ในกรณีของเด็กผู้หญิงคนนี้ ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกในยุคของสังคมออนไลน์ แต่สภาพชีวิตของเธอในอเลปโปตรงกับสิ่งที่เราได้ยิน ความกลัวที่เกิดจากเสียงของเครื่องบินและระเบิด

บานา อลาเบด (Bana Alabed) สาวน้อยชาวซีเรียวัย 7 ขวบ ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จากข้อความบนทวิตเตอร์ของเธอ ที่ถ่ายทอดสถานการณ์ในพื้นที่ตะวันออกของอเลปโป ประเทศซีเรีย และเคยได้รับอีบุ๊กเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ จาก เจ. เค. โรว์ลิ่ง ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้ช่วยชีวิตเด็กๆ ในซีเรีย โดย ฟาติมาห์ (Fatemah) แม่ของเธอเป็นคนส่งข้อความในจดหมายถึง BBC และระบุว่า เธอเขียนจดหมายนี้ก่อน โดนัลด์ ทรัมป์ จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งไม่กี่วัน

ซึ่งในขณะนี้เธอและครอบครัวสามารถหลบหนีมายังตุรกีที่ให้การสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลซีเรียได้อย่างปลอดภัยแล้ว ตั้งแต่เมื่อเดือนธันวาคม 2016 เธอและน้องชายยังมีโอกาสได้พบกับประธานาธิบดี เรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ของตุรกี โดยประธานาธิบดีได้สวมกอดเด็กทั้งสองคน

ก่อนหน้านี้ทวิตเตอร์ของ บานา อลาเบด ที่แม่ของเธอช่วยดูแล ได้สร้างทั้งความรู้สึกสงสาร พร้อมๆ กับข้อสงสัยจากคนบางกลุ่มว่า เธอถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือไม่ มีใครบงการข้อความบนทวิตเตอร์ของเธอหรือเปล่า รวมถึงหน้าที่ของสื่อในการตั้งคำถามต่อทวิตเตอร์ของเธอ

ข้อเรียกร้องของสาวน้อยคนนี้ต่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ นั้นอยู่ในช่วงเวลาที่นโยบายของทรัมป์ต่อสงครามซีเรียยังไม่ชัดเจน แต่เขาได้ประกาศว่ายินดีจะร่วมมือกับรัสเซียในการปราบกลุ่มไอเอส หลังจากสหรัฐฯ กับรัสเซียเผชิญกับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดจากการสนับสนุนคนละฝ่ายในสงครามซีเรีย

บางครั้งเราอาจจะเกิดความรู้สึกร่วมกับเธอและข้อความของเธอ จนทำให้เราลืมที่จะตั้งคำถามกับมัน เพราะสำหรับฉันแล้ว ฉันจะเกิดคำถามเสมอ ยิ่งโดยเฉพาะกับเรื่องที่กระตุ้นความสนใจเช่นนี้

Photo: Umit Bektas, Reuters/profile

 

จดหมายเปิดผนึกจาก บานา อลาเบด ถึงประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์

ถึง โดนัลด์ ทรัมป์

ฉันชื่อ บานา อลาเบด และฉันมีอายุ 7 ขวบ จากอเลปโป

ฉันอาศัยอยู่ในซีเรียมาตลอดชีวิต ก่อนที่จะออกมาจากพื้นที่ตะวันออกของอเลปโปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ฉันเป็นหนึ่งในเด็กซีเรียที่เผชิญกับสงคราม

แต่ตอนนี้ฉันกลับมามีชีวิตอย่างสงบในบ้านหลังใหม่ของฉันที่ตุรกี เมื่อครั้งอยู่ในอเลปโป ฉันเคยไปโรงเรียน แต่ตอนนี้มันถูกทำลายจากระเบิด

เพื่อนบางคนของฉันเสียชีวิต

ฉันรู้สึกเศร้ามากและภาวนาให้พวกเขายังมีชีวิต เพราะเราคงจะได้เล่นด้วยกัน ฉันไม่สามารถวิ่งเล่นได้ในเมืองอเลปโป มันเป็นเมืองแห่งความตาย

ตอนนี้ในตุรกี ฉันสามารถออกไปข้างนอกและสนุกสนานได้ ฉันสามารถไปโรงเรียนได้แล้ว และนี่คือสาเหตุว่าทำไมสันติภาพถึงสำคัญกับทุกคน รวมถึงคุณด้วย

อย่างไรก็ตาม เด็กๆ อีกกว่าล้านคนไม่เหมือนฉันในตอนนี้ และกำลังเผชิญกับความยากลำบากทั่วประเทศซีเรีย พวกเขาต้องทุกข์ทรมานเพราะผู้ใหญ่

ฉันรู้ว่าคุณกำลังจะเป็นประธานาธิบดีของอเมริกา ดังนั้นคุณจะช่วยชีวิตของเด็กๆ และประชาชนในซีเรียได้ไหม คุณต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเด็กๆ ในซีเรีย

เพราะพวกเขาก็เหมือนเด็กๆ ของคุณ และคู่ควรกับสันติภาพเหมือนกับคุณ

หากคุณสัญญากับฉันว่า คุณจะทำอะไรสักอย่างเพื่อเด็กๆ ในซีเรีย คุณนับฉันเป็นเพื่อนใหม่ได้เลย

ฉันเฝ้ารอว่าคุณจะทำอะไรเพื่อเด็กๆ ในซีเรีย

 

เราควรจะตั้งคำถามกับคนที่ออกมากล่าวหา ทวิตเตอร์นี้ด้วยว่าเป็นเครื่องมือทางการเมืองเช่นกันหรือเปล่า

ทวิตเตอร์ของ บานา อลาเบด อาจเป็นเครื่องมือทางการเมือง

​     ทวิตเตอร์ของ บานา อลาเบด ที่มีผู้ติดตามทั่วโลก หลังเธอโพสต์ข้อความและรูปภาพ เพื่อสะท้อนให้เห็นความยากลำบากในสงครามซีเรีย ทำให้เกิดความรู้สึกสงสารและเห็นใจจากคนทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดความสงสัยขึ้นในคนบางกลุ่ม และตั้งคำถามต่อความสัตย์จริง และความน่าเชื่อถือของข้อความบนทวิตเตอร์ของสาวน้อยคนนี้

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งคำถามถึงวิดีโอที่บันทึกภาพและข้อความจากเธอนั้น มีการซักซ้อมมาอย่างดีหรือไม่

ฟาติมาห์ (Fatemah) แม่ของ บานา อลาเบด ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ผ่าน Skype และ WhatsApp ว่า เธอเป็นครูสอนภาษาอังกฤษอายุ 26 ปี และยืนยันว่าข้อความต่างๆ ถูกโพสต์ขณะพวกเธออยู่ในพื้นที่ตะวันออกของซีเรียจริง เธอสอนให้บานาพูดภาษาอังกฤษ และเป็นคนอัดวิดีโอลูกสาวด้วยตัวเธอเอง แต่ The New York Times ตั้งข้อสงสัยว่า ภาพวิดีโอต่างๆ ดูเหมือนถูกอัดด้วยกล้องคุณภาพดีของนักข่าวซีเรียในพื้นที่

อย่างไรก็ตามนักเคลื่อนไหวที่ต่อต้านรัฐบาลซีเรีย และหมออาสาสมัครในพื้นที่ ได้ยืนยันกับ The New York Times ว่าบานาและแม่ของเธอเป็นชาวซีเรียในพื้นที่จริงๆ ตามที่พวกเธอระบุ และทวิตเตอร์ได้ยืนยันแอ็กเคานต์ของเธอ นอกจากนี้ The New York Times ได้พยายามหาตำแหน่งที่วิดีโอถูกบันทึก ด้วยการเปรียบเทียบภาพในวิดีโอกับภาพจากแผนที่ดาวเทียม และพบว่าวิดีโอหลายคลิปถูกบันทึกใน Al Shaar ใกล้กับทางตะวันออกของเมืองอเลปโป

แต่ยังไม่แน่ชัดว่าทวิตของเธอทั้งหมดถูกโพสต์ด้วยคนอื่นจากพื้นที่อื่นๆ ด้วยหรือไม่ ซึ่งแม่ของบานาไม่ได้ตอบคำถามนี้กับ The New York Times

ทวิตเตอร์ของบานาโดนโจมตีจากกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลซีเรียว่าเป็นข้อความหลอกลวง และเป็น propaganda ของสหรัฐอเมริกา เพื่อใส่ร้ายรัฐบาลซีเรียและรัสเซีย และกล่าวหาพ่อของบานาว่า เป็นนักรบญิฮัดหัวรุนแรง และได้รับการดูแลให้อยู่อย่างปลอดภัยในพื้นที่ตะวันออกของอเลปโป

อาสาสมัครในพื้นที่มีความเห็นต่อข้อความของบานาบนทวิตเตอร์แตกต่างกันไป โซเนีย คุช (Sonia Khush) ผู้อำนวยการโครงการ Save the Children ให้ความเห็นว่า “ในกรณีของเด็กผู้หญิงคนนี้ ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกในยุคของสังคมออนไลน์ แต่สภาพชีวิตของเธอในอเลปโปตรงกับสิ่งที่เราได้ยิน ความกลัวที่เกิดจากเสียงของเครื่องบินและระเบิด พวกเขาหวาดกลัวและไม่สามารถหลับตาลงได้ในตอนกลางคืน”

ขณะที่ จูเลียต เอส. ทูมา (Juliette S. Touma) โฆษกประจำ Unicef ยอมรับว่า “มันไม่มีทางที่เราจะยืนยันได้เลยว่าข้อความบนทวิตเตอร์ถูกทวิตจากไหน หรือข้อความทั้งหมดมาจากบานาจริงๆ หรือมาจากคนอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ที่อื่นด้วย อย่างไรก็ตามข้อความที่ถูกเผยแพร่ผ่านทวิตเตอร์นี้ได้เน้นย้ำให้เราเห็นสภาพความเป็นอยู่ของเด็กๆ ที่เป็นเหยื่อของการต่อสู้ระหว่างสองฝ่าย และมันไม่ได้เกิดขึ้นกับเด็กผู้หญิงคนนี้แค่คนเดียว มันเกิดขึ้นกับเด็กๆ อีกหลายคน”

ด้าน เจน อี. เคิร์ตลีย์ (Jane E. Kirtley) อาจารย์ด้านจริยธรรมสื่อและกฎหมาย ประจำมหาวิทยาลัยมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา มองว่า แม้ว่าสิ่งที่ปรากฏให้เห็นผ่านทวิตเตอร์ของบานานั้นจะเป็นสิ่งที่สะเทือนใจ แต่สื่อควรจะมีหน้าที่ตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเธอมองว่าเธอไม่ค่อยเห็นจากสื่อทั่วไป “มันมีคำถามเสมอว่า เด็กผู้หญิงอายุเจ็ดขวบถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือเปล่า และโดยใคร บางครั้งเราอาจจะเกิดความรู้สึกร่วมกับเธอและข้อความของเธอ จนทำให้เราลืมที่จะตั้งคำถามกับมัน เพราะสำหรับฉันแล้ว ฉันจะเกิดคำถามเสมอ ยิ่งโดยเฉพาะกับเรื่องที่กระตุ้นความสนใจเช่นนี้”

ขณะที่ แคทลีน บาร์ตเซน คัลเวอร์ (Kathleen Bartzen Culver) ผู้อำนวยการ Center for Journalism Ethics ของมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ของสหรัฐฯ มองว่า เธอเห็นด้วยที่สื่อไม่ค่อยตั้งคำถามกับทวิตเตอร์ของบานา แต่สิ่งที่สื่อควรจะทำจริงๆ แล้วมีมากกว่านั้น “เราไม่สามารถตั้งคำถามแค่กับแหล่งที่มาของทวิตเตอร์ของบานา เราควรจะตั้งคำถามกับคนที่ออกมากล่าวหาทวิตเตอร์นี้ด้วยว่าเป็นเครื่องมือทางการเมืองเช่นกันหรือเปล่า”

ก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์ที่ผู้หญิงรายหนึ่งเขียนบล็อกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในกรุงดามัสกัสของซีเรีย โดยแนะนำตัวเองผ่านบล็อกว่าเป็นเลสเบี้ยน และใช้ชื่อว่า Amina Arraf และจู่ๆ บล็อกของเธอก็หายไป จนตอนหลังพบว่าแท้จริงแล้วเจ้าของบล็อกคือ ชาวอเมริกันวัย 40 ปีจากจอร์เจีย

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า เขาต้องการทำให้กลุ่มไอเอสพ่ายแพ้ ‘โดยเร็วที่สุด’ โดยอ้างว่าเขามี ‘แผนการลับขั้นสูงสุด’

ทรัมป์ยินดีจะร่วมมือกับรัสเซียในการปราบกลุ่มไอเอส

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับรัสเซียตึงเครียด จากการสนับสนุนคนละฝ่ายในสงครามซีเรีย จนหลายฝ่ายกังวลว่าความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจทั้งสองประเทศนี้จะลุกลามบานปลายเป็นความขัดแย้งระดับมหภาคหรือไม่

แต่ทันทีที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามาทำงาน ทีมงานของเขาออกมาแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (24 มกราคม 2017) ว่า สหรัฐฯ ยินดีจะร่วมมือกับกองทัพรัสเซียในการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มกบฏในซีเรีย

ฌอน สไปเซอร์ (Sean Spicer) สื่อประจำทำเนียบขาวแถลงว่า “ประธานาธิบดีมีจุดยืนชัดเจนว่า เขาต้องการทำงานกับประเทศไหนก็ตามที่มีเป้าหมายเดียวกันในการต่อสู้กับกลุ่มไอเอส และผมคิดว่าถ้ามันมีหนทางใดที่เราสามารถต่อสู้กับกลุ่มไอเอส ไม่ว่าจะกับรัสเซีย หรือประเทศไหนก็ตาม ซึ่งมีเป้าหมายเดียวกับเรา แน่นอน เราจะให้ความร่วมมือ”

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า เขาต้องการทำให้กลุ่มไอเอสพ่ายแพ้ ‘โดยเร็วที่สุด’ โดยอ้างว่าเขามี ‘แผนการลับขั้นสูงสุด’

ก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน 2016 อดีตประธานาธิบดี บารัก โอบามาประกาศจุดยืนชัดเจนว่า สหรัฐฯ จะยังไม่ร่วมมือกับรัสเซียในการปราบกลุ่มไอเอส จนกว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงได้ก่อน และต่อมาสหรัฐฯ ได้เลื่อนการเจรจากับรัสเซีย หลังจากเกิดเหตุระเบิดอีกครั้งที่ทำให้การพักรบสิ้นสุด

รัสเซียได้ออกมาแสดงความหวังว่า รัฐบาลของ โดนัลด์ ทรัมป์ จะทำให้การร่วมมือในการหยุดสงครามที่ยืดเยื้อยาวนานกว่า 6 ปีเป็นจริงได้

 

Photo: Mukhtar Kholdorbekov, Reuters/profile

 

รัสเซียและตุรกีจัดการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลซีเรียและกลุ่มกบฏ

 เมื่อวานนี้ (24 มกราคม 2017) ฟากรัสเซีย ตุรกี และอิหร่าน เพิ่งตกลงที่จะติดตามการหยุดยิงจากทุกฝ่ายให้เกิดขึ้นจริง และป้องกันเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะกระทบต่อการหยุดยิง หลังจากใช้เวลาประชุม 2 วันในกรุงอัสตานา ประเทศคาซัคสถาน

นับเป็นการเจรจาอย่างไม่เป็นทางการระหว่างกลุ่มกบฏกับตัวแทนของรัฐบาลซีเรียในรอบ 9 เดือนแรก ในช่วงเวลาที่ตุรกีกับรัสเซียต่างต้องการให้ความขัดแย้งในซีเรียคลี่คลาย อย่างไรก็ตามฝ่ายรัฐบาลซีเรียและกลุ่มกบฏดูยังจะไม่สามารถตกลงกันได้ในการเจรจาครั้งนี้

การที่ทั้งรัสเซีย ตุรกี และอิหร่าน ออกมาสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงครั้งนี้อาจนำไปสู่ความร่วมมือใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อบทบาทของสหประชาชาติในการสร้างสันติภาพในซีเรีย รวมถึงสหรัฐฯ ที่กำลังวุ่นวายกับปัญหาภายในประเทศ และเพิ่งมีประธานาธิบดีคนใหม่

ด้านสหรัฐฯ ออกมาแสดงท่าทีว่าสหรัฐฯ รอการเจรจาพูดคุยระหว่างกลุ่มกบฏและรัฐบาลซีเรีย ที่สนับสนุนโดยองค์การสหประชาชาติ ขณะที่ สตาฟฟาน เดอ มิสตูรา (Staffan de Mistura) ทูตประจำองค์การสหประชาชาติในซีเรียระบุว่า “เรา (องค์การสหประชาชาติ) คือฝ่ายสำคัญในการเจรจาหยุดยิง และขั้นตอนควรถูกดำเนินการต่อที่เจนีวา เราไม่สามารถอนุญาตให้ข้อตกลงหยุดยิงอื่นเกิดขึ้นได้ เพราะขาดขั้นตอนทางการเมืองที่ถูกต้อง”

การเจรจาเกี่ยวกับสงครามซีเรียจะจัดขึ้นโดยสหประชาชาติในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2017 นี้

ทั้งนี้ หากยังไม่มีข้อตกลงระหว่างรัฐบาลซีเรียกับกลุ่มกบฏที่ชัดเจน ก็ยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่าการเจรจาหรือข้อตกลงที่ไม่ว่าจะจัดขึ้นโดยฝ่ายใดจะประสบผลสำเร็จ

Cover: Umit Bektas, Reuters/profile​

อ้างอิง:

​     – http://www.independent.co.uk/news/world/middle-east/donald-trump-is-open-to-working-with-moscow-russia-air-strikes-isis-in-syria-bashar-al-assad-a7543421.html
​     – https://mobile.nytimes.com/2016/12/07/world/middleeast/aleppo-twitter-girl-syria.html?0p19G=c
​     – https://www.washingtonpost.com/lifestyle/style/a-gay-girl-in-damascus-comes-clean/2011/06/12/AGkyH0RH_story.html?utm_term=.f91d217ead34
​     – http://uk.reuters.com/article/uk-mideast-crisis-syria-talks-idUKKBN1570HP
​     – http://www.aljazeera.com/news/2017/01/astana-syria-peace-talks-breakthrough-170123180946956.html

Tags: , ,