ประยุทธ์แจงปม ‘ทุนจีนสีเทา’ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดก่อนหน้าต้องจัดการ แต่กลับปล่อยปละละเลย

วันนี้ (16 กุมภาพันธ์ 2566) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขึ้นชี้แจงเรื่องทุนสีเทา ในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 วันที่ 2 โดยชี้แจงว่า เรื่องทุนสีเทาที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลนี้ และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลก่อนหน้าและควรเป็นรัฐบาลที่ผ่านมาเป็นคนจัดการ

ย้อนกลับไปก่อนหน้า รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขึ้นอภิปรายเรื่องทุนจีนสีเทาที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามาเพื่อประกอบมิจฉาชีพ กอบโกยผลประโยชน์ โดยเฉพาะในกรณี ‘ตู้ห่าว’ ที่กำลังเป็นเรื่องร้อนในปัจจุบัน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับ ‘คนสีเทา’ ในประเทศไทยหลายคน รวมถึง ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย ในสมัยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมทำหน้าที่เป็นมือเป็นไม้ให้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ รังสิมันต์ยังตั้งคำถามไปถึงความเกี่ยวข้องระหว่างทุนจีนสีเทากับบริษัทในเครือของหลานชายนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน อีกทั้งได้มีการกล่าวถึงเครือข่าย ‘ยาเสพติดข้ามชาติ’ ที่มีความเกี่ยวข้องกับสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ชุดปัจจุบัน ซึ่งเป็น 1 ใน 250 ผลงานการคัดสรรของคณะ คสช. ให้เข้ามาเป็น ส.ว. ชุดแรกอีกด้วย

ทั้งนี้พลเอกประยุทธ์ได้ตอบชี้แจงกรณีดังกล่าวในวันนี้ว่า ทุนจีนสีเทาที่เข้ามาในประเทศไทยได้เข้ามาทำธุรกิจตั้งแต่ก่อนปี 2557 หรือก่อนที่รัฐบาลปัจจุบันจะเข้ามาบริหารประเทศ รวมถึงเรื่องการขอสัญชาติของตู้ห่าวและคณะ มีการยื่นเรื่องมาตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งอยู่ภายใต้รัฐบาลก่อนหน้าตน ต่อมาเมื่อตนมาเป็นรัฐบาลก็มีการจัดการตรวจสอบอย่างเป็นระบบ และอนุมัติสัญชาติไทยในรัฐบาลนี้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและเป็นไปตามระบบ ไม่มีการช่วยเหลือเอื้อพวกพ้อง

“คิดย้อนกลับไปให้ผมนิดหนึ่ง เกิดมาตั้งแต่ก่อนปี 2557 ที่เขาเข้ามา พฤติกรรมเหล่านี้ ผมไม่แน่ใจทำไมที่ผ่านมาไม่มีใครทราบเลยหรือ ทำให้วันนี้จึงต้องมีการฟ้องร้องจากภาคประชาชน ก็ให้มีการสืบสวนสอบสวนตามกฎหมาย”

นายกรัฐมนตรียังแจงเพิ่มเติมว่าจากการสอบสวนทุนจีนสีเทา พบว่าเครือข่ายเหล่านี้นำเงินผิดกฎหมายมาซื้อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หมู่บ้านหรูในบริเวณซอยลาซาล พร้อมทั้งกล่าวว่า “รัฐบาลนี้ไม่มีแน่นอนกับการซื้อหมู่บ้านขายสัญชาติ” และพาดพิงไปถึงความเกี่ยวข้องระหว่างทุนจีนสีเทากับอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลก่อนจะเกิดการรัฐประหาร ดังนั้น การจัดการเรื่องดังกล่าวควรเข้มงวดมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนหน้า พร้อมทั้งยืนยันว่ารัฐบาลทำทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด บางอย่างเปิดเผยได้ แต่บางอย่างยังคงอยู่ภายใต้กระบวนการสอบสวน

อย่างไรก็ดี หลังได้รับข้อมูลเรื่องทุนจีนสีเทา นายกรัฐมนตรีก็ได้มีการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนรอบด้าน หากพบคนในเครื่องแบบมีส่วนพัวพัน ก็จะจัดการทันทีโดยไม่มีการยกเว้น ส่วนการโยกย้ายนายตำรวจที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีความเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวนั้น เป็นไปตามการแต่งตั้งโยกย้ายซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งไม่สามารถไปแทรกแซงการทำงานได้

อีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องเครือข่ายยาเสพติด นายกรัฐมนตรีแจงว่ามีการออกหมายเรียก ส.ว. ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว และเป็นไปตามกระบวนยุติธรรมเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตนเป็นฝ่ายบริหารคงไม่เข้าไปก้าวก่ายหน้าที่ในเรื่องดังกล่าว ดังนั้นไม่สามารถมีใครไปช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ได้

“ผมจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้โดยเด็ดขาด เพราะทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฏหมายเดียวกัน”

นอกจากนี้ ในเรื่องที่กล่าวหาว่าในรัฐบาลปัจจุบันมีการคอร์รัปชันนั้น ตนไม่อยากจะพูด เนื่องจากในรัฐบาลที่ผ่านมาก็มีรัฐมนตรีมากมายที่เข้าไปเกี่ยวข้องและติดคุกหลายคน ตั้งแต่มีรัฐบาลปี 2557 ยังไม่มีรัฐมนตรีท่านไหนติดคุกแม้แต่คนเดียว หรือหากใครมีข้อมูลการทุจริตหรือความเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นๆ ก็แจ้งมาที่รัฐบาลได้ พร้อมที่จะตรวจสอบทันที

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีไม่ได้ชี้แจงถึงสิ่งที่รังสิมันต์ตั้งคำถาม ถึงความเกี่ยวข้องระหว่างทุนจีนสีเทากับบริษัทในเครือของหลานชายนายกรัฐมนตรี โดย ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวว่าจะตอบหรือไม่ไม่ใช่ปัญหา แต่ผลดังกล่าวก็ขึ้นอยู่กับตัวนายกรัฐมนตรีเอง และสุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง