วินเดน (Winden) เป็นเมืองเล็กๆ ในเขตป่าดำของเยอรมนี ที่นั่นมีบ้านเรือนทรุดโทรม โรงเรียนที่ดูรกร้าง และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์บริเวณชานเมือง ที่ประชากรทั้งหมดมีส่วนพึ่งพาทางการเงินไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ในวินเดนนี้เอง ที่เคยมีเหตุการณ์เด็กหายสาบสูญไปเมื่อปี 1986 จนมาถึงปี 2019 เริ่มมีเหตุการณ์คล้ายกันเกิดขึ้นอีกครั้ง ‘มิกเคล’ คือเหยื่อรายใหม่ เป็นลูกชายคนสุดท้องของครอบครัวนีลเซน พร้อมกันนั้นยังปรากฏศพของเด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งดูจากสภาพการแต่งกายคล้ายหลุดมาจากยุคหนึ่งในอดีต

ระหว่างใครบางคนพยายามที่จะไขความลับเรื่องราวการหายตัวไปของเด็ก ชาวเมืองคนอื่นๆ ดูเหมือนจะสนใจที่จะเก็บซ่อนทุกอย่างไว้ใต้พรมเพื่อไม่ให้เกิดคำถามที่ไม่มีใครอยากตอบว่า มีอะไรซุกซ่อนอยู่ภายในถ้ำที่ใกล้ๆ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หรือทำไมเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองนี้จึงดูเหมือนจะวนลูปไปเรื่อยๆ

Dark ซีรีส์สัญชาติเยอรมันของ Netflix เปิดซีซันแรกเมื่อปี 2017 ได้อย่างน่าติดตาม ทุกประโยคถ้อยความดูมีความหมายลึกซึ้ง ทุกอิริยาบถลึกลับ และภาพถ่ายครอบครัวทุกภาพล้วนบ่งบอกถึงลางร้ายหรือหายนะ เมื่อผู้ชมเริ่มคุ้นกับจังหวะของซีรีส์แล้ว ก็จะเริ่มสนใจใคร่รู้เรื่องราวของตัวละครและเหตุการณ์ต่างๆ มากขึ้น

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ชนวนความเคลือบแคลงสงสัย

เยอรมนีเริ่มทดลองใช้พลังงานนิวเคลียร์ผลิตกระแสไฟฟ้าครั้งแรกในปี 1957 ที่เมืองการ์ชิง ก่อนจะเริ่มผลิตกระแสไฟฟ้านิวเคลียร์เพื่อการพาณิชย์อย่างจริงจังในปี 1961 ในเมืองคาห์ล กระทั่งล่วงถึงทศวรรษ 1970s ยังมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตามมาอีก 7 แห่ง ในยุคนั้นนับเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง

ตลอดเวลาที่ผ่านมามีทั้งประชาชนที่เห็นด้วยและคัดค้าน คำถามหลักที่ทุกคนอยากรู้คือเรื่องของความปลอดภัย และการจัดเก็บขยะนิวเคลียร์ ที่ใครๆ ก็รู้ว่ามันไม่มีทางละลายหรือสูญหายไปไหนในชั่วชีวิตคนหนึ่งคน

ในซีรีส์ Dark ก็เช่นเดียวกัน ชาวเมืองพากันแคลงใจกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ชานเมือง เมื่อได้สัมผัสกับเหตุการณ์ประหลาดรอบตัว จนกระทั่งปี 1986 เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเชอร์โนบิล คำถามเดิมเรื่องความปลอดภัยได้หวนกลับมาส่งเสียงดังอีกครั้ง

ในซีรีส์เผยให้เห็นความไม่โปร่งใสของผู้ประกอบการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในวินเดน มีการลักลอบขนถ่ายขยะนิวเคลียร์ และการกักเก็บขยะไม่เป็นไปตามกฎระเบียบ จนนำไปสู่หายนะในตอนท้ายของซีรีส์ซีซันที่หนึ่ง และเป็นเหตุการณ์ของวินเดนในปี 2052

วิปริตเวลา กับ ‘เดจาวู’

บรรทัดฐานหลักของซีรีส์ Dark คือความไม่เป็นเชิงเส้นของเวลา แทนที่จะลำดับเหตุการณ์เชิงเส้นเวลาตามปกติของอดีต ปัจจุบัน อนาคต แต่กลับเผยแนวคิดแบบวนซ้ำ ให้ตัวละครหวนกลับมาเจอสิ่งที่เคยเจอมาแล้วซ้ำอีก

ซีรีส์เริ่มจาก ‘โยนาส คาห์นวัลด์’ (Jonas Kahnwald) ตัวเอกของเรื่อง หลังจากที่ มิคาเอล คาห์นวัลด์ พ่อของเขาฆ่าตัวตาย ทำให้เขาต้องเข้ารับการบำบัดทางจิตอยู่นานหลายเดือน และหวนกลับไปโรงเรียนอีกครั้ง ระหว่างนั้นก็มีข่าวการหายตัวไปของเด็กชายคนหนึ่ง ไม่ช้า ต่อมาก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น และเป็นเหตุให้ ‘มิกเคล’ เด็กในกลุ่มที่เขาคุ้นเคยก็หายตัวไปอีกครั้ง โดยที่เขาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย

 

*หลังจากนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์

 

จนเมื่อโยนาสค้นพบเส้นทางการท่องเวลากลับไปหาอดีตได้ ทำให้เขาค้นพบด้วยว่า แท้จริงแล้ว ‘มิกเคล’ เด็กวัยสิบขวบที่หายสาบสูญไปนั้น กลับพลัดหลงเข้าไปอยู่ในช่วงเวลาของปี 1986 ที่นั่นเขายังพบกับ ‘ฮันนาห์’ ซึ่งเป็นแม่ของเขาในวัยเด็กด้วย ก่อนจะรับรู้คำตอบในภายหลังว่า มิกเคลคือมิคาเอล คาห์นวัลด์ พ่อของเขา จากนั้นความพยายามที่จะยับยั้งไม่ให้พ่อของเขาฆ่าตัวตายในปี 2019 จึงเริ่มขึ้นในซีซัน 2 และ 3

มาร์ธา นีลเซน (Martha Niesel) นางเอกของเรื่อง มีส่วนเกี่ยวพันกับโยนาสฐานะแฟนสาวในโลกของปัจจุบัน ต้องสับสนกับความพยายามที่จะเปลี่ยนทุกสิ่งอย่างของชายคนรัก กว่าจะมารู้ความจริงในตอนหลังว่าความรักของพวกเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะมิกเคลคือน้องชายของเธอในโลกปี 2019 ที่กลายมาเป็นพ่อของโยนาส และสถานะที่แท้จริงของเธอก็คือเป็น ‘ป้า’ ของโยนาสด้วย

ตัวละครโยนาสและมาร์ธาในอนาคตจึงเข้ามามีบทบาทในความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงอดีต จนกลายเป็นความขัดแย้งเหมือนการต่อสู้กันระหว่างแสงและเงา ความชั่วร้ายและดีงาม จนถึงโลกของอดัมและอีวา

แต่ท้ายที่สุดแล้ว ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดมาจาก ไฮน์ริช กุสตาฟ ทันน์เฮาส์ (H. G. Tannhaus) ที่เกิดในปี 1913 มีอาชีพเป็นช่างนาฬิกา (และต่อมาเป็น) นักเขียนเจ้าของผลงานหนังสือ Eine Reise durch die Zeit (การเดินทางข้ามเวลา) ซึ่งในปี 1986 เขาต้องเสียลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลานในอุบัติเหตุรถยนต์ จึงพยายามคิดค้นไทม์แมชีนเพื่อย้อนเวลากลับไปยับยั้งโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น

ทันน์เฮาส์เชื่อว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในรอบ 33 ปี ตามปฏิทินจันทรคติ และพยายามให้เหตุผลกับความหมายที่หลากหลายของตัวเลข 33 เพื่อปรับทฤษฎีตามความเชื่อของเขาให้เหมาะสม

วันสิ้นโลก

วันสิ้นโลกของ Dark คือวันที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เกิดเหตุระเบิด หลังจากนั้นทุกสิ่งอย่างในวินเดนก็เปลี่ยนไป มีการพลัดพรากของสมาชิกครอบครัว การตามหา และการพบกันใหม่ของตัวละครทั้งในอนาคต อดีต และปัจจุบัน

ในซีซัน 3 จะเห็นว่ามีไทม์แมชีนรูปแบบกะทัดรัดมากขึ้น ต่างจากแบบเดิมที่เป็นอุปกรณ์เทอะทะ ต้องหอบหิ้วเหมือนกระเป๋าเดินทาง หรือการใช้เส้นทางมุดถ้ำเพื่อเปิดประตูมิติเวลา

ว่ากันถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ภายหลังเกิดแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นในเดือนมีนาคม 2011 เป็นเหตุให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะถูกคลื่นยักษ์ซัดถล่มแนวป้องกันและเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์จนทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ มีการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้า รัฐบาลเยอรมันจึงมีมติให้ตรวจสอบความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศทั้ง 17 แห่ง รวมถึงการลดกำลังผลิตลง

ล่าสุด หลังจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในฟิลิปป์สบวร์ก 2 ปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2019 ในเยอรมนียังคงเหลือโรงไฟฟ้าอีก 6 แห่ง ที่จะปิดตัวลงอย่างช้าที่สุดปลายปีนี้ 3 แห่ง และอีก 3 แห่งที่เหลือภายในสิ้นปี 2022

Dark มีความซับซ้อนอยู่บ้างในเรื่องของการลำดับเวลา รวมทั้งรายละเอียดของตัวละคร จนทำให้นึกถึงการเรียนภาษาเยอรมัน ที่เริ่มจากหลักเกณฑ์ง่ายๆ ชวนติดตาม แต่เมื่อเริ่มเรียนมากขึ้น สูงขึ้น ความยากของมันก็จะเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ

ทั้ง 3 ซีซันรวม 26 ตอนจากปี 2017, 2019 และ 2020 สามารถชมได้ทาง Netflix

Tags: , ,