ความคืบหน้ากรณี สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือที่เรียกกันด้วยฉายาว่า ‘จ่านิว’ นักกิจกรรมทางการเมือง ถูกคนร้ายสี่คนรุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกใบหน้าหักและเบ้าตาแตก ในช่วงกลางวันวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในพื้นที่ สน.มีนบุรี และปัจจุบันยังจับคนร้ายไม่ได้
วันนี้ (2 ก.ค.2562) เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. พัฒน์นรี ชาญกิจ แม่ของสิรวิชญ์ ได้เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยระบุว่าเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายลูกชายตนเกิดขึ้น 2 ครั้งภายในเดือนเดียวกัน คนร้ายลงมืออย่างเป็นระบบ มีการวางแผน ไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย การปล่อยให้คนร้ายกระทำความผิดได้อย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ทำให้คนร้ายลำพองใจและสามารถกระทำการเช่นนี้กับบุคคลอื่นๆ ได้ จึงขอเรียกร้องให้ตำรวจเร่งรัดการสืบสวน ติดตามคนร้ายเพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นถึงความปลอดภัยในชีวิตของคนในสังคม และคืนความเป็นธรรมให้แก่ลูกชายของตน
นอกจากนี้ พัฒน์นรี ยังยืนยันว่าลูกชายเป็นนักกิจกรรมเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ต่อต้านการรัฐประหารและการสืบทอดอำนาจของ คสช. มาตลอดเวลา 5 ปี นอกจากเรื่องดังกล่าวนี้ ลูกชายของตนไม่เคยมีศัตรูหรือมีปัญหาเรื่องส่วนตัวกับบุคคลใด
ช่วงเช้าวันเดียวกัน นักกิจกรรมกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย นำโดย ชลธิชา แจ้งเร็ว พร้อมด้วย สหภาพนักเรียน นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย และ วรัญชัย โชคชนะ ประธานกลุ่มพลังประชาธิปไตย ร่วมกับประชาชนจำนวนหนึ่งวางพวงหรีด ดอกไม้จันทน์ และอ่านแถลงการณ์ในกิจกรรม ‘ร่วมไว้อาลัย ยุติธรรมไทยไม่คุ้มครองผู้เห็นต่าง’ หลังเกิดเหตุนักกิจกรรมการเมืองถูกทำร้ายร่างกายอย่างต่อเนื่อง
วรัญชัยระบุว่า การที่กลุ่มคนร้ายรุมทำร้ายจ่านิวจนได้รับบาดเจ็บสาหัส กระทบกระเทือนถึงเสถียรภาพรัฐบาล หากยังจับคนร้ายไม่ได้ และยังกระทบต่อความรู้สึกของคนไทย รวมถึงชาวโลกที่มองว่าประเทศไทยล้าหลัง ผู้เห็นต่างถูกลิดรอนเสรีภาพ ขาดความปลอดภัย
ต่อมากลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยได้อ่านแถลงการณ์ไว้อาลัยกระบวนการยุติธรรมไทย โดยระบุว่าการประทุษร้ายต่อร่างกายนักกิจกรรมทางการเมือง การข่มขู่ผ่านโทรศัพท์ รวมถึงการบังคับสูญหายต่อผู้ลี้ภัยทางการเมืองอีกหลายราย ทั้งหมดสะท้อนถึงความล้มเหลวของการรัฐประหารโดย คสช. ความล้มเหลวของหน่วยงานพิทักษ์สันติราษฎร์และกระบวนการยุติธรรม อีกทั้งยังสร้างข้อสงสัยว่าอำนาจรัฐเป็นผู้บงการหรือรู้เห็นเป็นใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทางกลุ่มจึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐเร่งดำเนินการเพื่อนำผู้ก่อเหตุมาลงโทษตามกฎหมาย
ด้านกลุ่มสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย อ่านจดหมายเปิดผนึกถึง ผบ.ตร.ระบุว่า การก่อเหตุทำร้ายสิรวิชญ์ทั้งสองครั้งถือเป็นการกระทำอันอุกอาจและรุนแรงส่งผลให้ถึงแก่ชีวิตได้ ทางสหภาพฯ จึงขอให้ ผบ.ตร.ดำเนินการให้ตำรวจเร่งสืบหาตัวผู้กระทำผิดเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมภายใน 7 วัน เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนและความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของประชาชน
ค่ำวานนี้ (1 ก.ค.) นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ พร้อมด้วยประชาชนจำนวนหนึ่ง รวมตัวกันจุดเทียน ชูป้าย “หยุดคุกคามประชาชน” และ “หยุดทำร้ายคนคิดต่าง” รวมทั้งถือภาพวาดลายเส้นนักกิจกรรมที่ถูกลอบทำร้ายร่างกาย และอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้หยุดทำร้ายนักกิจกรรมและประณามการใช้ความรุนแรง
เนื้อหาสำคัญในแถลงการณ์ระบุว่า นักกิจกรรมที่เรียกร้องประชาธิปไตยถูกทำร้ายหลายต่อหลายครั้ง เช่น เอกชัย หงส์กังวาน ถูกทำร้ายร่างกาย 7 ครั้ง และเผารถยนต์ 2 ครั้ง อนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือฟอร์ด เส้นทางสีแดง ถูกทำร้าย 2 ครั้ง และสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว ถูกทำร้ายร่างกาย 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในย่านชุมชนทีมีกล้องวงจรปิด แต่ตำรวจไม่เคยจับคนร้ายได้แม้แต่ครั้งเดียว ทางกลุ่มฯ จึงขอประณามการกระทำดังกล่าว และขอเรียกร้องให้รัฐบาล ตำรวจ ออกมารับผิดชอบและเร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว และขอให้สังคมลุกขึ้นมาเคลื่อนไหว คัดค้านความรุนแรงที่เกิดขึ้นในทุกรูปแบบ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทุกฝ่าย และนำความสงบคืนสู่สังคมไทย
Tags: สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, ทำร้ายร่างกาย, พัฒน์นรี ชาญกิจ