EP ล่าสุดจาก MAMAMOO ‘Mic ON’ นับเป็นอัลบั้มขนาดสั้นที่ดึงดูดแฟนเพลงขาจรของวงอย่างเราให้หันกลับมาสนใจ หลังจากห่างหายจากการติดตามงานไปพอสมควร แม้จะเปิดฟังบัลลาดไตเติลอย่าง Where Are We Now ฟังบ้างนานๆ ครั้ง และรู้สึกว่า mumumumuch ก็เบาสบายและสดชื่นดีตอนที่ได้ฟังครั้งแรก แต่ต้องยอมรับว่าพอห่างหายจากการฟังไปสักพัก ก็แทบจะลืมไปเลยว่าทำนองเป็นอย่างไร

ทันทีที่ได้ฟัง 3 เพลงจากอีพีล่าสุดในช่วงเตรียมตัวมาร่วมชมคอนเสิร์ต จึงรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เพราะเริ่มได้กลิ่นอายเสียงร้องแบบ R&B ติด jazzy นิดๆ ที่ชื่นชอบมาจากอัลบั้มเก่า โดยเฉพาะในเพลงไตเติ้ล ‘ILLELLA’ ที่มีดนตรี reggaeton เป็นพื้นหลัง

จากวงไอดอลนอกสายตา สู่เจ้าของเสียงร้องที่ชาวเกาหลีเชื่อมั่น

MAMAMOO เป็นเกิร์ลกรุ๊ปไอดอลจาก RBW ค่ายเพลงขนาดเล็กที่กำลังค่อยๆ ขยายตัว ปัจจุบันสมาชิกของวงทั้ง 4 คน โซลาร์ ฮวีอิน ฮวาซา รวมถึงมุนบยอลที่ไม่ได้มีตำแหน่งในวงเป็นนักร้องหลัก ต่างได้รับการยอมรับในด้านทักษะการร้องจากผู้ฟังทั้งขาจรและขาประจำในเกาหลี

นอกจากงานเพลงของวงที่โดดเด่นแล้ว สมาชิกแต่ละคนยังประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยว แต่กว่าพวกเธอจะปีนป่ายบันไดชื่อเสียงที่สูงชันมาถึงจุดนี้ได้ ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมาไม่น้อย

ภาพ: MAMAMOO

หลังจากวงผ่านช่วง breakthrough และเริ่มมีชื่อเสียงแล้ว โซลาร์ พี่ใหญ่ของวง ได้เปิดเผยในการสัมภาษณ์ว่า

ช่วงก่อนเดบิวต์เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก หลายคนบอกว่า ‘เด็กพวกนี้ทำไม่ได้หรอก’ หรือไม่ก็ ‘ถ้าการแสดงไม่สมบูรณ์แบบล่ะก็ พวกเธอจบเห่แน่’ เพราะรูปร่างหน้าตาเราไม่ได้ไร้ที่ติ ตอนที่ท่านประธานแนะนำเราให้บริษัทอื่นและบรรดาเส้นสายของเขารู้จัก พวกเขายังบอกอีกว่า ‘พวกเธอแป้กแน่ เพราะเตี้ยเกินไป แถมยังดูไม่เหมือนไอดอลเลย’

นอกจากนี้ ขณะที่พูดคุยกับเมมเบอร์ใน vlog ที่เผยแพร่ในปี 2018 เธอก็ยังเล่าถึงช่วงหลังเดบิวต์ในปี 2014 ว่า “ช่วงแรกๆ ที่เดบิวต์ อาจไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรให้เราทำเท่าไรนัก แต่ในช่วงที่มี เราได้เจอคนเยอะมาก บางครั้งคนพวกนั้นดูถูกเรา และนั่นก็ทำให้เราโกรธ ทำให้เราอยากพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาคิดผิด ฉันคิดว่าในท้ายที่สุดแล้ว นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้เราแกร่งขึ้น

และเมื่อพิจารณาจุดยืนที่มั่นคงของ MAMAMOO แม้จะอยู่โลกของไอดอล K-pop ที่รูปร่างหน้าตาสามารถชี้เป็นชี้ตายเส้นทางอาชีพของศิลปินได้ คำพูดของโซลาร์นั้นไม่ถือว่าเกินจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะผลงานของวงก็พิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ความสามารถของ MAMAMOO เข้มข้นเกินกว่าจะถูกเจือจางลง เพียงเพราะไม่ยอมคล้อยตามมาตรฐานความงามกระแสหลัก

ฮวีอินกับการตัดสินใจออกจากค่าย แต่ไม่ออกจากวง

ในช่วงกลางปี 2021 ฮวีอินประกาศว่าเธอจะไม่ต่อสัญญากับต้นสังกัดเดิมของวงคือ RBW แต่จะยังคงทำกิจกรรมร่วมกับวงไปจนถึงเดือนธันวาคม 2023 (เป็นอย่างน้อย) โดยให้เหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจในครั้งนี้ไว้ว่า เธอต้องการเริ่มต้นใหม่กับเส้นทางอาชีพศิลปินของเธอในสภาพแวดล้อมที่ต่างออกไปจากเดิม

นั่นหมายความว่า World Tour MY CON ในครั้งนี้ อาจเป็นการแสดงคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบร่วมกันครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของทั้งสี่คนในฐานะ MAMAMOO ก่อนจะต้องพักงานวงไปสักระยะ เพื่อให้เมมเบอร์แต่ละคนไปโฟกัสกับงานเดี่ยว หรือซับยูนิตแทน

และนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้มูมู่ไทยตั้งหน้าตั้งตาคอยที่จะได้เจอสาวๆ ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ หลังจากเวลา 3 ปีอันยาวนานของการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ทำให้ไม่ได้พบกัน

MAMAMOO World Tour [MY CON] in Bangkok

ชื่อคอนเสิร์ต ‘MY CON’ ในสายตาของคนทั่วไปอาจฟังดูไม่พิเศษอะไร แต่สำหรับมูมู่ที่รู้ว่าเป็นการเล่นคำให้พ้องเสียงกับชื่ออัลบั้ม Mic ON และรู้ว่านี่เป็นเวิลด์ทัวร์ครั้งแรกของสาวๆ ย่อมรู้ว่าชื่อทัวร์ที่เรียบง่ายและดูไม่มีอะไรนี้ จริงๆ แล้วก็มีความหมายแฝงซ่อนอยู่

สถานที่ที่ใช้จัดคอนเสิร์ตคือ Exhibition Hall 5 ของ Impact Arena ความจุ 4,400 ที่นั่ง ซึ่งเป็นฮอลล์ขนาดเล็กลงมา สำหรับ MAMAMOO ที่มีขนาดฐานแฟนคลับในไทยไม่ใหญ่นัก การเลือกจัดคอนเสิร์ตเพียงรอบเดียวอาจเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง แม้ว่าฮอลล์จะไม่ได้แน่นขนัด เต็มเอี้ยดทุกที่นั่ง แต่หากมองด้วยตาก็จะเห็นว่ามีที่ว่างในโซนนั่งน้อยมาก จนแม้แต่ตัวศิลปินก็ยังเอ่ยปากบอกว่าประทับใจที่เห็นว่าแฟนๆ มากันเต็มฮอลล์

ในส่วนของโซนยืน ถึงจะมีที่ว่างมากกว่าโซนนั่ง แต่บรรยากาศก็เป็นไปอย่างคึกคัก ด้วยความที่ไม่ยัดคนในกลุมจนแน่นเกินไป ก็มีส่วนทำให้รู้สึกสนุกได้เต็มที่มากขึ้น บวกกับความใกล้เวทีเป็นพิเศษ จึงเห็นสีหน้าท่าทางและการแสดงของศิลปินชัดสมราคาตั๋ว

สาวๆ เปิดโชว์ด้วยเพลง b-side จังหวะสนุกสนานอย่าง ‘1, 2, 3, Eoi’ ตามด้วยเพลงเดบิวต์ ‘Mr. Ambiguous’ ที่เซ็ตมู้ดและโทนของโชว์ได้เป็นอย่างดี คั่นด้วยช่วง Talk สั้นๆ ก่อนจะขึ้นโชว์หลักซึ่งประกอบไปด้วยเพลงเด่นจากอัลบั้มต่างๆ

หากถามถึงช่วงที่น่าจดจำที่สุดในคอนเสิร์ต คงหนีไม่พ้นช่วง Solo Stage ซึ่งมีลูกเล่นตรงที่เมมเบอร์แต่ละคนจะไม่แสดงเพลงของตัวเอง แต่จะแสดงเพลงของเมมเบอร์คนอื่นๆ แทน

เริ่มจากโซลาร์กับสไตล์แบบฮิปฮอปตามคอนเซปต์เพลง water color ของฮวีอิน ฮวาซากับคอสตูมเท่ๆ และเพลง Eclipse ของมุนบยอล ฮวีอินที่เลือก HONEY เพลงแนวเฮ้าส์ของโซลาร์มาแสดง และมุนบยอลในลุคเซ็กซี่แปลกตากับเพลง TWIT ของฮวาซา

นอกจากจะสร้างความแปลกใจให้แฟนๆ ได้แล้ว ภาพลักษณ์ที่แปลกไปจากเดิม เพื่อความสอดคล้องกับคอนเซปต์ของเมมเบอร์คนอื่นยังเรียกเสียงกรี๊ดได้สนั่นฮอลล์

สำหรับเรา ช่วง Talk ของ MAMAMOO ก็นับเป็นไฮไลต์ของคอนเสิร์ตไม่ต่างจากช่วงแสดง เพราะสาวๆ เตรียมบทพูดภาษาไทยมาเยอะมาก

เป็นที่รู้กันในหมู่แฟนๆ ว่าเมมเบอร์ทุกคนมีเซนส์วาไรตี้ที่ยอดเยี่ยม และดูเหมือนกำแพงภาษาจะไม่เป็นอุปสรรคสำหรับพวกเธอเลย เพราะทุกคนยังคงผลัดกันปล่อยมุกตลกได้ แม้ว่าจะกำลังพูดบทภาษาไทยที่จำมาก็ตาม

และสำหรับไอดอลตลกขี้เล่นอย่างสี่สาว แค่ประโยคจีบธรรมดาๆ คงไม่พอ ประโยคที่เตรียมมาจึงมีทั้งท่อนเพลงไวรัล “โดนัทยังมีรู แล้วเมื่อไรมูมู่จะมีใจ” สแลงอินเทอร์เน็ตตลกๆ อย่าง “ปังไม่ไหว” และประโยคภาษาไทยน่ารักๆ อีกมากมายที่ยังคงมีมาให้ได้ยินเรื่อยๆ จนจบคอนเสิร์ต

ถ้าจะต้องเลือกคำจำกัดความที่ทำให้คอนเสิร์ตของสาวๆ ในครั้งนี้ต่างจากประสบการณ์การชมคอนเสิร์ตครั้งอื่นๆ คำที่เราเลือกคงจะเป็นคำว่า ‘ใกล้ชิด’

แน่นอนว่าศิลปินทุกวงที่ได้มาพบหน้าแฟนคลับย่อมพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างเสียงหัวเราะและหยอกล้อกับแฟนๆ อย่างสนิทสนม แต่บุคลิกเข้าถึงง่ายและอารมณ์ขันโดยธรรมชาติของ MAMAMOO เป็นสิ่งที่เลียนแบบได้ยาก และนั่นเป็นสิ่งที่แม้แต่เราที่ไม่ได้เป็นมูมู่ ก็ยังสัมผัสได้ตลอดช่วงเวลา 2 ชั่วโมงที่อยู่ในฮอลล์

ที่มา

D-SHOW THAILAND

KOKO CONNECTION

https://www.koreaboo.com/news/mamamoo-constant-rejection-fail-idols-visuals/ 

https://www.teenvogue.com/story/wheein-mamamoo-rbw-next-era-interview

Tags: , , , , , , , , ,