วันนี้ (18 เมษายน 2565) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า แถลงข่าวชี้แจงถึงคดีความทั้งหมด โดยระบุว่า ตั้งแต่เริ่มทำงานการเมือง ขณะนี้ โดนคดีทั้งสิ้น 10 คดี ได้แก่

1. ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีไลฟ์เรื่องวัคซีนพระราชทาน

2. ความผิดตามกฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กรณีไลฟ์เรื่องวัคซีนพระราชทาน

3. ความผิดตามกฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กรณีศาลขอให้ระงับการเผยแพร่คลิปเรื่องวัคซีนในอินเทอร์เน็ต

4. ความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบพรรคการเมือง มาตรา 151 กรณีที่รู้ว่าขาดคุณสมบัติ แต่ยังลงสมัครเลือกตั้ง จากการถือหุ้นสื่อ ซึ่งคดีนี้ อัยการสั่งไม่ฟ้อง แต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเห็นแย้งอัยการ คดีนี้ยังอยู่ในการดูแลของอัยการสุดสุด

5. ความผิดคดีฟ้องเท็จ จากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ฟ้องตนเอง หลังจากพรรคอนาคตใหม่ฟ้อง กกต. ว่าใช้วิธีไม่ถูกต้องในการพิจารณาคดีที่ธนาธรให้เงินกู้กับพรรคอนาคตใหม่ ทำให้ กกต. ฟ้องกลับ คดีนี้ศาลประทับรับฟ้องแล้ว และได้ประกันตัวออกมาเมื่อเช้านี้

6. ความผิดคดี ยุยง ปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 กรณีก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่และโดยรวม ซึ่งมี สุวิทย์ ทองประเสริฐ (อดีตพระพุทธอิสระ) เป็นผู้ฟ้อง

7. ความผิดคดี ยุยง ปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 จากกรณีชุมนุมหน้าสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน เมื่อปี 2558 ซึ่งไปในฐานะคนธรรมดา เพื่อให้กำลังใจ รังสิมันต์ โรม และถูกฟ้องย้อนหลัง

8. ความผิดในคดี พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะ จากการชุมนุมหน้า สน.ปทุมวัน เมื่อปี 2558

9. ความผิดฐานฝ่าฝืนพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน จากการร่วมชุมนุมกับกลุ่มราษฎรที่ห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอนัดฟังคำสั่งอัยการ

10. ความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ จากการไลฟ์รายการคืนวันสุขให้ประชาชน วิจารณ์ คสช. ซึ่งศาลสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว

สำหรับความผิดตามมาตรา 112 จากการไลฟ์สดกรณีวัคซีนพระราชทานนั้น ธนาธรบอกว่า ในส่วนของคดีแรก จากการที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ขอให้ลบคลิปออกจากอินเทอร์เน็ตทั้งหมด โดยคดีนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาเป็นคุณ แต่ศาลอุทธรณ์ กลับคำพิพากษาในศาลชั้นต้น ตอนนี้ได้ยื่นฎีกา และจนถึงวันนี้ คลิปดังกล่าวยังคงอยู่ในระบบอินเทอร์เน็ต

ส่วนคดีที่ 2 เป็นความผิดตามมาตรา 112 ที่มาจากการไลฟ์เรื่องวัคซีนพระราชทาน ปัจจุบัน อัยการสั่งฟ้องไปแล้ว และศาลอนุญาตให้ประกันตัวในช่วงก่อนวันหยุดสงกรานต์ อีกทั้งยังมีคดีมาตรา 112 อีกคดี ที่อยู่ในชั้นตำรวจ

“ตอนที่ผมไลฟ์เรื่องวัคซีนพระราชทาน ต้องบอกว่า เราไม่ใช่คนคิดค้นคำนี้ขึ้นมา คำนี้คิดค้นและถูกประชาสัมพันธ์โดยฝ่ายรัฐบาลเอง และถ้าใครดูเนื้อหาที่ผมพูด คือในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงถือหุ้นบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์จริงๆ ซึ่งประชาชนก็รู้ข้อเท็จจริงนี้อยู่แล้ว

“ส่วนการไลฟ์ของผม ก็คือการพยายามนำเสนอว่า การที่ประเทศไทยไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า แทงม้าวัคซีนตัวเดียว จะทำให้เราไม่สามารถรับมือโคโรนาไวรัสได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ เรายกตัวอย่างหลายๆ ประเทศ ที่สั่งจองวัคซีนหลายตัว หลายรูปแบบเช่นกัน ทั้งไวรัลเวกเตอร์ และ mRNA ซึ่งวันนี้ ก็พิสูจน์แล้วว่าวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลคือ mRNA ไม่ใช่ไวรัลเวกเตอร์ และปัจจุบัน รัฐบาลก็ใช้ mRNA ฉีดให้ประชาชนเป็นหลัก”

ธนาธรยังระบุว่า การพูดเรื่องวัคซีนนั้น เกิดจากการเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ทั้งนี้ แม้คดีมาตรา 112 จะเป็นคดีที่รุนแรง แต่ไม่ทำให้ท้อถอย และยืนยันว่าคดีนี้ จะไม่ทำให้หยุดพูดในสิ่งที่สังคมควรรู้ หากมีอะไรที่ประชาชนได้ประโยชน์ ก็จะนำเสนอข้อมูลนั้นกับประชาชนต่อไป

ส่วนคดีที่ดินราชบุรีนั้น เป็นเรื่องที่เจ็บปวดมาก ทั้งสำหรับตนเองและครอบครัว เพราะไม่ได้เกิดแค่คนเดียว แต่ยังลามไปถึงแม่ พี่สาว และครอบครัว ที่ถูกตราหน้าว่าโกงชาติ โกงแผ่นดิน และโกงป่า สำหรับข้อเท็จจริงเรื่องการซื้อที่ดินนั้น แม่ (สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ) ได้ชี้แจงไปแล้วว่า ได้ซื้อที่ดินทั้งผืนจากบริษัทมิตรผล และซื้อมาอย่างไร วันนี้ ที่ดินก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ไม่เคยขอเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ครอบครอง เป็นที่ดิน น.ส.3ก. มานานหลายปี ไม่เคยพยายามขอให้เปลี่ยนเอกสารสิทธิ์

สำหรับคดีนี้ ธนาธรตั้งข้อสังเกตว่า อาจเกี่ยวพันกับกรณีที่ ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ นิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกำกับดูแลกรมที่ดิน โดยประเสริฐพงษ์อภิปรายว่า นิพนธ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาเอื้อผลประโยชน์ให้กับเครือญาติ โดยให้เครือญาติซื้อที่ดินเหล่านั้น ก่อนจะเป็นผู้อนุญาตให้ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นนิคมอุตสาหกรรมจะนะ

ทั้งนี้ หลังจากมีมติให้ที่ดินบริเวณนั้นเป็นนิคมอุตสาหกรรมได้ ก็เกิดการขายที่ดินจากเครือญาติของนิพนธ์ ฟันส่วนต่างรวมแล้วในหลักร้อยล้านบาท หลังจากนั้น พรรคก้าวไกลได้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญว่า นิพนธ์ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี เพราะมีคำสั่งศาลให้พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาจากกรณีทุจริต และได้ยื่นศาลกรณีนิพนธ์ขาดคุณสมบัติอีกครั้งเมื่อเดือนมกราคม ปี 2565 ซึ่งในเวลาเดียวกัน นิพนธ์ก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเองว่า ได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาอีกชุดเพื่อตรวจสอบกรณีที่ดินของตนเอง

“กรณีนี้ คุณนิพนธ์ สมัยเป็นนายก อบจ. ได้ผลักดันพื้นที่ให้เป็นนิคมจะนะ และพบว่าเครือญาติคุณนิพนธ์ มีการซื้อขายที่ดินน่าสงสัย 48 ธุรกรรม เป็นกลุ่มทุนและเครือญาติของนิพนธ์ทั้งสิ้น โดย ส.ส.ประเสริฐพงษ์ ตรวจสอบแล้ว พบว่ามีการเปลี่ยนมือ ก่อนมีมติคณะรัฐมนตรีให้ที่ดินตรงนั้นเป็นนิคมได้ และเมื่อมีมติคณะรัฐมนตรีแล้ว ก็มีการขายที่ดินให้กับกลุ่มทีพีไอ ซื้อมาราคาเฉลี่ย 3 แสนกว่าบาท ไปขาย 4-6 แสนบาท ทำให้เครือญาตินิพนธ์ได้รับส่วนต่าง ในระยะเวลาเพียง 4 วันนั้น ฟันกำไรส่วนต่างไป 100 กว่าล้าน จากการซื้อๆ ขายๆ ที่ดิน เมื่อ ส.ส. ประเสริฐพงษ์อภิปราย ก็เกิดกรณีที่ดินราชบุรีของผมและครอบครัว”

ธนาธรยังระบุอีกด้วยว่า ยังมี ส.ส. อีกหลายคนที่ถือครองที่ดินในเขตป่าเช่นกัน อาทิ วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งถือครองที่ดินในเขตป่าดงพญาเย็นชัดๆ รวมถึงยังมี ส.ส. รัฐบาลอีกกว่า 50 ราย ที่มีกรณีคล้ายกัน

ทั้งนี้ หากเป็นป่าจริงๆ รัฐจะยึดคืนก็ไม่ว่าอะไร แต่เมื่อตอนที่ซื้อ ก็ไม่มีใครบอกว่าเป็นป่า ทั้งหมดเป็นที่ดิน น.ส.3ก. ที่รัฐเป็นผู้ออกให้ เมื่อรัฐออก น.ส.3ก.ให้ ก็สะท้อนว่ามีสภาพสมบูรณ์ ซื้อขายแลกเปลี่ยนมือกันได้ และเมื่อตอนตรวจสอบกระบวนการสอบสวนเรื่องดังกล่าว แม้แต่รัฐเองก็ยังไม่รู้เลยว่า ที่ดินราชบุรีเป็นป่าหรือไม่ จนกรมที่ดินและกรมพัฒนาที่ดินต้องแทงหนังสือกันไปมาหลายรอบว่าเป็นป่าหรือไม่ และหากย้อนกลับไป 20 กว่าปีที่แล้ว ที่อินเทอร์เน็ตยังไม่มี ก็ยากจะตรวจสอบ ว่าที่ดินตรงไหน เป็นป่าหรือไม่ใช่ป่า

ธนาธรยังได้ฉายสไลด์ภาพ ‘บ้านพักเขายายเที่ยง’ ของ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านพักต่างอากาศของพลเอกสุรยุทธ์​ โดยเมื่อสอบสวนไปแล้ว พบว่ามีการคืนที่ดินให้กับรัฐ อัยการก็สั่งไม่ฟ้อง เพราะไม่เห็นความตั้งใจของพลเอกสุรยุทธ์ในการรุกที่ป่า พร้อมกับระบุว่า หากบังคับใช้กฎหมาย ก็ควรต้องบังคับใช้แบบเดียวกัน ไม่ว่าจะร่ำรวย จะยากจน ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค และเท่าเทียมกัน

“ผมยืนยันว่าการทำงานของผม นับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในสนามการเมือง เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นว่าอยากสร้างประเทศไทยที่ดีกว่านี้ สร้างประเทศไทยที่เป็นประชาธิปไตย สร้างประเทศไทยที่มีความเท่าเทียมเป็นธรรม ตั้งแต่ทำมาจนถึงวันนี้ ไม่เคยคิดจะแสวงหาประโยชน์ใส่ตัว ไม่เคยคิดอยากจะเอาภาษีประชาชน เอาอำนาจมาสร้างความร่ำรวยให้กับตัวเองและพวกพ้อง

“แต่ผมขอยืนยันว่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ยุติการทำงานของพวกเราไม่ได้ คดีความอาจจะกวนใจบ้าง อาจจะเสียสมาธิ เสียเวลา แต่จะไม่ทำให้เราหวาดวิตก ไม่ทำให้เราหวาดกลัว จะก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางที่พวกเราถากถางกันมา 4-5 ปี”

ภาพ: คณะก้าวหน้า

Tags: , , , ,