จเด็จยืนยันจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เป็นทางออกที่ดี-สามารถทำได้ กฎหมายรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามไว้

วันนี้ (1 มิถุนายน 2566) จเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ผ่านรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ซึ่งมี ศิธา ทิวารี ร่วมสนทนาด้วย ในประเด็นความคิดเห็นส่วนตัวของจเด็จเกี่ยวกับ ‘การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ’ เขากล่าวว่า หลังการเลือกตั้ง 15 วัน นับเป็นการเลือกตั้งที่มีความคืบหน้า แต่เป็นความคืบหน้าที่ไม่จริง เพราะแค่การเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังตกลงให้สำเร็จลุล่วงไม่ได้ ส่วนตัวจึงคิดถึงเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า สามารถทำได้ แต่ประเทศไทยยังไม่เคยทำ อีกทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ห้ามเอาไว้

“ถึงไม่ได้มีวิกฤตแต่หากช่วงเส้นทางระหว่าง 60 วันก่อนการประชุมรัฐสภาในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ เราควรมีความคิดที่จะใช้พลังที่ดี พลังแห่งความสามัคคีมาร่วมมือกัน สร้างการเมืองที่สร้างสรรค์ โดยเน้นสร้างความปรองดองเพื่อให้เกิดรัฐบาลแห่งชาติ” จเด็จอธิบายถึงความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ

เขาอธิบายต่อว่า เป็นความจำที่ต้องจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แม้จะมีการเลือกตั้งก็ตาม เพราะการเลือกตั้งเป็นกระบวนการเพื่อคัดเลือกหัวกะทิจากแต่ละพรรคมาร่วมงานกันเท่านั้น แต่การมีรัฐบาลแห่งชาติคือการเล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์ หมายถึงการเล่นการเมืองแบบมีศักดิ์ศรี ไม่แบ่งฝ่ายหรือแบ่งพรรคพวกกัน

นอกจากนี้ จเด็จยังตอบคำถามที่พิธีกรถามว่า ปัญหาทางการเมืองที่คาราคาซังในการจัดตั้งรัฐบาลในตอนนี้ล้วนมาจาก ส.ว.ทั้งสิ้นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจาก ส.ว. และอีกไม่นานจะมีการเสนอชื่อว่าใครจะเป็นประธานสภาฯ แน่นอนว่ายังมีปัญหาความวุ่นวายอีกหลายอย่างตามมา ส่วนตัวจึงเสนอว่า ให้นำส่วนดีๆ ของแต่ละพรรคมาทำเรื่องดีๆ มาช่วยกันทำงานอย่างสร้างสรรค์ดีกว่า

สุดท้ายนี้ ทางศิธาถามกลับอย่างน่าสนใจว่า ‘ประชาธิปไตย’ เป็นสิ่งที่ทำให้คนทั้ง 70 กว่าล้านคน สามารถอยู่ร่วมกันได้ และเน้นย้ำว่าการทะเลาะมีปากเสียง ความเห็นต่างทางการเมือง และการทำงานทางการเมืองเป็นเรื่องปกติของประชาธิปไตย นั่นหมายถึงฉันทามติของคนส่วนมาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีคนเห็นต่าง และอุปสรรคเหล่านั้นไม่ใช่เหตุผลที่ต้องสละเรือที่ชื่อว่า ‘ประชาธิปไตย’ และไปขึ้นเรือลำอื่น พร้อมเน้นย้ำอีกครั้งว่าปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นติดที่ ส.ว.โดยเฉพาะ ‘บทเฉพาะกาล 5 ปี’ 

“ดังนั้น การที่จเด็จบอกว่าให้ทนรออีกแค่ปีเดียว ก็อยากถามกลับเช่นกันว่า ท่านรอไม่ได้หรือจาก 9 ปีที่ผ่านมา แล้วปล่อยให้ประชาธิปไตยได้เดินหน้าดังที่ควรจะเป็นได้แล้ว” ศิธาทิ้งท้าย