วันนี้ (10 มิถุนายน 2567) ตลาดหุ้นไทยปิดภาคเช้าลงแรงกว่า 17.30 จุด จนหลุดกรอบแนวรับ 1,320 จุด ไปเหลือ 1,315.44 จุด หรือติดลบกว่า 1.30% โดยมีปัจจัยกดดันคือความหวังการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่ลดลง จากตัวเลขการจ้างงานสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤษภาคมที่สูงกว่าที่คาด โดยการประชุม FED จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้
ในรายการทันหุ้นทันเกมเช้าวันนี้ ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท หลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ตลาดวันนี้ต้องดูเรื่องอัตราดอกเบี้ย โดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดดอกเบี้ยไปก่อนแล้ว ส่วนที่เหลือคือ FED และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย โดยทั้ง 2 ส่วน น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยตามเดิม ฉะนั้นจึงยังไม่มีผลกับตลาดมากนัก
ณัฐวุฒิยังวิเคราะห์ 2 เครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย คือ อสังหาริมทรัพย์และยานยนต์ โดยพบว่าอยู่ในระดับค่อนข้างแย่ ในส่วนอสังหาริมทรัพย์ แม้จะมีการกระตุ้นด้วยการลดค่าโอนอสังหาริมทรัพย์ แต่หากพิจารณาจริงยังพบว่า ค่อนข้าง ‘ฝืด’ เพราะมีการกู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ไปเต็มเพดานแล้ว ขณะเดียวกัน ในส่วนของยานยนต์พบว่า ตลาดรถยนต์ค่อนข้างแย่ อุปสงค์ในส่วนของการซื้อรถยนต์ต่ำทั้งรถยนต์มือหนึ่งและมือสอง ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า แต่ละค่ายรถยนต์ต่างก็อัดโปรโมชันค่อนข้างแรง แต่ยอดยังไม่กระเตื้องมากนัก ซึ่งอาจส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ คือดีลเลอร์ไม่สามารถขายรถยนต์ได้ กระทบกับโรงงานที่ผลิตรถยนต์ และกระทบกับอุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์ตามไปด้วย
ทั้งนี้ ณัฐวุฒิระบุว่า ยังคงคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลัง โดยหากมีการฟื้นในส่วนของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long–Term Equity Fund: LTF) ก็อาจจะพอพยุงตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังได้บ้าง หากหุ้นปรับขึ้น แต่เศรษฐกิจชะลอตัว สุดท้ายตลาดหุ้นก็จะปรับลงตามพื้นฐานเศรษฐกิจอยู่ดี
“กรอบของตลาดหุ้นไทยถอยลงไปเรื่อยๆ ที่เรามองหลักๆ คือ 1,320 ถ้าลงก็ไป 1,300 ทั้งนี้ เราคิดว่า SET ดูไม่ค่อยดี นับตั้งแต่สัปดาห์ก่อนที่ปรับลงตั้งแต่ 1,330 เป็นโลว์ตั้งแต่เดือนเมษายน ตอนนี้โลว์สุดในรอบ 4 ปี แล้ว มีโอกาสที่จะอ่อนลงต่อได้” ณัฐวุฒิระบุ
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์เช้าวันนี้ตอนหนึ่งว่า ปัจจัยการเมืองยังคงเป็นประเด็นที่ Overhang โดยต้องจับตากรณีคำตัดสินยุบหรือไม่ยุบพรรคก้าวไกล รวมถึงประเด็นคำร้องความเป็นนายกรัฐมนตรีของ เศรษฐา ทวีสิน และคาดว่า อาจมีคำตัดสินในช่วงปลายเดือนมิถุนายนหรือต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งมีความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
“กลยุทธ์ยังแนะนำถือลงทุนต่อเนื่อง และเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และมีความเสี่ยงต่ำจากผลกระทบของปัจจัยในประเทศ” บทวิเคราะห์ของฟินันเซีย ไซรัสระบุ
ติดตามรายการ ‘ทันหุ้นทันเกม’ ได้ทาง https://www.youtube.com/live/E00e7uwrxyY
Tags: ตลาดหุ้น, ทันหุ้น, หุ้นไทย