วันนี้ (29 ตุลาคม 2565) ที่โรงแรมอมารี แอร์พอร์ต ดอนเมือง สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวตอนหนึ่งในงานเสวนาผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน ถอดบทเรียนเหตุการณ์หนองบัวลำภูว่า ปัญหาอย่างหนึ่งของระบบตำรวจคือการรับตำรวจชั้นผู้น้อย ตำรวจชั้นประทวน มีการเอาเด็กจบมัธยมใหม่ๆ 18-20 ปี มาเป็นตำรวจ เมื่อนำเด็กมามีอำนาจ มีอาวุธ หลายคนมีสติแบบเด็ก ยิ่งเมื่อมีกฎหมายในมือ อนุญาตให้จับคน ให้พกอาวุธ แล้วเกิดอะไรขึ้น ปัญหาอย่างแรกก็คือ ‘เบ่ง’
“ถ้าองค์กรเขามีวินัย กำกับได้ดี ไม่เท่าไร แต่เกิดองค์กรเละ มีระบบเส้นสาย ให้คุณไปหาเงิน เก็บส่วยมาส่ง มึงเก็บไม่ได้ กูจัดการมึง หรือเก็บมาเยอะๆ นายเอาหมด โยกย้ายไม่เป็นธรรม กลั่นแกล้ง รังแก ถ้ามันไปกดกับเด็กที่มีอำนาจ และเด็กที่มีปืน มันก็ระเบิด
“กรณีที่หนองบัวลำภู ไปเกิดกับเด็กที่มีอำนาจ คือเป็นตำรวจ มีอำนาจเยอะ แล้วมีปืนอยู่ในมือเยอะด้วย แล้วแถมไปโดนระบบซึ่งไม่ยุติธรรม ความยุติธรรมก็จะเป็นโครงสร้างหนึ่งที่ก่อให้เกิดเหตุนี้ ถ้าเสียสติ ถ้ามีปืน มีอำนาจ แล้วมีความไม่เป็นธรรม กดโยงไปอีกก็เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ หรืออย่างที่โคราช มีความไม่เป็นธรรมด้วย คือเจ้านายไปบีบ รีดไถโครงการบ้านสวัสดิการ ความไม่เป็นธรรมไปปิดปากเด็ก เด็กมันก็ระเบิด”
สุทินยังบอกอีกว่า สุดท้ายคือชุมชนหรือองค์กรที่คนกลุ่มนี้ไประบายอารมณ์ก็มีทั่วไปหมด ปัจจุบัน ศูนย์เด็กเล็กมีทุกหมู่บ้าน ตำบล หรือโรงเรียนประถม มัธยม คนแก่จำศีลที่วัด ก็เป็นเหยื่อของคนเหล่านี้ได้ เมื่อองค์ประกอบครบโอกาสที่จะเกิดอย่างนี้ก็สูงตามไปด้วย
สำหรับกรณีสิบตำรวจเอก ปัญญา คำราบ ที่ก่อเหตุที่หนองบัวลำภูนั้น สุทินระบุว่าขณะนี้มีจำนวนมาก คือมีระดับสติแบบเดียวกัน และมีปืน เรียกได้ว่าอาจมีทุกหมู่บ้าน แต่ยังไม่ได้ก่อเหตุ เพราะยังไม่มีจุดสปาร์ก และอีกส่วนหนึ่งคือเรื่องของระบบบำบัดยาเสพติดที่มีปัญหา
“หลายคนอาจบอกผมพูดเกินจริง กฎหมายยาเสพติดล่าสุด ใครพกเกิน 15 เม็ด เมื่อก่อนเกิน 15 เม็ดถือว่าขาย หรือจำหน่าย แต่เราไปแก้กฎหมายใหม่ว่า 15 เม็ด อย่าไปถือว่าเป็นผู้จำหน่าย ต้องไปสอบสวนเพิ่มเติมว่าเขาจำหน่ายหรือไม่ได้จำหน่าย ฉะนั้น ถามว่าเบาไหม ก็เบาลง ต่อมา ข้อหาผู้เสพ เราไปบอกว่าผู้เสพคือผู้ป่วย จับเขาก็ดำเนินคดีเขาทันทีไม่ได้ ตำรวจต้องไปถามความสมัครใจ ว่ายินดีจะเข้าสู่กระบวนการบำบัดไหม หรือจะต่อสู้คดีไป ก็เข้าสู่ระบบบำบัดหมด ตรงนี้มีเหตุผล เพราะว่าคุกมันล้น จะลดจำนวนคนติดคุกออก ก็เอาไปบำบัด ในต่างประเทศก็มี
“แต่ปัญหาก็คือเราส่งไปบำบัดที่โรงพยาบาลจิตเวชของกระทรวงสาธารณสุข แล้วก็ไปวัด สิ่งที่ต้องยอมรับคือกระบวนการบำบัดของเราไม่แข็งแรง ไม่มีประสิทธิภาพพอที่จให้คนเลิกยาได้ จริงๆ จะไปบำบัดเพื่อให้ละลดเลิก แต่ร้อยคนที่ส่งไป ไม่ละลดเลิก ที่ศูนย์บำบัดเขาก็บอกว่า ส.ส. ไปแก้กฎหมายคืนให้หน่อย บอกว่าอยู่ดีๆ ฉันก็จะตายแล้ว ไปเอาพวกยาบ้ามาเติมให้ฉันอีก หมดปัญญา ทุกวันนี้ส่งมาก็ให้อยู่เดือนเดียว ก็กลับ กลับไปอยู่บ้าน หนักกว่าเดิมอีก กระบวนการบำบัดไม่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพพอ เท่ากับคนดีที่อยู่เฉยๆ พ่อแม่ที่อยู่บ้านเฉยๆ ต้องเลี้ยงคนติดยาอีก อยู่บ้าน เสพขึ้นอีก เสพปุ๊ป ผู้ปกครองรับกรรมเลย กลายเป็นระเบิดเวลาประจำครอบครัว”
ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า เมื่อระบบบำบัดไม่ได้ผล คนติดยาเสพติดกลับไปอยู่บ้าน หลายครั้งพ่อแม่ก็ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ลูกขู่เอาเงินจากพ่อแม่ไปซื้อยาเสพติดหรือขู่ฆ่าพ่อแม่ ซึ่งตนเองได้รับคำปรึกษาเหล่านี้หลายครั้ง เมื่อพ่อแม่จะแจ้งตำรวจ ตำรวจก็ระบุว่าทำอะไรไม่ได้นอกจากส่งไปบำบัด เมื่อคนติดยาเสพติดต้องเข้าสู่ระบบบำบัดรอบที่สอง ก็ขู่คาดโทษพ่อแม่ที่เป็นคนแจ้งจับ
“ทุกวันนี้ พ่อแม่ต้องแยกบ้านอยู่ ไปอยู่หัวไร่ปลายนา ทุกคนหนี หนีเพราะกลัวโดนไปจัดการ มันก็ตามไปได้ คนที่ติดยา อยู่ในระยะอย่างนี้ มีทุกหมู่บ้าน ถามว่าทำไมยังนิ่ง มันยังไม่ถึงจุดระเบิด ถ้าหากไปสปาร์ก ถ้าพ่อแม่จะแจ้งจับ ตำรวจจะกวาดล้าง หรือพ่อแม่ไม่ให้เงิน ไม่มียาเสพแล้ว ปืนอยู่ไหน ปืนก็หาง่าย ศูนย์เด็กเล็กก็อยู่ท้ายบ้าน อันตรายมีทุกเวลา นาที”
สุทินยังระบุด้วยว่า องค์กรที่เกิดปัญหาเหล่านี้บ่อยครั้งที่สุดคือองค์กรสีกากีกับองค์กรสีเขียว ซึ่งต้องตั้งคำถามว่าวันนี้ องค์กรสีกากีกับองค์กรสีเขียวได้มีการปรับเปลี่ยนหรือยัง ปฏิรูปหรือยัง ตื่นตัวหรือยัง แก้ปัญหาหรือยัง เพราะหลังจากเกิดเหตุที่จังหวัดหนองบัวลำภูก็เกิดขึ้นอีก 2 ครั้ง รอบแรกคือเหตุตำรวจยิงในผับที่จังหวัดตรัง และหนีไปพร้อมอาวุธอีก 1 วัน และอีกรอบคือที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งตำรวจขู่จะยิงทั้งโรงพัก เนื่องจากไม่พอใจชาวบ้านเผาฟางแล้วไปโดนท่อประปา
“ตำรวจขู่ชาวบ้านเพราะชาวบ้านไปเผาฟาง ลามมาไล่ท่อประปา แค่นี้ก็จะยิงชาวบ้าน ทำไมยิง ยิงเพราะหนึ่ง กูมีอำนาจ สองมีปืน สาม บอกว่าเจ้านายไม่ให้ความเป็นธรรม พอเกิดเรื่อง เขากับคู่กรณีก็ไปแจ้งเจ้านาย เจ้านายรับแจ้งความเฉพาะชาวบ้าน อ้าว ก็ใช่สิ คุณไปขู่ยิงเขา ส่วนที่เขาเผาฟาง น้ำหนักไม่พอ เจ้านายก็ไม่รับแจ้งความ ตำรวจก็เลยน้อยใจที่ไม่ปกป้องลูกน้อง เลยบอกว่าสักวัน กูจะเอามันสักวันทั้งโรงพัก นี่ขู่แล้ว ความคิดอย่างนี้มีอีกแล้ว”
ทั้งนี้ องค์กรที่มีอำนาจ มีปืน แล้วก็มีเด็กที่มีอำนาจ ต้องรีบปฏิรูปตัวเองทั้งตำรวจ และทหาร และอีกอย่างที่ต้องเร่งปฏิรูปคือ ‘วัฒนธรรมเจ้านาย’ ที่ทั้ง 2 องค์กร ชอบส่งลูกน้องไปล่าเหยื่อมาส่งให้ตัวเอง ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าตำรวจหรือทหารเป็นอย่างนี้ทั้งหมด ตำรวจส่วนใหญ่นั้นเป็นคนดี แต่เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นจริงและต้องเลิก
“ผมถามตำรวจหลายคน เขาบอกว่าจะขึ้นสู่ตำแหน่ง มันต้องจ้างนะท่าน ส.ส. ผู้กำกับนี่ 5 ล้าน 10 ล้าน จะเอาเงินที่ไหนไปจ้าง หนึ่ง ก็ให้ลูกน้องไถ ไถแล้วยังไม่พอ โรงพัก ของกลางมันเยอะมาก เป็นเม็ดๆ ก็หมุนขายมัน ระบบเจ้านายที่ให้เขาขึ้นตำแหน่งแล้วรีดเงินกัน มันก็บีบให้คนดีๆ ต้องหาเงิน หาทางดีไม่ได้ ก็ต้องหาทางชั่ว เพื่อเอาเงินไปแลกขึ้นสู่ตำแหน่ง ยาบ้าเลยเต็มบ้านเต็มเมือง เลี้ยงยาไว้ขายหลายๆ รอบ เพื่อได้เงิน เอาเงินไปซื้อตำแหน่ง หัว ถ้าไม่จัดการตรงนี้ ก็ทำให้คนในองค์กรนี้แสวงหาเงินด้วยวิธีชั่วๆ คนรับกรรมก็คือ เด็ก เยาวชน ชาวบ้าน”
Tags: ตำรวจ, สุทิน คลังแสง