วันนี้ (1 เมษายน 2565) จากกรณีที่กรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก. ของ สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ และบุตรอีก 2 คน คือ ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เนื่องจากพบว่าเป็นที่ป่าไม้ถาวร สมพรได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า รู้สึกเสียใจอย่างมากที่สังคมและสื่อต่างๆ ไปพาดหัวว่า ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ รุกที่ป่า กินป่า เพราะเป็นข้อหาที่ร้ายแรงสำหรับตนเองและครอบครัว ที่ทำมาหากินสุจริตและตั้งใจช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มกำลังมาโดยตลอด และขอโอกาสชี้แจง เพื่อให้สังคมให้ความเป็นธรรม

สมพรระบุว่า ที่ผ่านมา ไม่ใช่ผู้ซื้อมือแรก โดยเอกสารสิทธิ์ที่ดินออกตั้งแต่ปี 2521 โดยกรมที่ดิน มีเจ้าหน้าที่เซ็นรับรองถูกต้องทุกอย่าง ในปี 2533 ได้รับการแนะนำจาก สมัคร สุนทรเวช ซึ่งในสมัยนั้นเป็นนักการเมืองสำคัญ ให้มาซื้อที่ดินจากบริษัทมิตรผล ที่เป็นเจ้าของที่ดิน ขณะที่ กมล ว่องกุศลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัทมิตรผล ก็เป็นนักธุรกิจใหญ่ รู้จักกันดี เมื่อทั้งเจ้าของและผู้แนะนำให้ซื้อเป็นคนที่น่าเชื่อถือ จึงไม่คิดว่าที่ดังกล่าวผิดกฎหมาย

“ยืนยันว่าครอบครัวเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก. ตอนที่ฉันซื้อ ที่ดินก็มีเอกสารสิทธิ์รับรองถูกต้องตามกฎหมาย ซื้อขายมาหลายทอดแล้ว และฉันก็ไม่มีอำนาจบารมีไปบังคับ ข่มขู่ ให้เจ้าหน้าที่ออกเอกสารสิทธิ์ให้ ที่ดินก็เป็นที่ของบริษัทใหญ่ มีเครดิตดี คนแนะนำเป็นนักการเมืองใหญ่ เอกสารสิทธิ์ก็มีเรียบร้อย เราจึงไม่คิดเลยว่าจะมีปัญหาอะไรทางกฎหมาย”

สำหรับกรณีที่มีสื่อบางสำนักเสนอว่า สมพรเคยมีบันทึกกับกรมที่ดินว่ารับทราบอยู่แล้วว่าที่ผืนนี้เป็นที่ป่า สมพร ระบุว่า เอกสารฉบับนี้ มีเนื้อหาระบุแค่รับทราบว่าที่ดินแปลงนี้อาจเป็นหรือไม่เป็นที่ป่าไม้ถาวรก็ได้ บันทึกถ้อยคำดังกล่าว สำนักงานที่ดินทำไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนฟ้อง ถ้ามีการเพิกถอนสิทธิ์ในภายหลัง ซึ่งในกรณีนี้ กรมที่ดินเองก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ป่าหรือไม่ แล้วตนเองเป็นราษฎรธรรมดาจะทราบได้อย่างไร

“ฉันมีที่ดินผืนนี้มา 30 ปี ไม่เคยมีปัญหาอะไร จนกระทั่งลูกชายมาทำงานการเมือง ลูกก็โดนยัดคดีร้ายแรงให้สารพัด ส่วนตัวฉันเองก็โดนร้องเรียนว่ารุกป่า กินป่า เป็นเรื่องเป็นราวเป็นคดีใหญ่โต

“ฉันยืนยันตรงนี้ว่าที่ผืนนี้ ถึงจะซื้อมาถูกกฎหมายทุกประการ มีเอกสารสิทธิ์เรียบร้อย แต่อยู่มาวันหนึ่งรัฐบอกว่าผิด จะเพิกถอน ฉันไม่มีปัญหา แต่ต้องไปพิสูจน์ถูกผิดกันตามกฎหมาย ถ้าออกมาว่าเป็นป่าจริง ฉันยินดีคืนที่ให้ แต่อย่ามากล่าวหาว่าครอบครัวฉันโกงบ้านโกงเมืองเด็ดขาด”

สำหรับกรณีดังกล่าว สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 กรมที่ดินเผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนโฉนด น.ส.3 ก. ในพื้นที่อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี จำนวน 59 ฉบับ เนื้อที่รวม 2,111 ไร่ 1 งาน 69 ตารางวา ที่ได้ออกเมื่อปี 2521 ตามโครงการเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) โดยใช้ระวางรูปถ่ายทางอากาศ มิได้แจ้งการครอบครองที่ดิน ‘ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี’ ต่อมาได้ประกาศเป็นเขต ‘ป่าสงวนแห่งชาติ’ เมื่อปี 2527 จึงเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 58 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ห้ามดำเนินการในเขตป่าไม้ถาวร และเป็นที่ดินต้องห้ามมิให้ออก น.ส.3 ก. ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2527) คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่า น.ส.3 ก. ดังกล่าว ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย สมควรเพิกถอน น.ส.3 ก. ทั้ง 59 ฉบับ กรมที่ดินจึงมีคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มี.ค. 2565 เพิกถอน น.ส.3 ก. ทั้ง 59 ฉบับ

ทั้งนี้ เรื่องเริ่มต้นจากกรมป่าไม้ได้รับเรื่องร้องเรียนว่าโฉนดที่ดินนี้ ซึ่งใช้ชื่อของ สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของธนาธร รวมถึงที่ดินของธนาธร และชนาพรรณ พี่สาวธนาธร บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ โดยกรมป่าไม้ส่งสำนวนไปยัง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม กระทั่ง พนักงานสอบสวน บก.ปทส. มีความเห็นไปยังอัยการ ไม่สั่งฟ้องสมพรกับพวก จนทำให้กรมป่าไม้ทำหนังสือถึงอัยการจังหวัดราชบุรี เห็นแย้งกับพนักงานสอบสวน ขอให้อัยการสั่งฟ้อง ซึ่งเรื่องยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาสำนวนของอัยการ

ขณะเดียวกัน กรมป่าไม้ยังได้เสนอเรื่องให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดำเนินคดีกับสมพรในฐานความผิดกรณียึดถือหรือครอบครองทรัพยากรธรรมชาติ หรือแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติโดยมิชอบด้วยกฎหมายต่อไป

ภาพ: คณะก้าวหน้า

Tags: , ,