ซัปโปโรในช่วงเดือนธันวาคมมันช่างหนาวเสียเหลือเกิน หิมะค่อยๆ หล่นลงมาจากท้องฟ้าราวกับไม่มีวันหมด ด้านในสนามบินนิวชิโตเสะ (New Chitose Airport) คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่มีจุดหมายปลายทางแตกต่างกันไป อากาศข้างนอกสนามบินน่าจะใกล้เคียงศูนย์ จนผมไม่กล้าแม้จะออกไปเดินเล่นข้างนอกสักนาทีเดียว ขออยู่ข้างในสนามบินที่มีฮีตเตอร์ให้ความอุ่นจะดีกว่า

เรามาถึงสนามบินนิวชิโตเสะในช่วงเที่ยงของวัน สายการบินนกสกู๊ต (NokScoot) เที่ยวบินที่ XW 146 พาผมมาซัปโปโรเป็นครั้งแรก และเป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ได้นั่งสกู๊ตพลัส (ScootPlus) ซึ่งยอมรับเลยว่านั่งสบายกว่าที่คิด สามารถเหยียดแข้งเหยียดขาได้ ถือว่าการบินมาซัปโปโรร่วม 6 ชั่วโมงกว่า ไม่มีอาการเมื่อยล้าแต่อย่างใด

เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ของนกสกู๊ต และที่นั่งสกู๊ตพลัส (ScootPlus)

รุซึตสึ รีสอร์ท (Rusutsu Resort Hotel)

จากสนามบินนิวชิโอตะ เราจับรถบัสมุ่งหน้าสู่ รุซึตสึ รีสอร์ท (Rusutsu Resort Hotel) พร้อมกับเพื่อนร่วมทางคนอื่นที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือ การไปเล่นสกีหิมะ มีเพียงทักษะการเล่นสกีหิมะที่ไม่เหมือนกัน บางคนน่าจะเป็นนักสกีหิมะตัวยง เพราะขนอุปกรณ์มาเอง บางคนก็มาตัวเปล่าพร้อมกระเป๋าสัมภาระแบบเรา ก็เดาว่าจะเป็นมือใหม่ที่มาฝึกเล่นสกีหิมะเป็นครั้งแรก

การเดินทางใช้เวลาร่วมสองชั่วโมง รถบัสวิ่งผ่านเมืองเล็กๆ ที่มีบ้านเรือนน่ารักๆ ตามสไตล์ญี่ปุ่น หากแต่วันนั้นหิมะตกหนักพอดู และคล้ายจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นวิวสองข้างทาง รู้แต่ว่ามันขาวโพลนไปหมด ประกอบกับถนนหนทางเป็นสองเลนสวนกัน ก็ชวนให้หวาดเสียวอยู่ไม่น้อย ทว่าคนขับดูจะไม่หวั่นไหวกับสถานการณ์แบบนี้ราวกับว่าเขาขับบนเส้นทางนี้จนชินแล้ว

บริเวณลานฝึกสกีสำหรับเด็กๆ 

เรามาถึงรุซึตสึ รีสอร์ทในช่วงบ่ายของวัน หิมะยังคงตกหนัก จนเราต้องรีบหลบเข้าไปในอาคารของรีสอร์ท ไม่นานนักก็มีเจ้าหน้าที่มาต้อนรับ เขาชื่อ ‘ชุนซัง’ หนุ่มใส่แว่นรูปร่างสูงโปร่งตามแบบฉบับหนุ่มญี่ปุ่น พร้อมกล่าวทักทาย และแนะนำตัวพอเป็นพิธี

รุซึตสึ รีสอร์ท อาณาจักรของคนเล่นสกีหิมะ

หลังจากเราเช็กอินและเก็บกระเป๋าในห้องพักเรียบร้อยแล้ว ชุนซังก็นัดเจอเราอีกครั้งพร้อมกับพาไปทำความรู้จักรีสอร์ท แต่ด้วยความใหญ่โตของที่นี่ เราซึ่งมาเป็นครั้งแรก รู้สึกเหมือนเดินอยู่ในเขาวงกต และยังสับสนอยู่บ้าง คงต้องใช้เวลาสร้างความคุ้นเคยสักพัก เพราะรุซึตสึ รีสอร์ทแบ่งเป็น 3 โซนที่เชื่อมต่อกันหมด ได้แก่ North Wing ที่มีร้านขายเสื้อผ้าและอุปกรณ์เล่นสกีหิมะ เครื่องเล่นม้าหมุนสำหรับเด็ก ตู้เกม ออนเซ็น และร้านอาหาร โซน South Wing ก็จะมีร้านอาหาร ร้านค้าขายของที่ระลึก สระว่ายน้ำในร่ม และโซน Highland Lodge ก็มีร้านขายของที่ระลึก และบาร์สไตล์ญี่ปุ่น

เครื่องเล่นม้าหมุนเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของโรงแรม

รุซึตสึ รีสอร์ท ถือว่าเป็นสกีรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงและใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของฮอกไกโด เรียกว่าเป็นอาณาจักรของคนเล่นสกีหิมะเลยก็ว่าได้ มีห้องพักมากกว่า 500 ห้อง มีจุดเด่นคือมีลานสกีอยู่ติดกับโรงแรม ที่เรียกว่าเป็น Ski in / Ski out ออกจากตัวโรงแรมคือเล่นสกีได้เลย

วิวจากห้องนอน

นอกจากนี้ยังมีลานสกีให้เลือกเล่นเยอะ ครอบคลุมภูเขาถึง 3 ลูก ได้แก่ Mt.Isola ซึ่งสูงที่สุด มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 994 เมตร รองลงมาเป็น East Mt. มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 868 เมตร และ West Mt. มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 715 เมตร ซึ่งเราสามารถเลือกเล่นได้ว่าอยากจะเล่นสกีในเส้นทางไหน รวมๆ แล้วมีระยะทางประมาณ 42 กิโลเมตร แต่ขึ้นอยู่กับความใจกล้า ท้าทาย และทักษะการเล่นสกีของเราด้วย เพราะยิ่งสูงมันก็ยิ่งเสียว 

สโนว์บอร์ดครั้งแรกที่ไม่ง่ายเลย

แสงแรกของวันโผล่พ้นขอบฟ้า ผมตื่นแต่เช้า เปิดม่านจากห้องพักแหวกต้อนรับแสงแรกของวัน วิวจากห้องนอนเป็นป่าสนข้างหน้า มีฉากหลังเป็นภูเขาที่มีหิมะปกคลุมพร้อมแสงแดดอ่อนๆ ผมนึกในใจวันนี้อากาศดีมากเลย เหมาะแก่การออกไปฝึกลองเล่นสโนว์บอร์ดตามโปรแกรมที่ทางรีสอร์ทวางไว้

กระเช้าพาเราขึ้นมาบนภูเขา Isola

แต่เราต้องเปลี่ยนชุดสำหรับลุยหิมะและฝึกสโนว์บอร์ดให้พร้อม ชุนซังคนเดิมพาเรามาที่ห้องเช่ายืมชุดและอุปกรณ์ ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำเสื้อและกางเกงกันหิมะ รองเท้าสำหรับลุยหิมะ และขนาดของแผ่นบอร์ดที่เหมาะกับเรา ซึ่งที่นี่จะมีให้เช่ายืมทั้งหมด สนนราคามีทั้งแต่ Full Set คืออุปกรณ์สกีหรือสโนว์บอร์ดบวกกับชุดเสื้อผ้ากางเกง รองเท้า ถุงมือ แว่นตา อยู่ที่ 13,700 เยน (ประมาณ 3,777 บาท) แต่ถ้าเอาอุปกรณ์สกีกับรองเท้าอยู่ที่ 6,200 เยน (ประมาณ 1,700 บาท) ส่วนราคาเฉพาะอุปกรณ์อยู่ที่ 5,700 เยน (ประมาณ 1,570 บาท) และเช่าแค่รองเท้าลุยหิมะอย่างเดียวอยู่ที่ 3,200 เยน (ประมาณ 882 บาท) *เรทราคาเช่าหนึ่งวันเต็มสำหรับผู้ใหญ่*

ระดับมือโปรเท่านั้นที่จะเล่นสกีบนภูเขา Isola

หลังจากชุดพร้อมใจพร้อม ภารกิจแรกของเราในช่วงเช้าคือนั่งกระเช้าขึ้นไปบนภูเขา Isola ซึ่งเราสามารถมองเห็น ภูเขาไฟโยเทอิ (Mt. Yotei) ที่มีความสูง 1,898 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และมีฉายาว่า ภูเขาไฟฟูจิแห่งฮอกไกโด ถือว่าโชคดีมากที่ท้องฟ้าเปิด มีแสงแดด ทำให้เรามองเห็นความสวยงามของภูเขาไฟโยเทอิ ได้แบบเต็มๆ โดยมีกลุ่มเมฆลอยอยู่เหนือยอดภูเขาคล้ายใส่หมวกตลอดเวลา

ลานสกีที่มองเห็นภูเขาไฟโยเทอิ

ที่ Mt.Isola ถือเป็นจุดเล่นสกีสำหรับมืออาชีพ ด้วยเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในบรรดา ภูเขาทั้งหมดสามลูกของรุซึตสึ รีสอร์ท เราจึงเห็นบรรยากาศความคึกคักของนักสกีมืออาชีพที่ขนอุปกรณ์นั่งกระเช้าขึ้นมาเล่นสกีบนเส้นทางอันท้าทายนี้ 

เครดิตภาพ ปริญญา ชาวสมุน

ฝึกเล่นสโนว์บอร์ด

จากนั้นในช่วงบ่าย เรามีโปรแกรมฝึกเล่นสโนว์บอร์ด ซึ่งลานสกีสำหรับฝึกก็สะดวกมากๆ เพราะอยู่หน้าโรงแรมเลย เดินออกมาก็เจอแล้ว เพียงแต่เราต้องถือสโนว์บอร์ดที่มีน้ำหนักมากเอาการ กับการเดินบนหิมะที่อาจยังไม่คล่องนัก ก็ดูจะทุลักทุเลอยู่บ้าง

เครดิตภาพ: ปริญญา ชาวสมุน

ที่นี่จะมีครูฝึกหรือ instructor อยู่ราวๆ 60 กว่าคน มีทั้งคนฝรั่งและคนญี่ปุ่น ซึ่งก็จะมีทั้งฝึกแบบตัวต่อตัว หรือจะสอนเป็นกลุ่มก็ได้ สารภาพว่าในตอนแรกคิดเองว่าการเล่นสโนว์บอร์ดจะไม่ยากเท่าไร แต่เอาเข้าจริง หลังจากได้เรียนรู้หลักการจากครูฝึกและทดลองเล่น ก็พบว่าแม้จะเป็นสโนว์บอร์ดก็ยากพอสมควร เราต้องควบคุมกระดานบอร์ดทั้งเรื่องของความเร็ว ทิศทาง และการทรงตัว ซึ่งกว่าจะเข้าที่เข้าทางก็เล่นเอาล้มไปหลายรอบ 

Tips: สำหรับมือใหม่แนะนำให้ฟิตร่างกายมาให้พร้อม เพราะการเล่นสโนว์บอร์ดใช้พละกำลังมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะกำลังขา เพราะจะต้องใช้บังคับกระดานบอร์ด 

กิจกรรมสุดเอ็กซ์ตรีมท้าความหนาว

วันถัดมาเราตื่นเช้าเหมือนเคย หากแต่แสงแดดไม่เป็นใจ ไม่โผล่มาให้เราเห็นหน้า วันนี้เรามีโปรแกรมออกไปลุยหิมะ หากแต่ไม่ใช่สกีและสโนว์บอร์ด แต่ที่นี่ยังมีอีกหลายกิจกรรม เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเอ็กซ์ตรีม

Snow Shoe Walking ฝึกเดินบนหิมะ

เราเดินเท้าตะลุยหิมะไปถึงสเตชั่น Snow Activity Land มีครูฝึกและเจ้าหน้าที่สองสามคนต้อนรับเรา พร้อมกับอธิบายกิจกรรมหลังจากนี้ อย่างแรกเราจะฝึกเดินลุยหิมะกับฐาน Snow Shoe Walking เราต้องใส่รองเท้าที่เหมือนกับออกแบบมาให้เดินลุยหิมะโดยเฉพาะ มีขนาดใหญ่และยาว ข้างล่างเป็นเหมือนมีดที่เอาไว้ทำลายหิมะ ครูฝึกแนะนำว่าเวลาเดินให้กางขาออกหน่อยๆ จะได้ไม่สะดุดรองเท้า 

หลังจากล่องแก่งหิมะ (Snow Rafting) หน้าตาก็จะประมาณนี้ 

ฐานต่อมาเป็น Snow Rafting เหมือนเป็นการล่องแก่งหิมะ เราแค่นั่งลงไปในเรือยาง แล้วความมันก็บังเกิด เมื่อครูฝึกขี่ Snow Mobile ลากพาเราไปในเส้นทางหวาดเสียว คล้ายกับกำลังนั่งรถไฟเหาะเลยทีเดียว หลังจากเป็นผู้นั่งแล้ว คราวนี้เราก็ต้องมาขี่ Snow Mobile เองบ้าง ยิ่งเป็นการเพิ่มความสนุกตื่นเต้นเข้าไปอีก ซึ่งเราต้องปฏิบัติตามครูฝึกอย่างเคร่งครัด และเวลาขี่ให้เว้นระยะห่างจากเพื่อนข้างหน้า อย่าขี่ติดกัน เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้

Snow Mobile ขี่เองสุดมัน

จาก Snow Mobile เราเดินทางต่อไปฐาน Snow Bike หรือการขี่มอเตอร์ไซค์ลุยหิมะ บอกก่อนว่าต่อให้มีพื้นฐานขี่มอเตอร์ไซค์ที่แข็งแรงแล้ว เราว่าก็ยังยากอยู่ดี เพราะมอเตอร์ไซต์ที่ถูกดัดแปลงให้ขี่ลุยหิมะได้ มันดูเรียกร้องทักษะและความชำนาญพอสมควร 

คุณลุงสุดเท่ผู้พาเราซ้อนท้ายในฐาน Snow Bike

ส่วนเราขอเป็นคนนั่งซ้อนท้ายจะดีกว่า โดยมีคุณลุงสุดเท่ที่ก็ว่าชำนาญในการขี่มอเตอร์ไซค์ลุยหิมะ พาเราซ้อนท้ายวนรอบสนามหนึ่งรอบ สุดท้ายตอนจอดกลับทำมอเตอร์ไซค์ล้มเสียอย่างนั้น 

หนึ่งคืนในซัปโปโร 

หลังจากใช้เวลาอยู่ที่รุซึตสึ รีสอร์ท จนเต็มอิ่มถึงสามคืน ก็ได้เวลาเดินทางเข้าเมืองซัปโปโร หมดหน้าที่ของชุนซัง ที่ดูแลและให้ความช่วยเหลือเราอย่างดีตลอดที่เราอยู่ที่นี่ พลันที่รถบัสของ Social Bus ผู้ให้บริการรถบัสเช่าเหมาคันทั่วจังหวัดฮอกไกโด (สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://social-bus.jp/) ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากตัวโรงแรม ชุนซังยังคงยืนโบกทักทายเราอยู่ตลอดตามธรรมเนียมคนญี่ปุ่น จนกว่าจะละสายตาจากกันไปนั่นแหละ

Social Bus พาเราทัวร์ในซัปโปโร

ก่อนเข้าตัวเมืองซัปโปโร เราแวะดูความงามของทะเลสาบโทยะ (Lake Toya) แต่น่าเสียดายที่วันนั้น อากาศไม่เป็นใจ ท้องฟ้าไม่เปิด เราจึงเห็นแต่ภูเขาลางๆ อยู่ตรงหน้า เพราะโดนหมอกปกคลุมไปหมด 

ทะเลสาบโทยะ ในวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ

จากทะเลสาบโทยะ เรามุ่งหน้าเข้าเมืองซัปโปโร เมืองหลวงของจังหวัดฮอกไกโด และมีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของญี่ปุ่น ซึ่งในหน้าหนาวแบบนี้จะมีอะไรดีไปกว่าการได้กินซุปแกงกะหรี่ร้อนๆ ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของซัปโปโร นอกเหนือจากเบียร์ และราเมน 

เราเลือกกินซุปแกงกะหรี่ที่ร้าน Soup Curry Cocoro อันเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1960 ซึ่งอยู่ติดกับมหาวิทยาลัยฮอกไกโด จุดเด่นของร้านนี้คือเราเลือกประเภทของแกงกะหรี่ว่าอยากได้ไก่ ทะเล เบคอน หรือจะใส่ชีสเพิ่ม เลือกระดับความเผ็ดได้ มีตั้งแต่  1-100 และปริมาณข้าวที่เราต้องการ

แกงกะหรี่แบบซัปโปโรต้องบอกว่าไม่ใช่แกงกะหรี่แบบที่เราคุ้ยเคนในเมืองไทยเป็นแน่ เขาจะเสิร์ฟแยกแกงกะหรี่กับข้าวมาให้ และวิธีการกินถ้ากินแบบคนฮอกไกโดเลยคือจะตักข้าวใส่เข้าไปในแกง ไม่ใช่ตักแกงมากินกับข้าว 

(ซ้ายไปขวา) แกงกะหรี่ร้าน Soup Curry Cocoro และ โรงงานช็อกโกแลตชิโรอิโคอิบิโตะ

เสร็จแล้วเราเดินทางต่อไปที่โรงงานช็อกโกแลตชิโรอิโคอิบิโตะ (Shiroi Koibito Park) สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของซัปโปโร ซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวคนไทย ที่เราจะได้ยินเสียงคนไทยคุยกันตลอดเวลา

โรงงานช็อกโกแลตชิโรอิโคอิบิโตะ เป็นทั้งโรงงานทำขนมคุกกี้สอดไส้ไวท์ช็อกโกแลตที่เราน่าจะคุ้นเคยกันอยู่บ้าง และยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าความเป็นมาของบริษัท และมีสวนสนุกไว้ให้เด็กๆ ได้เพลิดเพลินอีกต่างหาก

บรรยากาศยามค่ำคืนในเมืองซัปโปโร

จากนั้นเราก็เข้าที่พักเก็บกระเป๋ากันที่โรงแรม New Otani Inn โรงแรมขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมือง จะเดินไปสถานีใต้ดินซัปโปโรก็ได้ และยังใกล้กับสวนโอโดริ และซัปโปโร ทีวี ทาวเวอร์ หลังจากเก็บกระเป๋าเรียบร้อย ถึงเวลาอาหารเย็น มื้อนี้จะเป็นมื้อเย็นสุดท้ายที่ซัปโปโร ก็เลยจัดหนักจัดเต็มแบบบุฟเฟ่ต์กันที่ร้าน Den เป็นร้านบุปเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นที่ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งชาบู ปิ้งย่าง ซูชิ และสารพัดของทอด เครื่องดื่มก็ไม่อั๋น ดีตรงที่มีเบียร์บุฟเฟ่ต์ด้วย

หลังจากอิ่มอร่อยเต็มคราบแล้ว เราจะไปยัง ซัปโปโร ทีวี ทาวเวอร์ อันเป็นแลนมาร์กของเมือง เพื่อขึ้นไปชมวิวยามค่ำคืน ระหว่างทางก็เหมือนกับได้เดินสำรวจเมืองซัปโปโรยามดึกที่ครึกครื้นไปด้วยผู้คน แม้อากาศจะหนาว ลมแรงเพียงใด แต่ก็ไม่มีใครหวั่นไหวแต่อย่างใด 

เทศกาลประดับไฟฤดูหนาวซัปโปโร

เราใช้เวลาเดินราว 10 นาที ก็มาถึงตรงสวนโอโดริ ซึ่งกำลังมีเทศกาลประดับไฟฤดูหนาวซัปโปโร (Sapporo White Illumination) ที่จัดขึ้นเฉพาะช่วงเดือนธันวาคม พร้อมกับมีร้านค้าขายของน่ารักๆ เต็มไปหมด แต่เราไปถึงเกือบสามทุ่มแล้ว ร้านค้าต่างทยอยเก็บของปิดร้าน เหลือเพียงแสงไฟของเทศกาลที่พอจะให้เราหยุดถ่ายรูปได้อยู่บ้าง

วิวเมืองซัปโปโรจากชั้นบนของซัปโปโร ทีวี ทาวเวอร์

21.30 น. เรายืนอยู่ชั้นบนสุดของ ซัปโปโร ทีวี ทาวเวอร์ ผมหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปพอเป็นพิธี เพราะอยากซึมซับบรรยากาศที่อยู่ตรงหน้าเสียมากกว่า และทบทวนสิ่งต่างๆ ตลอด 3-4 วันที่ผ่านมา ว่าซัปโปโรแรกของผม ช่างสนุกและน่าประทับใจอะไรเช่นนี้ 

Fact Box

  • สายการบินนกสกู๊ต (NokScoot) สายการบินร่วมทุนระหว่างสายการบินนกแอร์ สายการบินโลว์คอสต์ของคนไทย และสายการบินสกู๊ต สายการบินราคาประหยัดจากสิงคโปร์
  • นกสกู๊ตให้บริการเส้นทางบินระยะกลางและไกล สำหรับเส้นทางไปญี่ปุ่น มีปลายทางทั้งนาริตะ คันไซ และซัปโปโร โดยเฉพาะซัปโปโรที่ให้บริการ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) - ซัปโปโร (ชิโตเสะ) ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์ และอาทิตย์ เวลาเดินทาง 04.00 น. เวลาถึงปลายทาง 12.15 น. และ ซัปโปโร (ชิโตเสะ) - กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) เวลาเดินทาง 14.55 น. เวลาถึงปลายทาง 20.35 น.
  • บินด้วยเครื่องบินใหญ่ (โบอิ้ง 777) ที่นั่งกวาง นั่งสบาย มีที่นั่งชั้นประหยัด และสกู๊ตพลัส 
  • รุซึตสึ รีสอร์ท (Rusutsu Resort Hotel) สกีรีสอร์ทขนาดใหญ่ในฮอกไกโด มีจุดเด่นที่มีลานสกีอยู่ติดกับโรงแรม สะดวกตรงที่ออกมาเล่นสกีได้เลย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ครบครัน สำหรับผู้สนใจราคาห้องพักเริ่มต้นเริ่มต้นที่ 10,000 บาท (รวมอาหารเช้า) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hokkaido-rusutsu.com/
  • Social Bus ผู้ให้บริการรสบัสเช่าเหมาคันพร้อมการให้บริการแบบญี่ปุ่น รับส่งถึงประตูบ้านและที่พักทั่วทั้งจังหวัดฮอกไกโด เหมาะกับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนฝูง มีความยืดหยุ่นตรงที่สามารถจ้างได้เป็นรายชั่วโมงหรือหลายๆ วัน ก็ได้ เริ่มต้น Day Tour อยู่ที่ 50,000 เยน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://social-bus.jp/

 

Tags: , , ,