วันนี้ (22 ตุลาคม 2568) ที่กระทรวงการคลัง วรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศ ‘ลาออก’ จากตำแหน่งรัฐมนตรี ภายหลังมีปมเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์และการหลอกลวง
ทั้งนี้วรภัคยืนยันว่า ตนไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการหลอกลวงต้มตุ๋นหรือธุรกิจผิดกฎหมายใดๆ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศกัมพูชาหรือประเทศอื่น
ส่วนกรณีที่มีความพยายามในการเชื่อมโยง BIC Group และ BIC Bank Cambodia ให้เกี่ยวข้องกับกระบวนการหลอกลวงต้มตุ๋น ในข้อเท็จจริงตนไม่อาจทราบได้ ต้องให้กระบวนการยุติธรรมเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง
อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังระบุว่า ก่อนหน้าตนเคยพบกับ ยิม เลียก (Yim Leak) ประธานกรรมการของธนาคาร BIC Bank แต่ตน ‘ไม่เคย’ เป็นกรรมการ กรรมการบริหาร หรือที่ปรึกษาใดๆ ของ BIC Bank Cambodia รวมถึงไม่เคยรับเงินหรือผลตอบแทนใดๆ
ขณะที่ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ (Benjamin Mauerberger) วรภัคเปิดเผยด้วยว่า รู้จักกันเพราะลูกของตนและเบนจามินเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันในประเทศไทยเท่านั้น
ส่วนกรณีที่มีข้อกล่าวหาว่าเป็นตัวแทน (Nominee) เชื่อมโยงกับบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ Finansia Syrus (FSS) ผ่าน Pilgrim Finansa Investment Holding Pte. Ltd. (PFIH) วรภัคเล่าว่า ในปี 2564 เข้าไปถือหุ้น FSS 29% ซึ่งเป็นธุรกรรมที่ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากเห็นโอกาสซื้อหุ้นในราคาที่เหมาะสม
โดยการซื้อหุ้นครั้งนี้วรภัคเปิดเผยว่า ได้รับเงินสนับสนุนมา 2 ส่วน คือ ‘ส่วนที่ซื้อหุ้น’ และ ‘ส่วนที่ต้องเตรียมทำคำเสนอซื้อหุ้น’ (Tender Offer) โดยส่วนแรกเป็นเงินกู้จาก Capital Asia Investment (CAI) และส่วนที่ 2 มาจาก BIC Bank Lao
ทั้งนี้วรภัคระบุว่า ‘ไม่ทราบ’ ว่า BIC Bank Lao และ BIC Bank Cambodia มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร แต่ตนเข้าใจว่าในปัจจุบันความเป็นเจ้าของและการบริหารจัดการนั้นแยกกันโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้หลังจากที่ตนเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน FSS ร่วมกับ ช่วงชัย นะวงศ์ ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างบริษัท โดยจ้างบริษัท McKinsey & Company เป็นที่ปรึกษาเพื่อทำ Digital Transformation ต่อมาในปี 2557 ตนขายหุ้นทั้งหมดให้กับช่วงชัย และลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารทุกตำแหน่งในบริษัท ดังนั้นการที่บุคคลใดจะนำชื่อของตนในอดีตไปเชื่อมโยงกับเครือข่ายใดๆ เป็นการคาดเดา กล่าวอ้าง หรือกล่าวเท็จว่า ตนเป็นนอมินีของกระบวนการสแกมเมอร์
นอกจากนั้นแล้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังยังกล่าวด้วยว่า ขบวนการป้ายสีเหิมเกริมใส่ร้ายด้วยข้อมูลเท็จกับภรรยาของตนว่า ได้รับผลประโยชน์เป็นคริปโทเคอร์เรนซีหลายล้านเหรียญ ซึ่ง ‘ไม่เป็นความจริง’ แต่อย่างใด เพราะภรรยาของตนไม่เคยมีบัญชีคริปโทฯ
ทั้งนี้วรภัคปฏิเสธข้อกล่าวหา ใส่ร้าย ป้ายสี ทั้งหมดว่า ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีผลประโยชน์ร่วมกับขบวนการที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ กระบวนการต้มตุ๋นหลอกลวง ธุรกิจผิดกฎหมายใดๆ
โดยตนขอใช้สิทธิในการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้บิดเบือนและเผยแพร่ข้อมูลเท็จที่ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง และขอยืนยันว่า ตนเชื่อมั่นในหลักนิติธรรมและยืนหยัดใช้ความจริง เพื่อปกป้องชื่อเสียงส่วนบุคคลและเกียรติตำแหน่งทางการเมือง
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นขับเคลื่อนภารกิจด้านเศรษฐกิจและการคลังของประเทศ ให้เดินหน้าอย่างเต็มกำลัง ภายใต้ข้อจำกัดของเวลาที่รัฐบาลนี้มีอยู่ค่อนข้างน้อย ขณะที่ความคาดหวังของประชาชนมีอยู่สูงมาก
“จากสถานการณ์ที่ผมถูกใส่ร้ายป้ายสี จะต้องใช้เวลาและพลังในการดำเนินกับผู้ไม่หวังดี อาจส่งผลกระทบต่อภารกิจหลักในการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงการคลัง ผมไตร่ตรองอยู่นานว่าจะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อไม่ให้เรื่องส่วนบุคคลเป็นภาระ หรือเงื่อนไขที่กระทบต่อประสิทธิภาพของรัฐบาล” วรภัคระบุ
โดยการตัดสินใจครั้งนี้ วรภัคยังกล่าวด้วยว่า มีเป้าหมายเพื่อยืนหยัดหลักความโปร่งใส และรักษาความเป็นอิสระของรัฐบาลในการบริหารประเทศ ให้ปราศจากข้อครหา และ ‘ไม่เปิดช่อง’ ให้ฝ่ายใดนำเรื่องส่วนตัวของตนมาเป็นอุปสรรคต่อภารกิจของรัฐบาล
Tags: วรภัค ธันยาวงษ์