วันนี้ (17 กุมภาพันธ์ 2565) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ถึงปัญหาในประเด็นต่างๆ ที่ ส.ส.ฝ่ายค้านตั้งคำถาม โดยระบุว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของรัฐบาลอยู่แล้ว
“หลายท่านในที่นี้อาจจะมองว่าผมและคณะรัฐมนตรีไม่มีความสามารถ แต่ก็ยังมีความเชื่อมั่นของประชาชนทั้งประเทศ ผมเคยคุยกับท่านครั้งหนึ่ง ได้ยินว่า ผมควรจะวางบทบาทให้เหมือนกับรามเกียรติ์ ผมคงเล่นฝ่ายบทพระราม พระลักษณ์ อะไรทำนองนี้ ส่วนอีกฝ่ายก็ต้องเล่นเป็นบททศกัณฐ์ ผมคิดว่าประเทศชาติคงไม่ใช่แบบรามเกียรติ์หรอก แต่ท้ายสุดก็รู้อยู่แล้วว่าทศกัณฐ์เป็นอย่างไรในตอนท้าย ผมไม่อยากกกล่าวอะไรให้เกิดความวุ่นวายกันอีก ไม่อยากกล่าวอะไรที่ทำให้ทะเลาะเบาะแว้งกันอีก
“ผมยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลเดิม ไม่ใช่รัฐบาลเดิมจากปี ’57 ไม่ใช่ ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ นั่งตามรัฐธรรมนูญ 2560 แล้วคนที่อยู่ในอำนาจเดิม ก็มาทำหน้าที่ใหม่ตามรัฐธรรมนูญใหม่ ตามกฎหมายใหม่ ตัวบุคคลไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี มีอยู่ 4 คนที่ซ้ำเดิม นอกนั้นอีก 32 คน เป็นคนใหม่ทั้งหมด นโยบายต้องต่างกันแน่นอน”
พลเอกประยุทธ์ระบุว่า รัฐบาลได้แก้ปัญหาโรงงาน บริษัทต่างๆ ได้จนสำเร็จไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ตอนนี้ที่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ แต่เป็นช่วงวิกฤตของโลกที่เผชิญกับโรคระบาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อเกิดปัญหาหลายอย่างขึ้นพร้อมกัน การแก้ปัญหาเหล่านี้จึงเป็นเรื่องยุ่งยาก และมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นจำนวนมาก รัฐบาลได้เข้าไปแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างแล้ว ยืนยันว่าไม่มีใครทำอะไรโดยไม่ดูกฎหมาย และอ้างอิงถึงรัฐบาลชุดเก่าของ ส.ส.เพื่อไทย ที่อภิปรายเรื่องการแก้ปัญหาของรัฐบาล
“ถ้าทำแล้วดี ผมก็ยอมรับ ถ้าทำแล้วดีผมก็คงไม่ต้องทำ แต่ผมไม่ได้ว่าใครก็แล้วกัน”
ในแง่เศรษฐกิจของประเทศ พลเอกประยุทธ์ระบุว่า ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 เศรษฐกิจไทยได้พลิกกลับมาเป็นบวก 1.3% ต่อปี ถึงแม้ว่าจะไม่สูงมากนัก แต่เกินกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ เพราะเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวอยู่มาก ส่วนเรื่องที่ ส.ส. ฝ่ายค้านตั้งคำถามถึงอัตราว่างงานของนักศึกษาจบใหม่สูงขึ้น พลเอกประยุทธ์ได้อธิบายว่า ตอนนี้มีการจ้างงานมากขึ้น มีคนทำงานกว่า 37.9 ล้านคน ดีขึ้นจากไตรมาส 3 ของปี 2564 จำนวน 3.7 ล้านคน นักศึกษาจบใหม่ในปี 2563-2564 ทำงานในภาคเอกชน 66.78% ทำงานในภาครัฐ 20% ส่วนที่เหลือประกอบอาชีพอิสระหรือทำธุรกิจส่วนตัว
“ตอนนี้การจ้างงานมากขึ้น คนตกงานน้อยลง ถ้าท่านถามว่านักศึกษาตกงาน วันนี้นักศึกษาทำงานอะไรบ้าง คนรุ่นใหม่จบมาทำอะไรบ้าง หนึ่ง ทำข้าราชการ สอง ทำธุรกิจกับบริษัทห้างร้านต่างๆ สาม คือทำธุรกิจส่วนตัว ถ้าไม่ดูตัวเลขตรงนี้ว่ามันตกงานตรงไหน ก็แก้ตรงนั้น อันนี้เดี๋ยวกระทรวงแรงงานชี้แจงได้อยู่แล้ว แม้ว่าเราจะไม่มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่ค่าแรงก็แตกต่างกันในแต่ละจังหวัดอยู่แล้ว ตามศักยภาพ ตามฝีมือ และค่าแรงเราก็ยังสูงกว่าหลายประเทศ
“ท่านบอกว่าปิดกันทั้งหมด ล้มละลายกันทั้งหมด ไม่จริง การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวเปิดกิจการใหม่ในปี 2564 มากกว่าบริษัทที่ปิดกิจการกว่า 4 เท่าตัว ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจสูงขึ้น ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนสูงขึ้นกว่า 6 แสนล้านบาท ดีกว่าก่อนโควิด-19”
ขณะที่พลเอกประยุทธ์ยืนก้มหน้าอ่านเอกสารชี้แจงประเด็นต่างๆ บางช่วงบางตอนนายกรัฐมนตรีได้ใช้น้ำเสียงที่ดังขึ้นคล้ายกับการตะโกน และเมื่ออ่านเอกสารจบ พลเอกประยุทธ์ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า รับฟังทุกฝ่าย ไม่อาจไปก้าวล่วงใครทั้งนั้น แต่ขอให้ทุกคนพูดกันด้วยข้อเท็จจริง และย้ำว่าตัวเองไม่ได้มีอารมณ์ขุ่นเคืองใดๆ ไม่ได้โมโหอะไรทั้งสิ้น แต่ต้องรีบพูดเพราะมีเรื่องให้ชี้แจงเป็นจำนวนมาก
“ทั้งผมและท่าน (ส.ส. ฝ่ายค้าน) เล่นกันคนละบทบาทอยู่แล้ว ที่ท่านให้ผมเป็นพระรามหรือพระลักษณ์ก็แล้วแต่ ท่านอยากเป็นทศกัณฐ์ก็แล้วแต่ ใช่ไหม ดูหนังดูละคร ก็ขอให้ย้อนดูตัวคนเล่นละครด้วย ผมก็ถูกท่านดูอยู่ เพราะฉะนั้นทุกคนก็ต้องดูตัวละครอื่นๆ ด้วย มันถึงจะสำเร็จ ประเทศไทยใหญ่กว่ารามเกียรติ์เยอะ ขอบคุณ สวัสดี”
ภาพ: รัฐสภา
Tags: Report, ประยุทธ์ จันทร์โอชา, ประชุมสภา