เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ทำเนียบรัฐบาล ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขณะเดินทางเยือนประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยในคลิปหนึ่ง ขณะเดินทางเยี่ยมชมเขตอัล-ตุรออิฟ เมืองดีริยะห์ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดย UNESCO โดยในตอนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้นำ ‘ม้าอาหรับ’ มาจัดแสดงให้นายกรัฐมนตรีชม

ทั้งนี้ หลังจากเห็นม้า พลเอกประยุทธ์ได้คุยกับม้าที่นำมาจัดแสดงในเขตอัล-ตุรออิฟ ว่า “The day before I am young” และหลังจากนั้น ได้ป้อน ‘แครอต’ ให้ม้ากิน แต่ม้ายังคงเลียมือพลเอกประยุทธ์ต่อ แม้แครอตจะหมดแล้ว ทำให้พลเอกประยุทธ์ต้องบอกว่า ‘เฮ้ย’

สำหรับม้าอาหรับ ถือเป็นม้าที่เติบโตในสภาพอากาศแบบทะเลทราย โดยมีความโดดเด่นทั้งในด้านรูปร่าง ความเร็ว รวมถึงอุปนิสัยในการอยู่ร่วมกับมนุษย์ และบรรดาชีคหรือเศรษฐีในอาหรับนั้น มักนิยมเลี้ยงม้าอาหรับไว้หลายตัว

นอกจากนี้ ทำเนียบรัฐบาลยังได้เผยแพร่คลิปนายกรัฐมนตรีพูดกับนักศึกษาไทยในซาอุดีอาระเบีย โดยพลเอกประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลนี้ได้ดำเนินการหลายปี และได้เห็นถึงปัญหาเกิดขึ้น ก็ได้ครุ่นคิดหาวิธีการในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้เท่าเดิมได้และดีกว่าเดิม โดยมีความพยายามดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 จนวันนี้ มีสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงริยาดห์ เมืองหลวงของประเทศซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ที่ต้องใช้เวลาคืนสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียนานถึง 30 ปี

“กว่าจะสำเร็จถึงวันนี้ได้ ไม่ใช่งานที่ง่ายนัก แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องเดินหน้าด้วยกันใหม่ ต้องเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะเรื่องการลงทุน การค้า ความร่วมมือทางด้านอาหาร พลังงาน การท่องเที่ยว และแรงงาน ต่อจากนี้ไป เราจะมีคนไทยมาอยู่ที่นี่มากขึ้น เนื่องจากความสัมพันธ์ยกระดับขึ้นมาทุกด้านแล้ว จะมีการจ้างงาน มีการลงทุนระหว่างกัน มีการนำแรงงานเข้ามา”

ด้าน ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ ได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานเร่งจัดหาแรงงานไทยที่มีศักยภาพเข้าร่วมทำงานในซาอุดีอาระเบีย หลังจาก สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของไทย ได้หารือทวิภาคีร่วมกับ อาเหม็ด บิน สุไลมาน อัลรอยิฮี (Ahmad bin Sulaiman Alrajhi) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาทางสังคม ซาอุดีอาระเบีย จนได้ข้อตกลงว่าไทยและซาอุดีอาระเบีย ยินดีที่จะผลักดันความร่วมมือด้านแรงงาน โดยเฉพาะในภาคบริการต่างๆ ทั้งธุรกิจโรงแรม สุขภาพ ตลอดจนอุตสาหกรรมก่อสร้างในโครงการขนาดใหญ่ โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน และสำนักงานแรงงานในกรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย จะเป็นผู้ประสานงานหลักร่วมกับฝ่ายซาอุดีอาระเบีย

ธนกรระบุว่า ในอนาคต คาดว่าจะมีการเดินทางแลกเปลี่ยนการเยือนระดับรัฐมนตรี บริษัทจัดหาแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางด้านแรงงานระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียมากขึ้น เพื่อเร่งรัดการดำเนินการจนเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า การจัดหาแรงงานไทยนั้นต้องทำทันที และต้องเห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนภายใน 2 เดือน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนที่เป็นแรงงานที่มีศักยภาพ มีความพร้อมของไทย ซึ่งความสำเร็จจากการหารือร่วมกับซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เป็นผลจากความตั้งใจและความพยายามในการดำเนินการของรัฐบาลไทยตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา

ที่มา: https://youtu.be/OKSHhzvj48M?t=131

Tags: , ,