วันนี้ (24 ธันวาคม 2568) ที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขึ้นแถลงนโยบายของพรรคภูมิใจไทยด้านการพาณิชย์ สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปปี 2569 โดยเสนอแนวคิด ‘Trade+’ เพื่อส่งเสริมการค้าของทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นภาคการเกษตร ภาคการผลิต หรือภาคบริหาร
ศุภจีระบุว่า นโยบายการค้าที่สำคัญของพรรคภูมิใจไทยจะมุ่งเน้นเชื่อมการค้าโลก เปลี่ยนคู่ค้าเป็นพันธมิตร เพื่อหาประโยชน์ร่วมกันที่ยั่งยืนระหว่างกันและกัน
ศุภจียังกล่าวด้วยว่า ประเทศไทยจะต้องส่งเสริมการส่งออกในภาคบริการให้มากขึ้น นอกเหนือจากขายสินค้าแบบเดิม เพราะประเทศไทยมีบริการที่มีมูลค่าสูงจำนวนมาก เช่น บริการทางด้านการแพทย์ หรือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy)
สำหรับภาคการเกษตร ศุภจีเสนอว่า จะต้องเพิ่มรายได้และความมั่นคงให้กับเกษตรกร ผ่านนโยบายแลกเปลี่ยนสินค้า (Barter Trade) ในสินค้าที่ประเทศไทยไม่สามารถทำได้และต้องนำเข้า เช่น อาวุธยุทโธปกรณ์หรือเครื่องบินพาณิชย์ โดยจะนำสินค้าการเกษตรไปเป็นเงื่อนไขในการแลกเปลี่ยน เพื่อให้ราคาสินค้าการเกษตรเพิ่มสูงขึ้น
ศุจภีย้ำว่า เกษตรกรของไทยจะต้องผลิตสินค้าเกษตรให้ตรงกับความต้องการของตลาด (Demand Driven) โดยจะสนับสนุนเงินอุดหนุนให้เกษตรนำไปปลูกพืชผลที่เป็นที่ต้องการของตลาด ในท้ายแปลงที่ดินของเกษตรกรแต่ละราย
ขณะที่นโยบายสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ต้องติดปีกให้กับกลุ่มธุรกิจนี้เปลี่ยนจากออฟไลน์เป็นออนไลน์ เน้นความสำคัญกับการสร้างโมเดล Asset Light เช่น การทำแฟรนไชส์ โดยร่วมมือกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) และกรมธุรกิจการค้า เพื่อให้ธุรกิจแฟรนไชส์มีมาตรฐาน สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้
ศุภจียังกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันอยู่ในยุคของ Creative Economy คนไทยเป็นคนฉลาด คนรุ่นใหม่มีความคิดสร้างสรรค์ แต่ไม่ค่อยมีหน่วยงานให้การสนับสนุน ดังนั้นพรรคภูมิใจไทยจะให้การสนับสนุนทักษะ กฎระเบียบ สิทธิบัตร และการเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อส่งเสริมการสร้างรายได้ให้
สำหรับนโยบายด้านอุตสาหกรรม ศุภจีระบุว่า จะเน้นให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) ที่จะมีการสนับสนุนโดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (The Board of Investment of Thailand: BOI) เน้นอุตสาหกรรมมูลค่าสูง เช่น การท่องเที่ยว
ศุภจีฉายภาพว่า การท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ดังนั้นต้องเน้นไปที่การท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูง เช่น Wellness Tourism ที่มีจำนวนวันของการพักอาศัยหลายวัน และมีการใช้เงินเป็นจำนวนมาก เป็นสิ่งที่ต้องสนับสนุน
พร้อมกันนั้นการแก้ไขปัญหาภาคการท่องเที่ยว ศุภจีมองว่า ไม่ได้มีปัจจัยแค่การท่องเที่ยวแต่อย่างเดียว แต่ต้องสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวด้วย
นอกจากนี้ศุภจียังนำเสนอนโยบาย ‘ไทยแลนด์พลัส+: รัฐฉับไว อนุมัติไว ไม่มีกั๊ก’ เพื่อปรับกฎหมายเพื่อลดความซับซ้อน สร้างความโปร่งใส และเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้เสียภาษี รวมถึงพยายามผลักดันให้ประเทศไทย เข้าไปอยู่ในองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นแก่ประเทศไทย
“ถ้าเราทำนโยบายทั้งหมดนี้แล้ว รวมถึงนโยบายความมั่นคง นโยบายต่างประเทศ ภัยพิบัติ การปราบปรามสแกมเมอร์ เรื่องผู้สูงวัย การศึกษา ท่านว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคืออะไร สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ รอยยิ้มของคนไทย
“เราเคยถูกเรียกว่า สยามเมืองยิ้ม วันนี้เราอาจจะยิ้มไม่ค่อยออกเท่าไร แต่ขอเวลาอีก 4 ปี เรายิ้มได้สวยแน่นอน” ศุภจีทิ้งท้าย
Tags: เกมพลิกอำนาจ, พาณิชย์, เลือกตั้ง, พรรคภูมิใจไทย, เกษตรกร, ศุภจี สุธรรมพันธุ์, ศุภจี, เลือกตั้ง 69, House of Cards




