอยู่ในวงการแค่เพียงสี่ปี ก่อนที่ดนตรีของเขาจะกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมระหว่างตนเองกับผู้คน เขาถอนตัวออกมาพร้อมความรู้สึกหงุดหงิด และเสพยาหนักหน่วง เช้าวันหนึ่งในเดือนกันยายน 1970 เขากลืนยานอนหลับไปคราวเดียวเก้าเม็ด อาเจียนในขณะหลับ และหายใจไม่ออก

จานิส โจปลิน (Janis Joplin) เริ่มทุกสิ่งอย่างพร้อมกัน ทั้งร้องเพลง ดื่มสุรา เสพยา และงานอาชีพ ช่วงเป็นนักเรียนในไฮสคูลเธอมักถูกเพื่อนกลั่นแกล้งและเสียดสี “ฉันเป็นคนชายขอบ ฉันอ่าน ฉันวาดเขียน ฉันครุ่นคิด ฉันไม่เคยเกลียดนิโกร” ก่อนจะค้นพบเพลงบลูส์ และโฟล์กในแบบของตนเอง “บนเวทีฉันหลับนอนกับผู้คนราวสองหมื่นห้าพันคน แล้วฉันกลับบ้านตามลำพังคนเดียว” โจปลินเสียชีวิตในเดือนตุลาคม 1970 จากการเสพเฮโรอีนเกินขนาด ภายในห้องพักของแลนด์มาร์ก โมเต็ล (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นโรงแรมไฮแลนด์ การ์เดนส์)

ริชีย์ เอ็ดเวิร์ดส์ (Richey Edwards) นักร้องวง Manic Street Preachers ในช่วงปลายของยุคพังค์ ที่นิยมสวมใส่เสื้อผ้าสีแสบ แต่งหน้าจัดจ้าน เนื้อหาเพลงน่าเกลียด เวลามีใครข้องใจในความน่าเชื่อถือของวง เอ็ดเวิร์ดส์ก็ดึงมีดออกจากผิวหนัง ดูคล้ายอาการของคนโรคจิต เพียงแต่มีน้อยคนที่สังเกต เอ็ดเวิร์ดส์หายสาบสูญไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1995 อย่างไร้ร่องรอย และเป็นปีที่เขาอายุครบ 27 พอดี

อ้างอิง:

 

Tags: ,