อีกราว 2 เดือนข้างหน้าประเทศไทยจะรับบทบาทเป็น ‘เจ้าภาพ’ การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ (SEA Games) ครั้งที่ 33 อย่างเป็นทางการ โดยมีประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 11 ประเทศ ได้แก่ ไทย เมียนมา ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย บรูไน และติมอร์-เลสเต
หากย้อนกลับไปที่ ‘จุดเริ่มต้น’ ของการแข่งขันซีเกมส์ จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อปี 1958 ที่ หลวงสุขุมนัยประดิษฐ (ประดิษฐ์ สุขุม) ผู้ก่อตั้งองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย (หรือการกีฬาแห่งประเทศไทยในปัจจุบัน) มีดำริให้จัดการแข่งขันระดับภูมิภาคนี้ขึ้นมา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นการเปิดพื้นที่ให้เหล่านักกีฬาได้ฝึกซ้อมทักษะก่อนเข้าสู่การแข่งขันระดับทวีปหรือระดับโลก อย่างการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์และโอลิมปิก
และทุกครั้งที่มีการจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬา สิ่งที่มักจะตามมากันก็คือ ‘มาสคอต’ (Mascot) คาแรกเตอร์สุดน่ารักที่แต่ละประเทศผู้เป็นเจ้าภาพจะออกแบบและคิดค้นเพื่อสื่อสารเรื่องราวอุดมการณ์ ชุดความคิด หรือแม้กระทั่งประวัติศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบนั้นๆ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนอย่างกรณีโอลิมปิกฤดูร้อน 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเลือก ‘มิไรโทวะ’ (Miraitowa) 2 หุ่นยนต์ที่ได้รับการโหวตเลือกโดย ‘เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษา’ ทั่วประเทศญี่ปุ่น เป็นการสะท้อนภาพประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและให้ความสำคัญกับเยาวชนรุ่นใหม่ เพราะอย่างที่รู้กันดีว่า ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาสังคมผู้สูงอายุ (Aged Society) อย่างรุนแรง
กลับมาที่ประเทศไทย มาสคอตของการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ประจำปี 2025 ได้ ธีรนพ หวังศิลปคุณ และหรรษวรรษ คล้ายจินดา มาเป็นผู้ออกแบบ ‘เดอะสาน’ (The Sans) คาแรกเตอร์ตัวละครรูปทรงเรขาคณิตที่มีชีวิตทั้ง 7 สี (ตามสีประจำวันของไทย)
การออกแบบของ ‘เดอะสาน’ โครงการได้เริ่มขึ้นจากหน่วยงาน THACCA ที่ร่วมมือกับการกีฬาแห่งประเทศไทย ในสมัยรัฐบาลเพื่อไทย โดยการออกแบบมาในแนวคิด ‘Play by the Rules’ ทั้งนี้สีสันและรูปร่างของมาสคอตสะท้อนความหลากหลายทางสรีระของนักกีฬา รวมถึงสะท้อนอัตลักษณ์ ความเป็นปัจเจกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทว่าหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ‘รัฐบาลเพื่อไทย’ มาสู่ ‘รัฐบาลภูมิใจไทย’ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาภายใต้การนำของ อรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีคนใหม่ ได้ตัดสินใจเปลี่ยนแปลง ‘สี’ ของมาสคอตจากเดิมที่ใช้สีทั้ง 7 อย่างเหลือง ชมพู เขียว ส้ม น้ำเงิน ม่วง และแดง มาใช้สีของ ‘ธงชาติไทย’
โดย ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นไปตามแนวทางของอรรถกร ที่ต้องการให้มาสคอตถูกจดจำได้ง่าย เข้าถึงได้ง่าย และสามารถสะท้อนความเป็นไทยได้อย่างแท้จริง
ทั้งนี้เดอะสานในเวอร์ชันทั้ง 7 สี จะไม่ได้หายไปจากมหกรรมกีฬาครั้งนี้ เพราะสินค้า Merchandise ของงานจะยังคงใช้ 7 ตัว 7 สีเช่นเดิม เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมการแข่งขันกีฬา ขณะที่เดอะสานเวอร์ชันธงชาติไทยจะถูกใช้ในแบบทางการในพิธีมอบเหรียญรางวัล และกิจกรรมหลักของการแข่งขัน
อย่างไรก็ตามภายหลังการเปลี่ยนแปลงสีของมาสคอต เดอะสานเวอร์ชันธงชาติไทยก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่น้อยว่า ‘ไม่ทันสมัย’ และ ‘ชาตินิยม’ มากเกินไป เพราะการแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้เป็นการแข่งขันที่จัดเฉพาะประเทศไทย แต่เป็นการแข่งขันที่มีเพื่อนร่วมภูมิภาคกว่า 10 ประเทศเข้าร่วมด้วย
ขณะเดียวกันหากย้อนดูคาแรกเตอร์มาสคอตของการแข่งขันซีเกมส์ทั้งหมด การออกแบบมาสคอตในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการนำเสนอสีของธงชาติอย่างชัดเจนมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
นอกจากนั้นย้อนกลับไปที่การออกแบบมาสคอตของไทยในการแข่งขันซีเกมส์ 2 ในปี 2007 ที่จัดขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมาได้ใช้แมวสีสวาดเป่าแคนมานำเสนอ ขณะที่ปี 1995 ที่จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ได้ใช้แมวสวัสดีถือร่มบ่อสร้างมานำเสนอ จนได้รับคำชื่นชมได้เป็นอย่างมาก เพราะคาแรกเตอร์สามารถสะท้อนเรื่องราวของเมืองเจ้าภาพได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้หากมองข้ามในเรื่องนี้ไป สาระสำคัญของการจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาในภูมิภาคยังคงเป็นเรื่องที่ต้องให้สำคัญอยู่ เช่น ความปลอดภัยของนักกีฬาและผู้ชม การแข่งขันที่เป็นธรรม การอำนวยความสะดวกที่ดี เพื่อให้การแข่งขันครั้งนี้สามารถกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างแท้จริง
Tags: กีฬา, มาสคอต, Sea Games 2025, ซีเกมส์ 2025, เดอะสาน