เมื่อคืนนี้ (23 มิถุนายน 2025) วลาดีมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ผู้นำรัสเซียแสดงความคิดเห็นถึงกรณีสหรัฐอเมริกาเปิดปฏิบัติการโจมตีฐานนิวเคลียร์อิหร่านว่า ‘ไม่ชอบธรรม’ และทำให้โลกเผชิญอันตรายร้ายแรงที่สุด ขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐฯประกาศพร้อมโค่นล้มระบอบการปกครองอิหร่าน

ทั้งนี้ในหน้าสื่อปรากฏภาพการพบปะระหว่างปูตินกับ อับบาส อาราฆชี (Abbas Araghchi) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน พร้อมด้วย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ (Sergei Lavrov) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย และเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวข้อง โดยผู้นำเครมลินแสดงความคิดเห็นต่อปฏิบัติการของสหรัฐฯ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ไม่ชอบธรรม ถือเป็นการรุกรานทำร้ายอิหร่าน โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ยั่วยุก่อนแต่อย่างใด 

“มหาอำนาจนอกภูมิภาคเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งโดยตรง โลกทั้งใบกำลังอยู่ในจุดที่อันตรายที่สุด” ปูตินกล่าวกับอาราฆชี โดยหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงชื่อประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสหรัฐฯ ขณะที่แหล่งข่าววงในของ Reuters เผยว่า อายะตุลลอฮ์ อาลี คาเมเนอี (Ayatollah Ali Khamenei) ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ขอความช่วยเหลือรัสเซียผ่านการพบปะครั้งนี้ 

ที่ผ่านมารัสเซียมีบทบาทสำคัญในฐานะลูกค้าอาวุธยุทโธปกรณ์ของอิหร่าน โดยมีข้อตกลงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์เป็นระยะเวลา 20 ปี เพื่อแลกอาวุธกับความช่วยเหลือด้านการพัฒนาโรงงานนิวเคลียร์ แต่จุดยืนของรัสเซียเหมือนกับสหรัฐฯ และประเทศมหาอำนาจอื่นๆ คือ ไม่สนับสนุนให้เตหะรานครอบครองอาวุธนิวเคลียร์​ ซึ่งเชื่อว่า อาจทำให้ตะวันออกกลางอันตราย จากการแข่งขัน สะสม และพัฒนาอาวุธร้ายแรงดังกล่าว

ในช่วงที่ผ่านมา ทรัมป์เปิดเผยต่อสื่อว่า ปูตินพยายามเข้ามามีบทบาทในสงครามอิสราเอล-อิหร่าน ในฐานะ ‘ตัวกลางไกล่เกลี่ย’ แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ปฏิเสธและย้ำว่า ผู้นำรัสเซียควรจัดการปัญหาใหญ่อย่างสงครามรัสเซีย-ยูเครนก่อน 

“ปูตินเสนอตัวจะไกล่เกลี่ย ผมก็เลยบอกว่า นายช่วยฉันหน่อยได้ไหม จัดการเรื่องของนายก่อน ไกล่เกลี่ยรัสเซียก่อนนะ โอเคไหม ผมบอกว่า วลาดีมีร์จัดการรัสเซียก่อน แล้วค่อยกังวลเรื่องนี้ในภายหลัง” ทรัมป์ย้ำ ส่วนสาเหตุที่ปูตินขอเล่นบทบาทผู้ไกล่เกลี่ย เพราะนอกจากมีความสัมพันธ์อันดีกับอิหร่านแล้ว ผู้นำรัสเซียยังใกล้ชิดกับ เบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) นายกรัฐมนตรีอิสราเอล

ขณะที่ล่าสุดทรัมป์แสดงความคิดเห็นถึงแนวโน้มการล้มระบอบในอิหร่านว่า หากสิ่งที่เป็นอยู่ไม่สามารถทำให้ ‘เตหะรานยิ่งใหญ่อีกครั้ง’ การเปลี่ยนแปลงการปกครองก็เป็นทางเลือกที่ดี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวขัดแย้งกับท่าทีของ พีท เฮกเซท (Peth Hegseth) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และ เจ.ดี. แวนซ์ (J.D. Vance) ที่ย้ำว่า ปฏิบัติการถล่มฐานนิวเคลียร์ไม่เกี่ยวข้องกับการพยายามล้มระบอบการปกครองภายใต้คาเมเนอี

อย่างไรก็ตาม เอลเลียตต์ อับบรามส์ (Elliott Abrams) อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำอิหร่าน เมื่อครั้งทรัมป์ดำรงตำแหน่งสมัยแรกให้สัมภาษณ์กับ BBC Radio 4 ว่า ทรัมป์อาจล้อเล่นและเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ผิดที่ผิดทางไปหน่อย

ในอดีตทรัมป์เคยวิพากษ์นโยบายการแทรกแซงต่างประเทศของสหรัฐฯ ว่า การที่ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช (George W. Bush) อดีตประธานาธิบดี ตัดสินใจเปิดปฏิบัติการบุกอิรักในปี 2003 ถือเป็นการตัดสินใจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะในข้อเท็จจริงพบแล้วว่า ซัดดัม ฮุสเซน (Saddam Hussein) อดีตประธานาธิบดีอิรัก ไม่ได้มีอาวุธชีวภาพร้ายแรง (WMDs) ครอบครองตามข้อกล่าวหา ซึ่งนักวิชาการและสื่อต่างลงความเห็นว่า ประวัติศาสตร์กำลังซ้ำรอยอีกครั้ง เพราะทรัมป์เลือกใช้ ‘สูตรสำเร็จ’ เหมือนบุชอย่างไร้ข้อกังขา หลังหลักฐานไม่เพียงพอว่า อิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์จริงๆ 

อ้างอิง

https://www.reuters.com/world/middle-east/iran-weighs-retaliation-against-us-strikes-nuclear-sites-2025-06-23/

https://www.politico.eu/article/donald-trump-vladimir-putin-mediate-israel-iran-conflict-us-russia-benjamin-netanyahu/

https://www.reuters.com/world/china/irans-supreme-leader-asks-putin-do-more-after-us-strikes-2025-06-23/

https://www.theguardian.com/commentisfree/2025/jun/20/middle-east-trump-stopped-war-uk-us-iraq

https://www.bbc.com/news/articles/cp8m3861637o

Tags: , , , , , , , , , ,