“พอกันทีสำหรับลูกค้าชาวเยอรมัน” 

หญิงค้าบริการหรืออาชีพที่หลายคนเรียกติดปากว่า Sex Worker รายหนึ่งแสดงความคิดเห็นผ่านสารคดี ‘A Shady Side of Paradise – Sex Tourism in Thailand’ ผลงานของด็อยท์เชอเวลเลอ (Deutsche Welle: DW) สื่อสัญชาติเยอรมัน ที่กำลังเป็นประเด็นในโลกโซเชียลมีเดียช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอบอกเล่าเรื่องราวผ่านสารคดีนี้ว่า ลูกค้าชาวเยอรมันรายหนึ่งหลอกเธอให้หลับนอน จนเกิด ‘ตั้งท้อง’ ขึ้นมา แต่สุดท้าย ผู้ชายคนนั้นทิ้งเธอไป แม้เคยสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างกันก็ตาม

เรื่องราวข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสารคดีที่กินเวลาถึง 42:25 นาที ตีแผ่ให้เห็นอุตสาหกรรมค้าบริการทางเพศของไทยใน ‘พัทยา’ เมืองแห่งแสงสีที่ดึงดูดชาวต่างชาติด้วย Sex Worker มากกว่า 6 หมื่นชีวิต ซึ่งสวนทางกับความเป็นไปในหน้าสื่อ เจ้าหน้าที่รัฐไทยมักรายงานว่า ‘ไม่พบเบาะแส’ การค้าประเวณีแม้แต่เล็กน้อย

ไม่ใช่แค่เรื่องราวของหญิงสาวที่ค้าบริการทางเพศ สารคดีนี้ยังเผยถึง ‘ด้านมืด’ ในธุรกิจดังกล่าว นับตั้งแต่ความไม่ปลอดภัยในร่างกายของกลุ่มแรงงาน การล่วงละเมิดทางเพศเยาวชนไม่ถึงอายุ 18 ปี และสกู๊ปข่าวดังกล่าวยังเจาะประเด็นเรื่องการค้าบริการทางเพศในเมืองพัทยา ผ่านการสัมภาษณ์ พลเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร) อีกด้วย

นอกจากด้านมืด ความปลอดภัยและการค้าบริการทางเพศเด็กแล้ว สารคดีดังกล่าวยังพูดถึงเรื่องราวอำนาจเงินที่ดลบันดาลให้ความผิดมลายหายไป ดังตอนหนึ่งในสารคดีที่ระบุว่า มีชายเยอรมันคนหนึ่งถูกตั้งข้อหา ‘ล่วงละเมิดทางเพศเด็ก’ มากกว่า 1 คน ถูกจับที่พัทยาเพื่อรอดำเนินคดี แต่หลังจากจับกุมได้ไม่นาน ชายเยอรมันคนนี้กลับหนีออกนอกประเทศไทยได้ พร้อมระบุว่า เขาต้องจ่ายเงินติดสินบนมากกว่า 1 ล้านบาท เพื่อหลบหนี

จากสารคดีดังกล่าวส่งผลให้พลเอกสุรเชษฐ์ในฐานะผู้รับผิดชอบคดี สั่งตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมกับจะแถลงข่าวในวันที่ 5 ธันวาคมที่จะถึงนี้ 

แม้คนไทยบางส่วนชมวิดีโอดังกล่าวไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ในประเทศไทย แต่ The Momentum สรุปประเด็นสำคัญในสารคดี A Shady Side of Paradise – Sex Tourism in Thailand ให้ทุกคนได้เข้าใจง่ายที่สุดไว้ดังนี้

พัทยา: เมืองที่เติบโตจากหญิงค้าบริการ แต่เต็มไปด้วย ‘ด้านมืด’ มากมาย

สารคดีเปิดด้วยเรื่องราวของสถานการณ์ปัจจุบันในพัทยา เมื่อการค้าบริการทางเพศได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2020 สะท้อนด้วยภาพแสงสี บรรยากาศในบาร์ ร้านนวด และแผงร้านขายเบียร์ ที่เต็มไปด้วยผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยมากมาย 

อย่างไรก็ตาม แม้พัทยาเป็นพื้นที่ทำรายได้ให้กับรัฐไทยอย่างมหาศาล ทว่าในอีกมุมหนึ่ง แหล่งค้าบริการทางเพศในพัทยากลับเต็มไปด้วย ‘ด้านมืดมากมาย’ จากช่องว่างทางกฎหมายที่รอวันเปิดโปงให้เห็นความเน่าเฟะ 

ทั้งนี้ สารคดีนำเสนอชาวต่างชาติรายหนึ่งที่เดินทางมา ‘ใช้ประโยชน์’ จากสถานการณ์การค้าบริการทางเพศผิดกฎหมายในประเทศไทย ด้วยการซื้อบริการจากกลุ่ม ‘Bar Girls’ หรือผู้หญิงที่แอบค้าบริการในบาร์ด้วยราคาที่ ‘ย่อมเยา’ กว่าประเทศของตนเอง

ทำไมพวกเราถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ เรามาที่นี่เพื่อมีเซ็กซ์ด้วยการจ่ายเงินที่น้อยกว่าไงละ” 

ชายนิรนามคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับ DW ถึงเหตุผลในการซื้อบริการทางเพศในไทย เพราะการค้าบริการในไทยยังมีราคาถูก หากเทียบธุรกิจในเยอรมนีที่ถูกกฎหมาย ทำให้ผู้คนต้องจ่ายมากกว่า 2 เท่า เพื่อให้ได้บริการระดับเทียบเท่ากับไทย

ขณะที่ชายชาวเยอรมันอีกคนหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า นอกจากความประทับใจต่อผู้หญิงในประเทศไทย ทั้งในด้านความสวย การดูแลเอาใจใส่ และความสามารถของพวกเธอ ธุรกิจนี้เป็นการสนับสนุนผู้หญิงอีสานของประเทศไทย ซึ่งมักอยู่กับความยากจนและดำรงอาชีพด้วยการทำนา โดยที่เขาก็ยอมรับว่า การซื้อบริการทางเพศไม่ได้ใช้ ‘จริยธรรม’ ในการไตร่ตรองเท่าไร และเขายินดีจะจ่ายเงินเพื่อแลกการปรนเปรอทางเพศ

อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่า ความสัมพันธ์นี้มากกว่า ‘ธุรกิจ’ เพราะตนยังมีความรู้สึกดีๆ อย่าง ‘ความรัก’ มอบให้ แม้จะมีกำแพงทางภาษาก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการดำรงความสัมพันธ์เช่นนี้ 

ขณะที่สารคดีเผยให้เห็นมุมของ อ้อม ผู้ค้าบริการทางเพศชาวไทยคนหนึ่ง โดยเล่าว่า ตนเองเกือบออกจากวงการสีเทา เพราะท้องกับลูกค้าชาวเยอรมัน โดยฝ่ายชายเคยสัญญาว่าจะพร้อมเคียงข้างเธอในฐานะครอบครัว แต่สุดท้ายเขาก็ทิ้งเธอให้เลี้ยงลูกเพียงลำพัง

“ฉันท้องได้ 5 เดือน ตอนกลับมาเมืองไทย แล้วเขาก็ขาดการติดต่อไปเลย ฉันไม่รู้เหมือนกัน เขาอาจจะไม่ได้อยากรับผิดชอบอะไรก็ได้” อ้อมกล่าวและอธิบายว่า เธอรู้สึกแย่ รวมถึงมีอคติกับผู้ชายเยอรมันไปโดยปริยาย

สำหรับตอนนี้ อ้อมยังดำรงชีพด้วยการค้าบริการเช่นเดิม เพราะไม่มีทางเลือกมากนัก และสิ่งที่เธอทำได้มากที่สุด คือการฟ้องร้องทางกฎหมายเพื่อให้พ่อของเด็กต้องส่งเสียค่าเลี้ยงดู 

“อย่าตัดสินพวกเราจากอาชีพการงาน เราไม่ได้ปล้นใคร เราแค่ทำงานของเรา จริงอยู่ที่ว่ามันผิดกฎหมาย แต่ไม่ได้หมายความว่า พวกคุณจะปฏิบัติต่อเราอย่างไร้การเคารพได้” อ้อมแสดงความคิดเห็น

นอกจากนี้ วิถีชีวิตของอ้อมเผยให้เห็นว่า หญิงค้าบริการในพัทยาต้องทำงานอย่างหลบซ่อนตามผับและบาร์ เนื่องจากรัฐไทยไม่อนุญาตให้ทำอาชีพดังกล่าวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย 

สถานการณ์ดังกล่าวนำมาสู่ปัญหานานัปการ ไม่ใช่พวกเธอไม่ได้รับสวัสดิการหรือประกันสังคมเหมือนอาชีพอื่นๆ โดยเฉพาะความช่วยเหลือหรือเงินเยียวยาในระหว่างโรคระบาดโควิด-19 แต่เธอเผยว่า ตนเองยังพบเจอการคุกคามทางเพศ และไม่มีทางป้องกันตัวจากลูกค้าบางราย 

‘ค้าบริการทางเพศกับเด็ก’ ประเด็นใหญ่ที่ไร้คำตอบ

ภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่เดินจูงแขนกับหญิงค้าบริการ ‘อายุต่ำกว่า 18 ปี’ กลายเป็นเรื่องปกติในพัทยา แม้จะมีหน่วยงานสิทธิมนุษยชนแห่งหนึ่งเดินตรวจสอบ และไล่สอบถามชาวต่างชาติถึงสถานการณ์นี้ก็ตาม

“เราได้รับเรื่องจากคนที่เดินเข้ามาถึงอาชญากรรมต่อเด็กอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะที่แห่งนี้ (Walking Street ในพัทยา) มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืน หนาแน่นไปด้วยผู้คน ย่อมไม่ปลอดภัยอยู่แล้ว” ตัวแทนจากหน่วยงานสิทธิมนุษยชนแสดงความคิดเห็นกับ DW

อย่างไรก็ตาม ผู้จัดทำสารคดีของ DW เดินทางไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เพิ่มเติมด้วยการพูดคุยกับ บิ๊กโจ๊ก-สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.

ทั้งนี้ รอง ผบ.ตร.ยอมรับว่า สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเหยื่อเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศเริ่มอายุน้อยลดต่ำลง ขณะที่สถิติความรุนแรงเพิ่มขึ้น และคนร้ายชำนาญการใช้เทคโนโลยีอำพรางตัวตน

เหล่านี้เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่สุรเชษฐ์ย้ำว่า กระทรวงมหาดไทยและตนสั่งให้ตำรวจทุกสถานีคอยตรวจสอบเฝ้าดูอาชญากรรมดังกล่าว ก่อนจะมอบคลิปวิดีโอการปฏิบัติการพิเศษของหน่วยต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต (Thailand Internet Crimes Against Children: TICAC) ให้กับ DW เผยให้เห็นการจับกุมกลุ่มอาชญากรรมที่อยู่เบื้องหลัง ‘หนังโป๊เด็ก’ 

นอกจากนี้ สารคดียังนำเสนอคดีการจับกุมบาร์ค้าบริการทางเพศเด็กที่ชื่อ ‘Cobra Bar’ ในเดือนกันยายน 2022 หลังสุรเชษฐ์อนุญาตให้ทีมงานของ DW เข้าไปร่วมฟังการประชุมสถานการณ์ล่าสุด

เบื้องต้น การหารือของตำรวจเผยว่า Cobra Bar คือสถานที่ผิดกฎหมายในการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก โดยมีหลักฐานคือ ‘ใบเสร็จรับเงิน’ ที่ถูกซ่อนไว้ใต้โต๊ะแห่งหนึ่ง ขณะที่เหยื่อที่อยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ 11 คน มีเพียงคนเดียวที่อายุ 18 ปีบริบูรณ์ ซึ่งเผยว่า เด็กหลายคนถูกผู้ปกครองบังคับให้ค้าประเวณี

จากการไต่สวนขั้นตอนการซื้อบริการ เหยื่อจำนวนหนึ่งระบุว่า ผู้ซื้อบริการหลายคนทำทีเป็นเลี้ยงเครื่องดื่ม ขณะที่พวกเธอต้องเขียนชื่อเล่นลงใบเสร็จดังกล่าวเพื่อระบุตัวตน ก่อนไปตกลงรายละเอียดกันในภายหลัง

อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดมากมาย นอกจากเรื่องของเหยื่อเด็กที่ถูกบังคับให้ทำงานค้าบริการทางเพศ และถูกกระทำชำเราจากชายชาวเยอรมันคนหนึ่งที่มีข้อมูลแค่ ‘มาจากแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt)’ ในอะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง 

บทส่งท้าย: จาก Sex Worker สู่  ‘การทุจริต’ เมื่อคนร้ายหลบหนีออกจากนอกประเทศไทย

แม้สุรเชษฐ์ชี้แจงในสารคดีว่า ในเวลานั้น ชายผู้ต้องสงสัยชาวเยอรมันถูกตั้งข้อหา ‘ล่วงละเมิดทางเพศเด็ก’ มากกว่า 1 คน และเขากำลังถูกจับกุมตัวที่พัทยาเพื่อรอดำเนินคดี ขณะที่เจ้าของบาร์ชาวอังกฤษกำลังถูกสอบสวนในประเด็นค้ามนุษย์ 

ทว่า DW กลับรายงานว่า ชายชาวเยอรมันคนนี้หลบหนีออกจากประเทศไทยไปได้ หลังการจับกุมผ่านไปไม่นาน ก่อนที่ทีมงานจะได้รับอนุญาตให้สัมภาษณ์เขาที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี

เบื้องต้น ชายผู้ต้องสงสัยระบุว่า เขาจ่ายเงิน ‘ใต้โต๊ะ’ มหาศาลประมาณ 1 ล้านบาท เพื่อหลบหนีออกจากประเทศ เพราะเชื่อว่า เขาไม่ได้รับความเป็นธรรมในการไต่ส่วน

“ผมมีเอกสารให้พวกคุณดูว่า ผมได้รับการอนุญาตให้ออกจากประเทศไทย มีหลายคนที่เซ็นเอกสารอนุญาต ตั้งแต่อัยการ ผู้พิพากษา และตำรวจที่เริ่มดำเนินคดี” ชายชาวเยอรมันอธิบาย ก่อนแนบคลิปวิดีโอจ่ายสินบนเพื่อหลบหนี รวมถึงรูปเด็กอายุ 15 ปีในบาร์แห่งนั้น โดยอ้างว่า เขาไม่คิดว่าเธอเป็นเด็ก แต่นี่คือผู้หญิงวัย 30 ปี ที่ยังไร้ข้อบกพร่องในร่างกาย 

“ผมก็ยอมรับนะว่า ข้อกล่าวหาทั้งหมดเป็นความจริง (…) แต่กรณีของผมมันพิเศษ พวกเธอปฏิเสธและกลับบ้านไป แน่นอน ผมไม่อ้อมค้อมว่า ผมพาพวกเธอกลับไปเพื่อมีเซ็กซ์ด้วย

“สิ่งที่ผมรู้สึกไม่เป็นธรรมกับตำรวจไทย เพราะผมไม่รู้ว่าเด็กมากมายทำงานที่นั่น ถ้าผมเป็นไอ้พวกใคร่เด็กจริง ก็คงเดินทางไปที่อื่นแล้ว พูดตรงๆ นะ ผมอยู่ที่นั่น (พัทยา) แค่อาทิตย์เดียว ผมเห็นเด็กผู้หญิงนับไม่ถ้วนที่ค้าบริการ มันง่ายมากเลยที่คุณจะพาพวกเขาไปเปิดโรงแรม และจะไม่มีใครรู้ว่า คุณชื่ออะไรหรือทำอะไรสักอย่าง

“คุณก็น่าจะรู้เบื้องหลังที่แห่งนี้ดีอยู่แล้ว คุณเที่ยวประเทศไทยมากกว่า 30 ปี (…) มันแทบจะเหมือน ‘การประมูลสัตว์’ เลย ผู้หญิงกลายเป็นสินค้าที่แลกเปลี่ยนด้วยเงิน ธุรกิจนี้ใหญ่โตขึ้นทุกวัน แต่ผมจะไม่แนะนำให้คุณไปเที่ยวหรอกนะ” 

ชายผู้ต้องสงสัยชาวเยอรมันกล่าวกับทีมงาน DW โดยทิ้งท้ายปริศนาที่ไร้คำตอบ และรอการชี้แจงจากทางการไทย

 

อ้างอิง

https://www.dw.com/en/a-shady-side-of-paradise-sex-tourism-in-thailand/a-67057449

https://www.thaipbs.or.th/news/content/334529

Tags: , , , , , , , , , , , , ,