‘สนธิญา’ ยื่นยุบพรรคก้าวไกล ปมครอบงำพรรคโดย ธนาธร – ปิยบุตร พร้อมร้อง ‘แพทองธาร’ เยี่ยมพ่อ

วันนี้ (26 พฤษภาคม 2566) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เวลาราว 11.00 น. สนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นยุบพรรคก้าวไกล เหตุมีการครอบงำ ชี้นำจาก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 28 และ 29 และฐานความผิดตามมาตรา 92 (3) ตามลำดับ พร้อมร้อง กกต.ตรวจสอบพฤติกรรมของ แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ที่เดินทางไปพบกับ ทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นการพบกันเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งอาจเป็นเหตุให้มีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง

สนธิญายื่นหนังสือยุบพรรคก้าวไกล โดยให้เหตุผลว่า มีการชี้นำจากคนนอก โดยเฉพาะปิยบุตรที่เป็นผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นตำแหน่งที่พรรคก้าวไกลเสียไปไม่ได้เป็นอันขาด ซึ่งพรรคก้าวไกลเห็นด้วยและไม่ได้ออกมาปฏิเสธ จึงอนุมานได้ว่าการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 28 และ 29 และนำไปสู่ฐานความผิดตามมาตรา 92 (3) เป็นการกระทำที่มีการชี้แนะ ชี้นำและครอบงำพรรคการเมือง ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะส่งไปตรวจสอบโดย กกต. และหากมีมูลความจริง ทาง กกต.จะเป็นผู้ดำเนินการส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาต่อไป

สนธิญายังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในกรณีที่แพทองธาร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เดินทางไปประเทศสิงคโปร์เพื่อพบกับทักษิณและยิ่งลักษณ์ เป็นการเข้าข่ายสมประโยชน์ทางการเมือง อาจผิดรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เนื่องจากในปัจจุบัน แพทองธารคือว่าที่นายกฯ หรือแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88 จึงเป็นเหตุให้มีการตรวจสอบเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนทางการเมือง

ทั้งนี้ ในส่วนที่มีการถามว่า หากลูกสาวไปพบพ่อ ตนชี้ว่าเป็นเรื่องที่ทำได้และเป็นเรื่องธรรมดาของครอบครัว แต่ปัจจุบัน แพทองธารมีตำแหน่งทางการเมือง และอยู่ในช่วงหลังการเลือกตั้งและการตัดสินใจทางการเมืองที่สำคัญ การไปพบกับคนนอก ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดคุณธรรม จริยธรรมและกฎหมายในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ใน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ข้อ 45 และผูกผันไปสู่ฐานความผิดตามมาตรา 92 (3) ซึ่งตนเคยยื่นตรวจสอบไปครั้งหนึ่งในเดือนธันวาคม 2565 ในเหตุผลเดียวกัน

อย่างไรก็ดี สนธิญากล่าวทิ้งท้ายว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกลจะไม่สามารถทะลุผ่านเข้าสู่กระบวนการโหวตเพื่อเป็นนายกฯ ได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในปัญหาเรื่องการถือหุ้นสื่อและการจัดตั้งรัฐบาล และการร้องเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศของแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ก็เป็นไปด้วยความสุจริตและเพื่อเป็นไปตามการตรวจสอบที่ถูกต้อง อีกทั้งยังให้กำลังใจพิธาว่าหากผ่านเรื่องทั้งหมดไปได้ ก็จะกลายเป็นว่าที่นายกฯ ที่เข้าสู่สภาได้สง่างามอย่างเต็มภาคภูมิ