วันนี้ (12 กันยายน 2566) ที่รัฐสภา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า การด้อยค่า ไม่ว่าจะด้อยค่านักการเมืองด้วยกันหรือด้อยค่าสถาบันทหาร ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรบมือหรือหัวเราะชอบใจ โดยการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะร่วมกันแก้และสะสางปัญหาที่มีอยู่เป็นเวลานาน และเป็นปัญหาใหญ่ของช่องว่างที่มีระหว่างกัน
สำหรับประเด็นที่ได้หยิบยกขึ้นมา เศรษฐากล่าวว่า การพัฒนาร่วมกับฝ่ายทหารอาจมีขีดจำกัดบ้าง ผลลัพธ์อาจแตกต่างไปบ้าง แต่อยากเห็นสังคมที่เดินไปข้างหน้าได้ ลดความขัดแย้งลดการใช้วาทกรรมที่ทำให้เกิดการด้อยค่ากันในสภาฯ อันทรงเกียรติแห่งนี้
“เข้าใจดีว่าวิธีการนำเสนอผ่านคำพูดต่างๆ แทนที่จะทำให้บรรยากาศในการทำงานร่วมกันกับสถาบันทหาร อาจทำให้ชีวิตของพี่น้องประชาชนลำบากขึ้น
“ผมในฐานะผู้นำรัฐบาลมีความเป็นห่วงจริงๆ ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ในการที่จะบังคับกัน เรื่องการใช้วาทกรรมที่มีการด้อยค่ากัน ผมว่าผมพูดเรื่องนี้พอแล้ว แต่การที่เราจะพัฒนากองทัพไปด้วยกัน เป็นเรื่องที่เราต้องให้เกียรติทางกองทัพ
ส่วนเรื่องการเกณฑ์ทหารนั้น เศรษฐาระบุว่า จะทำให้ประชาชนชายไทยทุกคนมีสิทธิในการเลือกประกอบอาชีพอย่างสมศักดิ์ศรี โดยธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงของหน่วยงานทหาร เมื่อในยามที่ประเทศต้องการกำลังพลมาปกป้อง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน
ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยกันกับผู้นำเหล่าทัพเบื้องต้น และรับฟังความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำแล้ง เอลนีโญ น้ำท่วม ภาคส่วนทหารยืนยันที่จะช่วยเหลือพี่น้อง
ขณะที่ รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า “ถ้านายกรัฐมนตรีรู้สึกว่าถูกเสียดสี สิ่งที่นายกรัฐมนตรีต้องเลิกทำคือเสียดสีพวกเรา”
สำหรับเรื่องดังกล่าวมาจากกรณีที่ ส.ส.พรรคก้าวไกลหลายคนอภิปรายเรื่องกองทัพว่า รัฐบาลอาจไม่ตั้งใจในการปฏิรูปกองทัพจริง และแสดงความกังวลที่คำว่า ‘ปฏิรูปกองทัพ’ หายไปจากนโยบายรัฐบาล เหลือเพียงคำว่า ‘พัฒนาไปร่วมกัน’