เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2022 ที่ผ่านมา Doublethink Lab องค์กร Think Tank หรือ ‘คลังสมอง’ ได้เผยแพร่ผลการจัดอันดับ China Index ซึ่งประเมินอิทธิพลของรัฐบาลจีนที่มีเหนือประเทศต่างๆ สำหรับในปีนี้ ถือเป็นการจัดอันดับครั้งแรก โดยเปรียบเทียบอิทธิพลของจีนที่มีเหนือ 36 ประเทศ และดินแดนทั่วโลก วัดจาก 9 หัวข้อหลัก ได้แก่ สื่อ นโยบายต่างประเทศ วิชาการ การเมืองภายในประเทศ เศรษฐกิจ เทคโนโลยี สังคม การทหาร และการบังคับใช้กฎหมาย โดยแบ่งตามอีก 11 หัวข้อย่อย ใน 3 หัวข้อ คือ การเปิดรับ (Exposure) แรงกดดัน (Pressure) และผลกระทบ (Effect)
จาก 36 ประเทศ Doublethink Lab พบว่า 3 ประเทศแรกที่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของจีนมากที่สุด ได้แก่ กัมพูชา สิงคโปร์ และไทย ขณะที่ บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา โคลอมเบีย และปารากวัย ตกอยู่ใต้อิทธิพลจีนน้อยที่สุด
สำหรับด้านที่ไทยได้รับการจัดอันดับว่าอยู่ใต้อิทธิพลจีนมากที่สุด คือด้าน ‘การทหาร’ โดยไทยอยู่ใต้อิทธิพลจีนมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ค่าเฉลี่ยทั่วโลกนั้นอยู่ที่ 27 เปอร์เซ็นต์ โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่า รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อปี 2014 เป็นต้นมา มักจะซื้อของจีน เนื่องจากในช่วงนั้น รัฐบาลสหรัฐอเมริกามีกฎว่า จะไม่ขายอาวุธให้กับประเทศที่รัฐบาลมาจากการรัฐประหาร โดยไทยเซ็นสัญญาซื้ออาวุธจากจีนด้วยข้อตกลงมูลค่ากว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท) สำหรับเรือดำน้ำ 3 ลำ และรถถัง 48 คัน ขณะเดียวกัน ยังมีรายงานด้วยว่า จีนได้กลายเป็นผู้ขายยุทโธปกรณ์หลักให้กับกองทัพไทย นับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา
นอกจากนี้ นับตั้งแต่ปี 2014 กองทัพบกมีคำสั่งซื้ออาวุธมากกว่า 34 รายการจากจีน ตั้งแต่รถหุ้มเกราะ เรดาร์ ไปจนถึงจรวดมิสไซล์ภาคพื้น รวมถึงยังมีการ ‘ฝึกทหาร’ ร่วมกับกองทัพจีน ทั้งในแง่ของการซ้อมรบ เรียนรู้ยุทธศาสตร์ด้านเสนาธิการ และฝึกซ้อมด้านการรักษาสันติภาพอีกด้วย
ตามมาด้วยผลสำรวจเรื่อง ‘การบังคับใช้กฎหมาย’ อยู่ที่ 63.4 เปอร์เซ็นต์ โดยพบว่า นอกจากตำรวจไทยจะทำงานใกล้ชิดกับตำรวจจีนแล้ว รัฐบาลไทยยังทำตามคำสั่งจีน ในการห้ามไม่ให้ ‘โจชัว หว่อง’ (Joshua Wong) นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกง เข้าประเทศเมื่อปี 2016 หลังจากได้รับเชิญให้มาปาฐกถาในงานรำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ ซ้ำยังส่งกลับฮ่องกงตามคำสั่งของจีนทันที อีกทั้งยังมีรายงานการส่ง ‘นักเคลื่อนไหว’ ชาวไต้หวัน 25 คน ให้จีนดำเนินคดีอีกด้วย เมื่อปี 2017
ที่น่าสนใจอีกด้าน คือผลการประเมินด้าน ‘สื่อสารมวลชน’ ผ่านการสำรวจความคิดเห็น ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ พบว่า ไทยได้ 3 เต็ม 4 คะแนน ตกอยู่ใต้อิทธิพลของจีน ในด้านที่มีองค์กรสื่อของจีนทำงานอยู่ในไทย ไม่ว่าจะเป็นสำนักข่าวซินหัว หรือ China Radio ต่างก็มี ‘ภาคภาษาไทย’ สำหรับกลุ่มผู้อ่านชาวไทย ขณะเดียวกันยังมีความพยายามจากสำนักข่าวซินหัว ในการส่งเนื้อหาให้กับสื่อไทย โดยมีหนังสือพิมพ์ไทยบางหัวตีพิมพ์ข่าวที่มีเนื้อหาเดียวกับซินหัว
นอกจากนี้ คำถามว่า ในประเทศไทยมีสื่อมวลชน องค์กรสื่อ หรือ ‘อินฟลูเอนเซอร์’ ที่ได้รับการฝึกอบรมโดยสำนักข่าวของรัฐบาลจีน หรือสำนักข่าวที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีนหรือไม่ ในหมวดนี้ไทยก็ได้ 3 เต็ม 4 คะแนน เช่นเดียวกัน โดยพบว่า จีนส่งเสริม Soft Power ผ่านการอบรมนักข่าวต่างชาติหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงนักข่าวไทย พร้อมกับระบุด้วยว่า สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเองก็จัดอบรมให้กับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย รวมถึงในหัวข้อว่า เคยมีนักข่าวไทยที่ถูกจีนห้ามเข้าประเทศหรือไม่ ก็พบว่ามีหนึ่งราย คือ สงวน คุ้มรุ่งโรจน์ นักข่าวอาวุโส ซึ่งเคยถูกจีนห้ามไม่ให้เข้าประเทศนานหลายปี จากการเขียนวิจารณ์เหตุการณ์นองเลือดที่เทียนอันเหมินเมื่อปี 1989
ที่มา: https://china-index.io/country/Thailand
Tags: Report, ไต้หวัน, จีน, ไทย