วันนี้ (25 มีนาคม 2568) ที่รัฐสภา ในการประชุมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 นายกฯ ชี้แจงตอนหนึ่งถึงประเด็นชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ที่ รังสิมันต์ โรม สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้อภิปรายเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า มีการกล่าวหาว่าพ่อได้กลับมาเพราะมีการ ‘ดีลกับปีศาจ’ ผ่านการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ โดยยืนยันว่า 100% ไม่ใช่ความเป็นจริงเลย เป็นการตัดสินใจของพ่อคือ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อย่างเต็มรูปแบบว่าจะกลับมา

“ด้วยความที่รู้จักคุณพ่อ ไม่อยากให้ท่านกลับมาแล้วติดคุก จำกัดที่ทาง แต่ท่านก็บอกว่า ท่านอยากใช้เวลาที่เหลือ ปีนี้ก็ 75 ปีแล้ว อยากใช้ชีวิตที่เหลือกับเมืองไทย เพราะท่านเติบโตที่เมืองไทยตลอด ท่านคิดเรื่องเศรษฐกิจ ท่านคิดอยากให้ประชาชนรวย ดิฉันฟังท่านก็รู้สึกว่ามีแพสชันว่า คนเราเจอเรื่องมากมายขนาดนี้ก็ยังคิดเรื่องดีๆ กับคนอื่นได้ ต้องใช้พลังบวกเยอะๆ ในใจ ดิฉันก็ได้อะไรมาเยอะเหมือนกัน

“แล้วก็แน่นอน ถ้าวันนั้นเพื่อไทยกับก้าวไกลจับมือกันสำเร็จ พรรคก้าวไกลเป็นผู้นำรัฐบาล พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ยังไง ดร.ทักษิณก็กลับมาอยู่ดี ไม่ว่ารัฐบาลนั้นจะเป็นรัฐบาลที่จัดตั้งโดยใคร เป็นเรื่องที่คุณพ่อตั้งใจแล้ว”

ส่วนเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ แพทองธารระบุว่า เป็นสิทธิของอดีตนายกฯ มีขั้นตอนและกระบวนการที่ไม่ขอก้าวล่วง

ขณะที่เรื่องอาการป่วยไข้ของทักษิณนั้น นายกฯ ระบุว่า เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าต้องรักษาตัวยังโรงพยาบาลตำรวจก็เป็นสิ่งที่ชัดเจน พร้อมกับระบุว่า ‘ป่วยจริง’ ต้องได้รับการรักษาจริง โดยช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนักนั้น บิดาน้ำหนักลดไป 10 กว่ากิโลกรัม ผมร่วงและมีรอยที่ปอด 

“ผลสรุปที่ออกมา หวังว่าท่านจะยอมรับตามที่ดิฉันให้ข้อมูลไป อย่างที่ดิฉันตอบ ท่านก็ไม่เชื่ออยู่ดี” 

แพทองธารยังระบุด้วยว่า ในฐานะนายกฯ ไม่เคยใช้อำนาจแทรกแซงหน่วยงานใดในการอำนวยความสะดวกกับบิดา และขอให้ตรวจสอบไปยังทุกหน่วยงานราชการจะพบว่า ไม่เคยแทรกแซงกระบวนการไหนเลย

“ตลอดการอภิปราย มีการเรียกร้องให้ดิฉันลาออก เป็นสิทธิของทุกท่าน ทุกท่านทำได้ แต่ที่ท่านทำไม่ได้คือขอให้ลาออกจากความเป็นลูกสาวหรือความเป็นแม่” นายกฯ ระบุ

ทั้งนี้ในตอนหนึ่งแพทองธารยังระบุว่า รังสิมันต์อาจได้รับข้อมูลผิด เนื่องจากเคยเป็นแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่จังหวัดภูเก็ต ทำให้รังสิมันต์ลุกขึ้นชี้แจงว่า ไม่เคยเป็นแนวร่วมพันธมิตรฯ ไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมใดๆ หากจะมีกลุ่มที่มีแนวคิดทางการเมืองที่ใกล้เคียงกับตนเองที่สุดก็คือ ‘คนเสื้อแดง’ แต่ก็ไม่กล้าเรียกตัวเองเป็นคนเสื้อแดง เพราะไม่ได้เห็นด้วยหลายอย่างกับแนวคิดของพ่อแพทองธาร อย่างไรก็ตามหลังอาของแพทองธารถูกรัฐประหารในปี 2557 ตนเองเป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่ออกมาประท้วงจนโดนคดีความตามมามากมาย

ก่อนที่แพทองธารระบุภายหลังว่า “พร้อมรับข้อมูลใหม่ๆ เสมอ ท่านจะได้เข้าใจว่าการถูกเข้าใจผิดเป็นอย่างไร”

Tags: , , , ,